ขอมอบเพลงรักให้คุณ



น.ส. สุวภรณ์ เพชรสุกานต์ เลขที่ 15 ม.6/1





บทที่ 1 

บรรยากาศครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังขึ้นอย่างรื่นเริงพร้อมกับฝูงชนจำนวนมากที่แออัดเบียดเสียดกันอยู่ข้างล่างเวที


" ร้อน - "


เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำกับตัวเองพร้อมกับแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง ตามกรอบหน้าเรียวปรากฎหยาดเหงื่อหยดเล็กขึ้นประปราย ในใจของร่างสูงโปร่งคิดเพียงหาทางออกไปจากกลุ่มคนมากมายมากกว่าร้อยคนตรงนี้อย่างไรดี


". . ."


ในขณะที่กำลังครุ่นคิดหาทางออกอยู่นั้นบนเวทีพลันเกิดเสียงกระทบกันของพื้นรองเท้าดังกึกก้อง แม้ว่าจะเป็นเพียงเสียงที่ไม่ได้ดังเท่าใดนักแต่กลับดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดได้อย่างง่ายได้แม้กระทั้งเจ้าของใบหน้าสวยที่กำลังจะเดินออกไปจากวงล้อมด้วยนั้นเอง

?

อาจเป็นความสงสัยเล็กๆที่ทำให้เรียวขาสวยคู่นั้นหยุดเดินออกไป นัยน์ตาสีน้ำเงินทอประกายวาววับราวกับอัญมณีแซฟไฟร์แสนงดงามจับจ้องมองภาพตรงหน้าพร้อมกับสมองที่ค่อยๆหลงลืมความต้องการในทีแรกไป

หลังจากที่หยุดยืนดูครู่หนึ่งเสียงกระหึ่มของเครื่องดนตรีก็ดังผ่านเข้ามาในโสตประสาท นัยน์ตาสีสวยแสนงดงามในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเบื่อหน่ายอย่างชัดเจนจนน่าใจหายพร้อมถอนหายใจแผ่วเบาแล้วใช้ดวงตาคู่คมตวัดกวาดมองไปทั่วเวทีอย่างไร้จุดมุ่งหมาย

ในจังหวะนั้นเองบนเวทีที่เต็มไปด้วยเครื่องเสียงและเครื่องดนตรีมากมายนั้นปรากฏร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีอ่อนอย่างเป็นธรรมชาติค่อยๆย่างกายขึ้นมาบนเวทีอย่างมั่นใจ เสียงรองเท้าสนีกเกอร์ดังกระทบพื้นเป็นจังหวะการก้าวเดินอย่างมั่นคงจนร่างโปร่งของเด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่กลางเวทีที่มีเก้าอี้สองตัวถูกตระเตรียมเอาไว้อย่างดี  ไม่นานนักใบหน้าหล่อเหลาติดหวานละมุนก็เงยขึ้นมามองตรงไปยังผู้ชมเบื้องล่างอย่างหนักแน่นและจริงใจ

นัยน์เนตรสีเหลืองทองเป็นประกายวาววับราวกับอำพันเนื้อดีสบตากับผู้คนมากมายที่ส่งเสียงเชียร์ขึ้นมา รอยยิ้มหวานละมุนทรงเสน่ห์ถูกวาดขึ้นมาจนดวงตาเรียวสวยหยี่ลงชวนให้หัวใจดวงน้อยของผู้คนที่เห็นสั่นไหวจนน่ากลัว ประกอบกับเรือนผมสีขาวบลอนด์อ่อนที่ปล่อยยาวละต้นคอยิ่งทำให้บุคลิกของร่างโปร่งบนเวทีดูมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม  

หลังจากใช้สายตากวาดมองเหล่าผู้ชมเสร็จแล้ว ริมฝีปากสีแดงระเรื่อก็อ้าออกเปล่งเสียงทุ้มนุ่มใส่ไมค์ด้วยรอยยิ้มละมุน


"สวัสดีครับทุกคน-  แสงเหนือครับ  " 

" วันนี้ผมมีเพลงที่จะมอบให้นะครับ - " 


ขณะที่พูดอยู่ใบหน้าอ่อนเยาว์พลันแย้มยิ้มกว้างขึ้นจนน่าเอ็นดูอย่างน่าประหลาดพร้อมทั้งสายตาระยิบระยับที่ติดจะตั้งใจมองไปยังจุดจุดหนึ่งมากเป็นพิเศษอย่างเปิดเผย 


" ถ้าใครร้องได้ก็ขอให้ร้องตามแล้วโบกมือเป็นกำลังใจให้เหนือด้วยนะครับ  "


สิ้นเสียงของเด็กหนุ่มรอยยิ้มสว่างไสววบนใบหน้าก่อนจะหันไปให้สัญญาณมือกับเพื่อนร่วมวงของตัวเอง 

ลมหายใจของเด็กหนุ่มร่างโปร่งบนเวทีถูกสูดเข้าปอดยาวๆหนึ่งครั้งก่อนจะขยับริมฝีปากเข้ามาให้ใกล้ไมค์ยิ่งขึ้น  เรียวนิ้วและมือกระชับกีตาร์ในมือแน่นอย่างคนตื่นเต้น 

ไม่นานเสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้น


          มีใครกำลังเป็นแบบเดียวกับฉันไหม 

มีใครในใจที่แอบรักจนวันนี้ -


เสียงไล่สูงต่ำดังคลอขึ้นมาพร้อมกับเสียงกีตาร์ที่ถูกนิ้วเรียวสวยนั้นดีดเป็นจังหวะของบทเพลงโดยไม่มีเสียงของเครื่องดนตรีอื่นแทรกขึ้นมาแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงกีตาร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนลายดอกไม้กับเสียงของเด็กหนุ่มเท่านั้นที่สลักอยู่ในใจของผู้คน ณ ตอนนี้ 


มีเพียงคนเดียวและเป็นเขาอยู่ทุกที

แต่ก็ยังไม่เคยจะกล้าพูดออกไป

ก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องเป็นแบบนี้ 

เพิ่งได้รู้ความอดทนฉันมีมากมายแบบนี้

แต่ดันใช้มันไปให้ใครที่ไม่เคยมองมา


เสียงทุ้มนุ่มเอื้อยเอ่ยบรรเลงบทเพลงระรื่นหูชวนให้ผ่อนคลายไปกับเสียงละมุนแสนอ่อนโยน 

ร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องล่างหลัยตาพริ้มลิ้มรสของบทเพลงที่ถูกส่งออกมาจากลำคอระหง  แต่เมื่อเปลือกตาสีไข่มุกเปิดออกกลับเห็นว่านัยน์ตาสีอำพันทอประกายวาววับทรงเสน่ห์นั้นมองมาที่ตนอยู่ก่อนแล้วอย่างน่าประหลาดใจ 

บรรยากาศแปลกๆเริ่มต่อตัวขึ้นจนแม้แต่ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเข้มยังสัมผัสได้  ทั้งเสียงทุ้มที่ดูจะละมุนขึ้นและแววตาหวานเยิ้มเมื่อนักร้องนำเจ้าของร้อยยิ้มหวานละมุนราวกับยกฤดูใบไม้ผลิใหัมาตั้งเอาไว้เพียงคนเดียวเหม่อมองมาทางตนในขณะที่ริมฝีปากบางยังคงเอื้อนเอ่ยถ้วงทำน่องของบทเพลงอยู่ 


คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหนคนเราจะแอบรักใครสักคนได้จนถึงเมื่อไหร่ 


ประกายตาหวานล้ำที่ถูกส่งมาอย่างต่องการจะสื่อความนัยบางอย่าง ซึ่งคนที่โดนส่งสายตาแบบนั้นมากลับเลือกที่จะเมินเฉยตาการกระทำแบบนั้นของคนบนเวทีล่วงเลยไปจนริมฝีปากสีแดงระเรื่อปิดลงพนัอมกับความเงียบที่เริ้มโรยตัว 

ไม่นานนักเหล่าผู้ชมน้อยใหญ่นับร้อยคนก็ปรบมือพร้อมกับอย่สงไม่ได่นัดหมายเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทั้งยังไม่เสียกรีดร้องแสดงความดีใจที่ดังผสมคลอขึ้นมา

ดวงตาสีแซฟไฟร์สะท้อนภาพของเด็กหนุ่มบนเวทีราวกับธาราที่สะท้อนภาพของดวงจันทร์ก็มิปาน ทั้งท่วงท่า จังหวะการยิ้ม หรือแม้แต่นัยน์ตาที่ทอประกายราวกับมีความสุขนักหนาคู่นั้นดูน่าดึวดูดให้ผู้คนนึกเอ็นดูเด็กหนุ้มได้ไม่มากก็น้อย

ดวงตาเรียวสวยเลือกที่จะหลบมองไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงดวงตาคู่สวยเป็นประกายหยาดเยิ้มคู่นั้นแล้วทำเป็นไม่เห็นเสียแม้ว่าในอกกลับรู้สึกราวกับสายลมอุ่นๆที่พัดผ่านมาชวนให้หวั่นไหว

คงไม่ใช่มั้ง - 

เมื่อคิดได้ดังนั้นก็จัดการปัดความคิดฟุ้งซ่านในตอนแรกออกไปทันทีจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้นิ้วเรียวกดรัวเร็วเข้าแอปพลิเคชั่นสีเขียวแล้วถามที่อยู่ของกลุ่มเพื่อนทันที


" - "


แต่แล้วเมื่อเสียงอ่อนนุ่มของนักร้องหนุ่มจบลง ผู้ชมทั่วทั้งบริเวณพลันส่งเสียงร้องและเสียงปรบมือให้ดังสนั่นกึกก้อง


" เป็นยังไงบ้างครับ เพลงนี้ -  ดูเศร้ารึเปล่า "


นักร้องนำเอื้อมมือมาคว้าไมค์ขึ้นมาถือเอาไว้พร้อมกับกรอกเสียงทุ้มนุ่มแสนมีเสน่ห์ลงไปโดยไม่ลืมที่จะวาดร้อยยิ้มสดใสเป็นประกายแจกจ่ายผู้ชมที่อยู่เบื้องล่างอย่างเอาอกเอาใจ


" แน่นอนครับว่าตามจริงแล้วเพลงนี้มันก็เศร้า พระเอกของเราไม่สมหวังใช่ไหมครับ ! "

" แต่ว่านะ -  ถึงพระเอกจะไม่สมหวัง แต่เพลงนี้ผมตั้งใจมามอบมันให้คนคนนึง "


ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆสบตากับผู้ชมของตนเองราวกับต้องการคำตอบ แต่แล้วคำพูดต่อมาของเจ้าตัวกลับทำให้เหล่าผู้ชมต้องหุบปากลงทันทีที่เด็กหนุ่มบนเวทีเอ่ยออกมา


"แล้วผมพอจะมีโอกาสใช่ไหมครับ"

"พี่เจ้าคุณ"


เพียงเท่านั้นบรรยากาศรอบข้างพลันเงียบสงบลงทันทีเหมือนว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงเสียงจากเทปเก่าๆที่อยู่ๆก็พังลงอย่างกะทันหัน กว่าที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งค้นหาเสียงตัวเองเจอก็กินเวลาไปไม่ต่ำกว่าสองนาทีเสียแล้ว 


" น้องแสงเหนือว่ายังไงนะ "

" หมายถึง เจ้าคุณ 6/1 ? "

"แฝดของพี่เจ้านายอ่ะหรอ"

" ที่ดุๆป่ะ "


เสียงซุบซิบดังไปทั่วพื้นล่างเวทีท่ามกลางเสียงซุบซิบกลับมีชายคนหนึ่งที่ดึงหมวกขึ้นมาคลุมบนศีรษะอย่างเงียบเชียบซุกซ่อนพวงแก้มเห่อร้อนที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อพร้อมทั้งนัยน์ตาที่สั่นไหวอย่างรุนแรงจนน่าหวาดหวั่นว่าคนรู้จักจะเดินมาเห็นตนในสภาพนี้

แม่งเอ๊ย

ไอ้เด็กเวร 

ร่างโปร่งสบถในใจพร้อมเรียวขายาวสวยที่ก้าวฝ่าฝูงชนออกมา ริมฝีปากเม้มแน่นใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยความงดงามก้มหลบสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา 

แม่ง


ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มที่ถูกฮู้ดสีเข้มปกปิดใบหน้าไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่งกล่าวโทษโชคชะตาด้วยคำหยาบคาย ไม่วายยังหวนกลับมาโทษน้องชายฝาเเฝดของตนเองอย่าง เจ้านาย ที่เป็นคนเอ่ยชวนให้ตนมาดูมินิคอนเสิร์ตเป็นเพื่อนอีก 


" เพราะมึงเลยนาย-  แต่แม่งเอ๋ย "


ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ถ้าสาวไปถึงต้นสายปลายเหตุก็คงไม่พ้นต้องโทษตัวเองที่รับปากไปตั้งแต่ต้น


ตอนนั้นเพราะอยากมาดูเฉยๆหรอก -


เรียวขายาวรีบก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจใคร ใบหน้างดงามก้มลงมองพื้นโดยที่ไม่ทันระวังร่างทั้งร่างก็กระทขกับของแข็งบางอย่างเต็มแรงจนทำให้ร่างสูงเสียหลักไปเสี้ยววิ

ศีรษะที่ถูกปกคลุมด้วยฮู้ดเนื้อดีสีเข้มเงยขึ้น นัยน์เนตรงามราวกับแร่ล้ำค่าที่ยังไม่ทันมองสิ่งที่ตนเองชนให้ดีมีแวววาวกระอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ริมฝีปากแดงระเรื่อดูสุขภาพดีอ้าออกพร้อมที่จะพ้นคำหยาบคายออกมาตามความคิด 

แต่แล้วเมื่อสายตาคมสวยปรับโฟกัสได้แล้วปากที่พร้อมจะพ่นคำว่าร้ายต่างๆพลันหุบฉับลงทันทีราวกับโดนสับสวิทซ์ 


ตรงหน้าของเขาปรากฎชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงเป็นประกายวาววับจ้องมองชายหนุ่มอีกคนด้วยความสงสัยแฝงไปด้วยแววของความเป็นห่วงจางๆที่วาดผ่านดวงตาคมกริบอย่างไม่อาจปิดได้ เรือนไหมสีอ่อนที่ฟูฟ่องไม่เป็นทรงแต่กลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ใครต่างหลงไหลนั้นไหวไปตามสายลมอุ่นที่พัดมาจนเจ้าของนัยน์ตาสีแซฟไฟร์ต้องชะงัก


แต่แล้วเมื่อตั้งสติได้มองถัดไปข้างๆกันนั้นเอง .. 


ดวงหน้างดงามติดหวานของใครบางคนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตนเองก็ปรากฎสู่สายตา เหมือนกันมากราวกับกำลังยืนส่องกระจกอยู่อย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่ว่าริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้นกลับเผยรอยยิ้มบางเบาออกมาเสมอจนทำให้บรรยากาศรอบๆตัวน่าเข้าหามากกว่าตนอยู่มากโข 


" เป็นอะไรรึเปล่าคุณ เห็นก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ "


" ตรงนั้นมีอะไรหรอไอ้คุณ "


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิดพร้อมกับแฝดที่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่งผลให้คนที่ลืมจุดประสงค์ในตอนแรกแทบจะรีบสาวเท้าหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ซะเดี๋ยวนั้น


" ไม่มีอะไรหรอกน่า วุ่นวายจริง "


ริมฝีปากบางขยับอ้าพูดเสียงแข็งราวกับกำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่างมา ก่อนจะรีบเดินผ่านทั้งสองคนไปจนทั้งสองคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงงพร้อมกับเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ 


แม่ง 

แม่ง

แม่งเอ้ย


เสียงสบถซ้ำไปซ้ำมาวนเวียนอยู่ในหัวหลังจากที่เขาตัดสินใจเดินฝ่าทั้งสองคนมาได้สักพักนึงแล้ว เรียวขายาวสวยก้าวเดินไปอย่างไร้จุดหมายพร้อมกับความสับสนในใจ แม้ว่ามันจะมาพร้อมกับความหงุดหงิดด้วยก็ตาม

นัยน์เนตรสีน้ำเงินอมม่วงเป็นประกายวูบไหวจนน่าใจหาย แยกไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นเพราะคำสารภาพของเด็กหนุ่มบนเวทีหรือเป็นเพราะการที่เห็นคนสองคนนั้นอยู่ด้วยกันกันแน่ 

" . . . "


รู้สึกตัวอีกทีขาเจ้ากรรมก็พาร่างของเขามาที่ห้องสมุดเสียแล้ว ร่างโปร่งของชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าห้องสมุดเพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในนั้นพลางขยับมือถอดฮู้ดออก 

ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามา ณ สถานที่แห่งนี้ อากาศเย็นฉ่ำพัดวูบกระทบลงบนผิวกายขาวนวล เปลือกตาสีไข่มุกปิดลงพร้อมกับสูดลมหายใจรับกลิ่นอายของเครื่องปรับอากาศแลกลิ่นของสมุดเข้าปอดช้าๆอย่างผ่อนคลาย 


ไม่ว่าเมื่อไหร่ห้องสมุดก็ทำให้ใจสงบได้ดีที่สุดจริงๆ


หลังจากซึมซับบรรยากาศแสนเงียบสงบของห้องสมุดเสร็จแล้ว เปลือกตาขาวนวลก็ค่อยๆขยับสั่นไหวเผยนัยน์ตาสีสวยพร่าวเสน่ห์ให้ได้เห็นอีกครั้งแล้วกวาดตามองไปโดยรอบอย่างสงบนิ่งต่างจากก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง 

เมื่อทำจิตใจให้สงบได้เเล้วเรียวขายาวก็ก้าวเดินไปยังโต๊ะสำหรับนั่งสองคนที่มุมของห้องสมุดแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน


" ... "


บรรยากาศโดยรอบที่เงียบสนิทปราศจากผู้คนมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ดังคลอเคลียบางเบาผ่านเข้ามาในหู พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านเข้ามาทางแผ่นกระจกใส่ที่แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศที่ดูอบอุ่นภายนอกยิ่งชวนให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเป็นพิเศษ 


จนทำให้เปลือกตาของชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องสมุดตอนนี้หนักอึ้งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ปากก็อ้าหาวหวอดจนหยาดน้ำตาไหลซึมออกมาบริเวณหางตา


" หาว - "


ไม่นานนักเจ้าของเรือนไหมสีเข้มก็คุมสติเอาไว้ไม่อยู่พ่ายแพ้ต่อความต้องการในจิตใจจนต้องพุบหน้าลงไปกับโต๊ะตัวยาว


ห้วงฝันหวานดำเนินผ่านไปเรื่อยๆอย่างอ้อยอิ่ง เพียงแต่ว่าในโลกแห่งความฝันนั้นช่างหอมหวานมอมเมาให้ไม่อยากตื่นขึ้นมาบนโลกแห่งความเป็นจริงอีกเลย

ตัวเขาในฝันดำเนินชีวิตได้อย่างสดใสและหวานละมุนยิ่งกว่าขนมสายไหมหวานเลี่ยนที่แฝดตัวเล็กของเขามักจะเอามาให้ทานอยู่เสมอ ภาพที่แสดงให้เห็นถึงเรือนร่างสองร่างที่ยืนแนบชิดอิงแอบกันอย่างรักใคร่ 

นั่นคือเขากับคนที่เขาหลงรัก

มานานหลายปี


      ' รักมึงนะ '


ตัวเขาในฝันพูดเช่นนั้นก่อนที่สติทั้งหมดจะพลันดับวูบไปเหลือไว้เพียงไออุ่นที่ยังคงไม่จางหายไปจากหัวใจดวงน้อย 

เวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับหลายชั่วโมงจนท้องฟ้าด้านนอกแปลเปลี่ยนเป็นสีส้มของยามสนธยาพร้อมกับผู้คนในโรงเรียนที่ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านจนดูบางตาไปเลยทีเดียว 

 ร่างโปร่งของนัเรียนชายที่ใส่ฮู้ดตัวใหญ่คลุมร่างเอาไว้ค่อยๆขยับกายอย่างเงียบเชียบ ดวงตาสีแซฟไฟร์ที่ถูกปกปิดด้วยเปลือกตาสีนวลขยับเผยขึ้นมา 


" อื่อ "


เสียงทุ้มติดงัวเงียถูกส่งออกมาจากลำคอขาวก่อนที่จะยกกายขึ้นบิดตัวไล่ความปวดเมื่อยที่สะสมจากการนอนเป็นเวลานานพร้อมกับยกมือเรียวขึ้นมาขยี้ตาไล่ความง่วงงุนที่ดูท่าแล้วน่าจะหายได้ยากยิ่งกว่าอาการปวดเมื่อยของตนเสียอีก 


" พี่คุณอย่าขยี้ตาเยอะนะครับ เดี๋ยวก็ตาแดง "


แต่ทุกการกระทำของบุรุษหนุ่มเจ้าของนัยน์เนตรสีน้ำเงินราวกับท้องมหาสมุทรที่แสนน่าค้นหาพลันหยุดชะงักทันทีที่เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ดังมาจากข้างกาย 

เจ้าคุณรีบหันขวับไปมองทางต้นเสียงทันทีโดยไม่ทันระวังทำให้ปลายจมูกโด่งแทบจะแตะเข้ากับอวัยวะเดียวกันบนใบหน้านวลของเด็กหนุ่มเจ้าของบทเพลงรักและคำสารภาพหวานเลี่ยนบนเวทีเมื่อตอนกลางวันเสียแล้ว เมื่อรู้ตัวทั้งสองคนพลันรีบดีดตัวออกห่างจากกันราวกับโดนน้ำร้อนลวก

เจ้าคุณนึกโทษตัวเองที่ไม่ทันระวังจนเกือบจะทำให้เกิดเหตุการณ์ละครน้ำเน่ารักหวานแหววกลางห้องสมุดในยามเย็น -                      แต่เมื่อสังเกตมองใบหน้าอ่อนเยาว์หล่อเหลาของเด็กน้อยตรงหน้าริมฝีปากพลันยกขึ้นอย่างขบขันกับท่าทางราวกับเด็กสาววัยแรกแย้มของอีกคน 

ใบหน้าหล่อเหลาประดับประดาไปด้วยริ้วแดงที่วาดผ่านจางๆที่แก้มนวล อาจเพราะอีกคนตัวขาวจึงทำให้เห็นริ้วแดงสีระเรื่อได้ชัดเจนจนน่าขบขัน ทั้งๆที่ในตอนแรกเจ้าตัวกลับมีความกล้ามากพอที่จะเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วร้องเพลงสารภาพรักเขาอีกต่างหาก แต่ตอนนี้ตรงหน้าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูไปดูมาราวกับลูกสุนัขขี้กลัวแบบแปลกๆ 


" ผ ผม "

" ผมขอโทษครับพี่คุณ "


ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงแนบชิดกับอกอย่างคนสำนึกผิดพร้อมซุกซ่อนใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงเอาไว้พลางส่งยิ้มแห้งให้กับรุ่นพี่ตรงหน้า        ขาเรียวก้าวออกถอยห่างจากรุ่นพี่เจ้าของดวงใจด้วยความกลัวที่ตนจะทำให้คนตรงหน้าอึดอัด

คนเป็นพี่ลอบมองการกระทำของนักดนตรีรูปหล่อตรงหน้าแล้วได้แต่กลั้นยิ้ม 


ตลก


เจ้าคุณไม่แปลกใจเลยที่เด็กตรงหน้าจะเป็นที่รักของทุกคนไม่ได้ดีเพียงหน้าตา แต่ทั้งนิสัย การกระทำที่ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตนเอง และที่เด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็นรอยยิ้มหวานละมุนที่จริงใจ เป็นเสน่ห์ที่ใครมองมาต่างก็โดนเจ้าเด็กตรงหน้านี้ตกกันทั้งนั้น


เว้นเพียงเขาไว้คนหนึ่งล่ะมั้ง


แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นถึงเสน่ห์ของเด็กคนนี้เลย จริงๆก็รู้จักนักดนตรีคนนี้มาตั้งนานแล้วเพียงแต่ไม่ค่อยได้คุยกันนัก แต่พอได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่เขาหรืออีกคนก็ต้องผละออกจากวงสนทนาก่อนตลอด 


" ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตื่นตูมอะไรเหนือ "


เขากล่าวกับเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีอ่อนดูนุ่มนิ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงโมโนโทนพลางหันไปจัดการเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยไปด้วย


" แฮะ ขอโทษครับ "

"พูดเป็นแต่ขอโทษรึไง"


เจ้าหนุ่มตรงหน้ายิ้มแห้งก่อนจะรีบหลีกทางให้กับเจ้าคุณที่พอได้กระเป๋าแล้วก็เดินฝ่าร่างสูงโปร่งออกไปแทบจะทันทีแม้ว่าจังหวะการเดินนั้นจะช้าลงกว่าปกติมากก็ตาม 

แน่นอนว่าทั้งหมดก็เพื่อรอให้อีกคนเดินตามเขามาให้ทันนั้นแหละเพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้วในโรงเรียนที่เคยครึกครื่นก็เงียบกริบลงจนวังเวง เจ้าคุณไม่ใช่คนขี้กลัวหรือกลัวผีแต่ก็อดเป็นห่วงเจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ สมัยนี้ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เกิดอันตรายได้ทั้งนั้น -  

แถมก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มที่เดินขนานนาบอยู่ข้างกายก็มีคนเดินตามกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง แค่คิดตามก็รู้สึกขนลุกแล้วจะปล่อยให้อยู่คนเดียวก็กะไรอยู่จึงตัดสินใจเดินกลับกับอีกคนไปเสียเลย


" พี่จะกลับบ้านเลยหรอครับ "

" หึ "

" จะไปไหนหรอครับ ? "


บทสนทนาเล็กๆถูกเปิดโดยเด็กหนุ่มอีกคน เจ้าคุณเพียงปลายตามองเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยประโยคสั้นๆตามนิสัยของเจ้าตัว


" หาอะไรกิน ไปป่ะ "


แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ชวนให้น่าอึดอัดมาแต่เจ้าคุณก็ไม่ได้คิดจะใจร้ายกับคนเด็กกว่าอยู่แล้ว ทั้งยังนิสัยที่น่าเอ็นดูของแสงเหนือด้วยอีก จึงทำให้เจ้าคุณเผลอโอนอ่อนตามบรรยากาศไปเสียได้ 

แต่ก่อนที่จะคิดได้ก็เผลอเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายไปก่อนแล้วจะให้กลับคำก็คงจะไม่ได้จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย 


" ถ้าพี่ไม่ว่าอะไรก็ไปครับ "

" ถ้ากูว่าแล้วจะชวนไหมล่ะ "


เมื่อเสียงทุ้มนุ่มติดละมุนของอีกคนเอ่ยจบเจ้าคุณก็สวนไปทันควัน จนลืมสังเกตไปเลยว่านัยน์ตาสีทองอำพันนั้นมองมาที่เขาอย่างสำนึกผิด 

แน่นอนว่าแสงเหนือกลัว - 

ความคิดชั่ววูบที่โดนเพื่อนกระตุ้นจนเผลอบอกความในใจกับคนที่ชอบไปต่อหน้าคนเป็นร้อย ย้อนเวลากลับไปได้เขาล่ะอยากจะตีปากตัวเองจริงๆ พึ่งมานึกได้ก็ตอนที่เก็นร่างโปร่งของเจ้าของด้วยใจรีบเดินหายเข้าไปในฝูงชนจนหาไม่เจอเสียแล้ว 

เมื่อมินิคอร์นเสิร์ตจบหลังจากที่จัดการเก็บของอะไรเรียบร้อยเขาก็วิ่งวุ่นหาอีกคนไปทั่วเพื่อขอโทษที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง 

จนหลังจากที่วิ่งหาคนตัวเล็กกว่าจนเหนื่อยพร้อมทั้งหมดหวังจึงกะว่าจะมานั่งพักตากแอร์ในห้องสมุดปลอบใจเสียหน่อย 

แต่พอเข้าไปดันเจอก้อนกลุ่มผมสีเข้มนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ

ดวงตาที่เขาชอบปิดสนิทจนน่าเอ็นดูแม้วาแสงเหนือจะอายุน้อยกว่าก็ตาม 

หลังจากนั้นก็เป็นไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนนี้ทุกประการ ดีแล้วที่ตอนนั้นแสงเหนือไม่ได้กลัวจนขึ้นสมองแล้วรีบหลบออกจากห้องสมุดเสียก่อน 


" สรุปไปไม่ไป ยืนโง่อยู่ได้ "


เจ้าคุณมองคนเด็กกว่าข้าวหน้าที่แสดงท่าทีน่าขำออกมาเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้าสลดราวกับโลกจะแตก

มือเรียวยื่นออกไปจับไหล่หนาตรงหน้าแล้วตีเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติของเจอีกคนให้เข้าร่องเข้ารอย


" อ่ะ  ไปครับ ไป "


ใบหน้าหล่อเหลาแสดงอาการลนลานออกมาจนเผลอแสดงใบหน้าเหลอหลาออกมาอย่างไมาคิดจะปิดบัง 

มือเรียวยกขึ้นเกาศีรษะน้อยๆจนเส้นผมกระจัดกระจายฟูฟ่องเสียทรงไปหมด 


" ดีก็ไป "


ตอบเพียงเท่านี้ก็เริ่มเดินต่อทันทีโดยไม่สนใจคนเด็กกว่าที่เดินตามหลังมาต้อยๆ ไม่ต่างอะไรจากลูกเป็ดติดแม่เลยแม้แต่น้อย 


แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องแสงลอดผ่านอาคารบ้านเรือนจนเป็นรูปเงาทาบทับทั้งสองร่างที่เดินแนบเคียงกันพลางก้าวเดินไปตามเส้นทางอย่างเนิบนาบไม่ช้าไม่เร็ว


" เออ  เมื่อกลางวันที่พูดบนเวที "

" หมายความว่ายังไงหรอ ? "


ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบที่มีเพียงเสียงของผู้คนและยานพาหนะดังคลอเคลียแผ่วเบา กลับมีเสียงทุ้มหลุดออกมาจากริมฝีปากบางทั้งๆที่ดวงตาเรียวสวยยังคงจับจ้องมองตรงไปข้างหน้าพร้อมกับจังหวะการก้าวเดินที่มั่นคงและหนักแน่น

ตรวกันข้ามกับคนที่เด็กกว่าที่เมื่อได้ยินในสิ่งที่เราอีกคนพูดกลับชะงักฝีเท้าหยุดเดินแล้วนิ่งงันไปทันที

นัยน์ตาสีอำพันมีประกายของความกลัววาดผ่านเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะแปรเปี่ยนกับมาเป้นแววตาที่สดใสและมั่นใจดังเดิม


ไม่นานนักหลังจากที่แสงเหนือชะงักค้างๆป ริมฝีปากบางแดงระเรื่อเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะอ้าออกเพื่อเอื้อยเอ่ยถ้อยคำที่เก็บซ่อนเอาไว้ในหัวใจดวงน้อยมานานแสนนาน


" ผมชอบพี่ครับ "


คนเป็นพี่เมื่อได้ยินแบบนั้นพลันหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายงดงามราวกับอัญมณี 

นัยน์ตาสีน้ำเงินมองสบกับนัยน์ตาสีเหลืองทองพลางค้นหาแววหยอกล้อจากนัยน์ตาสีสวยนั่น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่ว่าจะมองกี่ครั้งกลับไม่เห็นท่าทีหยอกล้อจากอีกคนแม้แต่น้อย


" จริงจัง ? "


...


" ครับ จริงจัง " 


อำพันตรงหน้าทอประกายมองมาอย่างหนักแน่นและจริวจัง

ไม่แท้แต่จะมึแววหยอกล้ออยู่ในดวงตาคู่นั้น มีเพียงความจริงใจและความรู้สึกทั้งหมดที่ถ่ายทอดออกมาจนคนมองได้แต่นึกอึดอัดอยู่ในใจ 


" ไม่รุ้จะตอบอะไรเลยว่ะ " 


เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนแต่กระนั้นมือเรียวกลับยกขึ้นลูบศีรษะที่เต็ไปด้วยเส้นผมสีอ่อนนุ่มลื่นมือแล้วลูบไล้เบาๆอย่างปลอบใจเพียงเท่านั้นก็ผละออกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังต่ออีกว่า


" แต่ - กูไม่คิดจะเปิดใจ "

" ไม่อยากมีแฟนด้วย "


แม้ว่าคำตอบของคนเป็นรุ่นพี่จะทำให้นัยน์ตาสีเหลืองทองสั่นไหวจนปลายมือและเท้าชาไปหมด แต่ก้อนเนื้อในอกกลับกู่ร้องไม่ให้เขายอมแพ้ในตอนนี้และมั่นใจได้เลยว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด

ว่าแล้วก็เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มแลดูมั่นคงในความตั้งใจนี้ 

แม้ว่าในใจจะสั่นไหวจนน่ากังวลก็ตาม แต่เรื่องแบบนี้เขาย่อมยอมรับในผลของการตัดสินใจของตนเองอยู่แล้ว 


" ครับ ผมรู้ "


แสงเหนือกล่าวตอบไปด้วยรอยยิ้มแม้จะรับรู้ได้ถึงรสชาติขมปร่าในปากราวกับกลืนยาขมก็ตาม ฝ่ามือหน้ากำแน่นก่อนจะผ่อนคลายลง


" ผมรู้ แต่ว่าหิวจังเลยนะครับเนี่ย "


กล่าวทวนอีกครั้งก่อนที่จะรีบเอ่ยตัดบทชักนำบทสนทนาให้ไหัวข้ออื่นเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กกว่าตรงหน้ารู้สึกอึดอัด 

เรียวขายาวก้าวเดินออกไปอย่างร่าเริงพร้อมเอ่ยชวนคนเป็นรุ่นพี่ให้เดินตามไปอย่างเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหวานหยดยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าถูกส่งให้คนหน้านิ่งอีกคน 


" เออ หิว ไป "


เจ้าคุณเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอีกคนดูกระตือรือร้น มีพลังงานอย่างล้นเหลือจึงไม่ได้คิดติดใจอะไรกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูผ่อนคลายลงหลายเท่าพร้อมกับก้าวขายาวๆเดินตามคนข้างหน้าไป


โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนข้างกายกลับมีสีราวกับกำลังแตกสลาย ดวงตาเรียวที่เคยสดใสไม่ต่างอะไรกับดวงดาวดวงน้อยตอนนี้คลายจะมีหยาดน้ำคลออยู่ที่หน่วยตาเล็กน้อย 


รู้อยู่แก่ใจ 


คงจะเป็นคำที่อธิบายสถานะตอนนี้ได้ดีที่สุด ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกแต่กลับไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย 


ทั้งๆที่รู้ว่าพี่เขาชอบใคร 


ยิ่งคิดหัวใจดวงน้อยยิ่งปวดหนึบจนแทบจะร้องไห้ออกมาแต่คงจะทำไม่ได้ในเมื่อคนข้างๆที่กำลังเดินเคียงข้างเขาตอนนี้คือเจ้าของดวงใจที่เขาชอบมานาน 

เพียงแต่ว่าความคิดแง่ลบกลับประเดประดังเข้ามาจนแทบจะตั้งตัวไม่ไหวแค่หายใจก็เจ็บข้างในอกไปหมด 


สายตาที่มองมาไม่เคยเป็นเราตั้งแต่ต้น สายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่นั้นไม่เคยหันมามองเรา


ทำไมเขาจะไม่รู้ เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันสวยงามรู้ตัวดีและรู้มาโดยตลอด ที่ตรงนั้นในหัวใจคนตัวเล็กกว่าไม่ใช่ของเขามาตั้งแต่ต้น 

การเดินเคียงข้างกันอาจช่วยปลอบประโลมดวงใจดวงนี้ได้ แต่ถึงหลอกตัวเองไปก็คงจะไม่ได้ผลถึงแม้กายจะใกล้กันมากเพียงใดแต่ทว่าระยะห่างระหว่างเราก็ยังมากยิ่งกว่า 


เดินข้างกันไปเท่ใด ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ไม่ได้ใกล้ขึ้นมา 


ต่อให้เขารักคนตรงหน้ามากเท่าไหร่ ก็ไม่อาจครอบครองหัวใจของเขาได้ 


" พี่กินลูกชิ้นปิ้งไหมครับ "


แม้ในหัวใจของแสงเหนือจะเจ็บแค่ไหนแต่ใบหน้ากับริมฝีปากก็ยังคงแย้มยิ้มสดใสเช่นเคยราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร 


" กิน นำไปดิ "

" ครับ "



________________________________________________________________________________


บทที่ 2 


ครับผมเองครับ คนที่รักรักคุณ

ครับผมเองครับ คนที่แอบชอบคุณ

ใช่ผมน่ะผิด แต่คุณยิ้มทำไม

รอยยิ้มบางเบาวาดประดับบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างที่เคยเป็นจนคนที่ผ่านไปผ่านมาได้แต่แอบมองแล้วหันไปซุบซิบกันอย่างออกรส นัยน์ตาสีเหลืองเหลือบมองเจ้าของร่างสูงโปร่งที่อมข้าวเอาไว้ในกระพุ้งแก้มจนดูนุ่มฟูกว่าปกติดูไปดูมาคล้ายก้อนโมจิสีขาวนุ่มมากกว่าเสียอีก

แต่ก้อนโมจิที่ว่านั้นกลับใช้นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงแววาวทอประกายอย่างเบื่อหน่ายมองรุ่นน้องที่นั่งร้องเพลงเรียกสายตาคนทั้งโรงอาหารให้หันมาจับจ้องมองมาทางนี้เป็นที่เดียวกันแต่ดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงเพลงทุ้มนุ่มนี้จะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าตนได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงอาหารเสียแล้ว 

แต่จะรู้ตัวได้ยังไงกันในเมื่อสายตาของแสงเหนือนั้นมีแต่เจ้าคุณเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าฝ่ายเจ้าคุณเองจะทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าใดนักแต่การที่ยังนั่งนิ่งใช้เรียวมือตักข้าวเข้าปากแล้วอมเอาไว้ ไม่ได้ลุกขึ้นมาไล่ตีเข้าก็คงจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีกคนนั้นไม่ได้ไม่พอใจอะไรมากมาย 


                  จับได้แล้วผมต้องทำไง ผมก็ยอมให้ได้ทุกอย่าง 


และเมื่อบทเพลงของแสนหวานท่ามกลางโรงอาหารที่เต็มไปด้วยผู้คนจบลง เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มและดวงหน้าหล่อเหลาก็หันมามองคนเป็นพี่ทันทีพลันยิ้มกว้างจนแทบจะมีประกายเเสงระยิบระยับออกมา 


" พยายามชิบหาย ไม่อายบ้างหรอวะ "


เจ้าคุณเอ่ยออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนจะรีบตัดข้าวเข้าปากเพื่อกลบเกลือนอารมณ์ที่กำลังจะเดือดปุดๆ พลางใช้สายตามองไปยังเจ้าเด็กน่าตีที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่ไกลริบ


" มึงก็ไปว่าน้องมันอีคุณ "


เสียงแหลมใสของหญิงสาวสูงโปร่งคนหนึ่งดังขึ้นมาข้างๆกายของเจ้าคุณพร้อมกับแก้วน้ำหวานสีแดงสดใสเหมาะสำหรับดื่มในวันที่แดดแรงแบบนี้เป็นที่สุด 

ใบหน้าสวยสง่าของเจ้าหล่อนแอบชะเง้อมองรุ่นน้องหนุ่มอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนจะหันมายิ้มกรุมกริมให้กับเพื่อสนิทของตนเอง 

" กูล่ะสงสัยจริงๆ น้องมันหลงเสน่ห์มึงตรงไหน ปากก็หม๊าหมา 

" อ้าวเจ๊ อยู่ดีไม่ว่าดีไม่อยากแดกแล้วมั้งครับน้ำแดง มาแดกตีนกูก่อนเลยมา "


ร่างสูงโปร่งทำทียกเท้าขึ้นมากะจะถีบหญิงสาวอีกคนอย่าหยอกล้อ ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ในหัวกลับไม่มีความคิดที่จะทำร่ายเพื่อนสาวข้างกายแม้แต่น้อย 


" กรี๊ด สมชาย อีคุณจะถีบกู "


ว่าแล้วก็พาร่างอรชรเคลื่อนกายไปหลบหลังกายหนาของชายหนุ่มหน้าตาร่าเริงที่พึ่งเดินถือจานข้าวเข้ามาร่วมวงสนทนา 


 " เจ๊ อย่าดึงเดี๋ยวไก่ทอดกูร่วง เจ๊ เจ๊ !! "


ร่างทั้งสามยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาทั้งๆที่ในตอนแรกเจ้าคุณยังนั่งอยู่บนโต๊ะตัวยาวอยู่เลย แต่แค่พริบตาเดียวก็วิ่งมาดึงเสื้อของสมชายด้วยอีกคน ด้วยแรงของสองคนนั้นกับแรงของเจ้าของจานไก่ทอดเพียงคนเดียวคงจะสู้ไม่ได้ ทำให้ร่างทั้งร่างเสียหลักลงไปนอนแผ่หล่ากับพื้นโรงอาหารด้วยสภาพที่ดูไม่ได้ 


                   " ฮื่อ ไก่ทอดกูเจ๊มุก มึงเลย เพราะมึง "


จากที่นอนแผ่อย่างหมดสภาพในตอนแรกเมื่อรับรู้ได้ว่าจานไก่ทอดแสนอร่อยไม่ได้อยู่ในมือแล้วก็ลุกขึ้นพรวดพลาดรีบหันซ้ายแลขวาอย่างตั้งใจ ก่อนที่จะเห็นชิ้นไก่เนื้อนุ่มกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น 


สมชายหันมามองทางเขาอย่างคาดโทษก่อนจะเล่นใหญ่ทำทีร้องห่มร้องไห้เหมือนไก่ชิ้นนั้นเป็นไก่ทองคำแสนมีค่าก็ไม่ปาน ทั้งยังใช้มือทุบพื้นออนวอนขอความเห็นใจกับพระเจ้าที่โดนโชคชะตากลั้นแกล้ง 

ชายหนึ่งและหญิงหนึ่งที่มองอยู่ได้แต่กลั้นขำจนตัวสั่นแต่สักพักก็ต้องหยุดทันทีพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ 


    " สมชาย มึง"

    " สมชายเหี้ยอะไรล่ะพี่ กูชื่อซันชายน์ "

    " ไม่คือมึง มึงไม่เข้าใจนะอีชาย "


เสียงแหลมสูงหลุดออกมาจากลำคอเล็กของผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม โดยที่นัยน์ตาสีน้ำเงินยังคงมองตรงหน้าก่อนจะหลุดขำออกมาอีกครั้ง

เพราะที่พื้นตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองนปรากฎร่างสูงใหญ่ผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวระต้นคอ พร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาที่บีบน้ำตาท่าทางน่าสงสาร ชุดนักเรียนสีขาวยับยู่ยี่จนไม่มีชิ้นดี 

รวมถึงเศษชุดนักเรียนกลางหลังที่ขาดเป็นรูกว้างอวดแผ่นหลังขาวเนียนที่มีกล้ามเนื้อประปรายจนน่าสัมผัส 


       " ไม่ไหวแล้วโว้ย 5555555 "


ริมฝีปากสีแดงระเรื่ออ้าออกส่งเสียงขำจนดังไปทั่วทั้งบริเวณจนคนรอบด้านหันมาสังเกตแล้วหลุดขำกันไปตามๆกัน 


" อะไรวะ ?  "


"ห หลังมึง "


" หลังกูทำไมอ่ะพี่ ผีอ่อ "


              เจ้าคุณไม่ตอบคำถามของเด็กตรงหน้าทำเพียงยกมือให้อีกคนหยุดแล้วขำต่ออย่างออกรส ก่อนที่สตรีเพียงหนึ่งเดียวของกลึ่มจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วตัดสินใจเอาไปให้คนงงดูเพื่อชี้แจงแถลงไขให้ตาสว่าง


แน่นอนว่าหลังจากเห็นรู้ดังกล่าวสมชายก็ตะโกนร้องเสียงหลงกลางโรงอาหารทันที 


  " 55555555555 "


เสียงหัวเราะดังขึ้นคลอเคลียมาตามสายลมจนแสงเหนือต้องมองไปดู จนพบกับรอยยิ้มของดวงใจของตนเองเข้าพอดิบพอดีเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มให้หันไปจับจ้องมองภาพที่คนตัวเล็กกว่าเล่นกับเพื่อนอบ่างสนุกสนาน 


          " น่ารัก -  "


ริมฝีปากนุ่มขยับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำบางประการออกมาด้วยนน้ำเสีนยงเบาหวิว 


ก่อนที่จะเดินออกไปจากโรงอาหารยังไม่วายหันไแมองเจ้าของเรือนไหมสีเข้มอีกคนั้งก่อนจากกันแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าอีกคนจะรู้ตัวเสียก่อนจึงหันมามองทางนี้อยู่ก่อนแบ้ส 

คนเป็นเด็กกว่ายิ้มแย้มอจ่มใสจนราวกับทั่วโลกทั้งโลกถูกย้อมด้วยฤดูใบไม้ผลิให้กับเจ้าของดวงใจอย่างโง่งมจนคนที่ถูกส่งยิ้มให้จำต้องเบ้ปาก 

ก่อนที่จะยกนิ้วกลางชูขึ้นในระดับสายตาหวังให้อีกคนเห็น 

แต่แทนที่คนเด็กกว่าจะสลดกลับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมพลางเอามือป้องปากขำเบาๆอย่างสุขใจ  


" รู้เหี้ยอะไรบ้างเนี่ยไอ่เด็กเหี้ย "


นัยน์ตาสีเข้มมองตามร่างสูงโปร่งจนลับสายตาก่อนจะหันกลับมาสนใจเหล่าเพื่อนสนิทของตัวเอวที่ยังโหวกเหวกโว้ยวายไม่หยุดไม่หย่อน


แล้วถ้าเกิดย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนที่แล้ว-


ตั้งแต่วันที่พวกเขาทั้งสองคนเดินไปหาอะไรทานกัน หลังจากนั้นเขาก็มักจะเห็นเจ้าของนัยน์ตาสีเหลืองสวยงามอยู่บ่อยๆ  แถมเจอกี่ทีก๋ยิ้มก็กวนจนอยากตะประเคนบาทาใส่อีกคนให้รู้แล้วรู้รอด 

ติดที่อยู่ที่ว่าพอจะดูทีไรก็ใจอ่อนกับสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมาอยู่เรื่อย 


" กูไม่แดก "

" พี่ไม่ต้องกินตอนนี้ก็ได้นะครับ "


บางทีเจ้าคุณก็ได้แต่แอบสงสัยว่าเจ้าเด็กคนนี้แอ๊บนิสัยนุมนิ่มต่อหน้าคนอื่นหรือเปบ้า เพราะเวลาอยุ่กับตัวเองเด็กคนนี้ติดจะขี้เล่นมากกว่าที่ขึ้ยเสียอีก 

ทั้งการที่ชอบเอาขนมมาให้ ทั้งเล่นดนตรีให้ฟัง  สารพัดการจีบที่ทำให้เขาต้องถอนหายใจ 


" ปัญญาอ่อนว่ะพวกมึง กูไปละ "



เพื่อนทั้งสองคนได้แต่มองตามคนที่พึ่งอ้สปากด่าเขาทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินนวยนาดออกไปราวกับประโยคเมื่อครู่เป็นการอวยพรหรือแค่ประโยคทั้งทายเท่านั้นอย่างงงงวย

ในใจของทั้งสองคนคิดเป็นสิ่งเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆด้วยความไม่เข้าใจ 


อะไรวะ 


ทางเจ้าคุณที่เดินออกมาก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือตามปกติ  ขาเรียวพาร่างสูงโปร่งเข้ามาที่ห้องสมุดสถานที่ประจำของเขาอย่างคุ้นชินโดยไมาจำเป็นต้องมองทาง

มือเรียวเอื้อมเปิดบานประตูเลื่อนเข้าไป อากาศเย็นฉ่ำข้างในกระทบผิวกายช่วยลดความแสบร้อยจากแดดข้างนอกได้เป็นอย่างดี


" . . . "


เมื่อเข้สมาแล้วดวงตาเรียวสวยพลันกวาดตามองไปโดยรอบก่อนที่จะหยุดอยุ่ตรงเรือนร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี 

เมื่อพบกับเป้าหมายแล้วไม่รอช้าสาวเท้าเข้าไปหาอีกคนที่นั่งหลังตรงอย่างสง่าผ่าเผยทันที


" ไง "

" อ่ะ สวัสดีครับพี่เจ้าคุณ "


นัยน์ตาสีอำพันแสนมีเสน่ห์ละออกจากโทรศัพท์มือถือทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มน่าหลงใหล ริมฝีปากบางแย้มยิ้มจนไปถึงดวงตามอบให้เจ้าคุณที่กำลังมองมา

เจ้าคุณใช้สายตากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของคนที่ส่งรอยยิ้มหวานล้ำมาให้เขาอย่างโง่งมแล้วได้แต่ขมวดคิ้วหมุ่นในใจ 

อาจเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตร่างโปร่งตรงหน้าเท่าใดนัก แต่พอสังเกตแล้วจะเห็นได้ว่าเจ้าของเรือนไหมสีอ่อนตรงหน้าเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวไปเล็กน้อย ยังไม่รวมถึงทรงผมที่ดูเหมือนจะถูกเซ็ตมาน้อยๆจนผมที่เคยปรกหน้าถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าเรียวพร้อมกับสันกรามเด่นชัดยิ่งขึ้น 

หลังจากที่มองจนพอใจแล้วเขาก็ตัดสินใจทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างๆกันกับอีกคนอย่างไม่ติดใจอะไร เพราะการแต่งกายยังไงเสียก็เป็นสิทธิของเจ้าตัวเอง อีกคนจะเปลี่ยนอะไรยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา 


อีกอย่างใช่ว่าจะไม่ดูดี  แต่ตรงกันข้ามกันเลยต่างหาก ..


ทั้งดวงตาดอกท้อมีเสน่ห์เย้ายวน นัยน์ตาสีอำพันที่เปล่งประกายวาววับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายาราตรีที่ค่อยเป็นแสงนำทางผู้คนเมื่อความมืดเคลื่อนตัวเข้ามา ริมฝีปากกระจับบางสวยพร้อมทั้งแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้าเรียวที่ยิ่งเสยผมก็ยิ่งเห็นสันกรามเด่นชัดประกอบกับเรือนผมสีบลอนด์ซีดดูนุ่มลื่นเหมือนขนมสายไหม 

แล้วเมื่อเลื่อนสายตาลงต่ำมองเรือนร่างที่ถูกปกปิดด้วยชุดนักเรียนตัวโครง ดูแล้วก็แสนบอบบางน่าทนุถนอมแต่หากลองสัมผัสเพียงเล็กน้อยจะรู้สึกได้ถึงความแข็งจากมวลกล้ามเนื้อที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน 


ถ้าพูดตามความเป็นจริงก็คงพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า แสงเหนือเป็ฯคนที่หล่อ -  


ไม่ว่าจะก่อนหน้าหรือตอนนี้ แต่ดูเหมือนว่าลุคใหม่นี้จะทำให้เหล่าแม่ๆทั่วโรงเรียนแทบจะเป็นลมก็เถอะ 


" พี่เจ้าคุณว่าเพลงเมื่อกี้เป็นยังไงบ้างครับ ? ถ้าถูกใจผมจะโทรไปร้องให้ฟังบ่อยๆ "


เจ้าคุณที่เอาแต่จ้องคนเด็กกว่าชะงักทันทีที่อีกคนพูดจบ นัยน์ตาสีเข้มจดจ้องไปยังใบหน้ายิ้มแย้มน่าหมั่นไส้ก่อนจะยกมือตีไหล่หนาเต็มแรง 


" ใครอนุญาตให้โทร แล้วเพลงเหี้ยอะไรหวานชิบหาย "


ขยับปากบ่นอุบอิบพร้อมทั้งทำร้ายร่างกายอีกคนแล้วยังไม่พอใจ เมื่อพูดจบเลยขย้ำเสื้อกันหน้าของตนเองแล้วโดยใส่ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มๆด้วยความหมั่นไส้ปนหงุดหงิด

แต่แทนที่รุ่นน้องจอมปากหวานจะสลดกลับหัวเราะออกมาเสียงใสพลางทำหน้าระรื่นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับแรงที่ถูกฟาดลงไปทีไหล่เลยแม้แต่น้อยก่อนจะจีบปากจีบคอทำเสียงเล็กแหลมตอบกลับเขาอีกว่า 


" โอ้ยๆ  พี่เจ้าคุณผมเจ็บนะครับ "


ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาแล้วทำทีขยับศีรษะเข้าไปใกล้รุ่นพี่เจ้าของเรือนผมสีเข้มระต้นคอจนหัวแทบจะชนกันอยู่ร่อมร่อ ร่างทั้งสองแทบจะแนบชิดติดกันจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวของกันละกัน ในตอนนั้นเองที่เจ้าคุณสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมละมุนละไมติดเย็นที่ลอยมาแตะจมูก

กลิ่นหอมที่แตะจมูกทำให้คิ้วบางขมวดแน่นพร้อมทั้งย่นจมูกอย่างไม่คิดจะปิดบัง แน่นอนว่าเขาย่อมรู้อยู่แล้วว่ากลิ่นหอมนี้ลอยมาจากไหนยิ่งใกล้ยิ่งได้กลิ่นชัดเจนโดยที่ทั้งห้องสมุดมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น 


" ฉีดน้ำหอมรึไง ? "


ใบหน้างดงามขยับเคลื่อนเข้าไปใกล้ร่างสูงโปร่งของคนอายุน้อยกว่าพลางสูดกลิ่นหอมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ 

ว่ากันตามตรงเขาค่อนข้างไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้เท่าใดนัก ไม่ใช่เพราะฉุนแต่เป็นเพราะดูไม่เข้ากับอีกคนอย่างน่าแปลกใจ 


" ผมเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมน่ะครับ "


ร่างทั้งร่างของแสงเหนือชะงักค้างไปก่อนที่จะเอ่ยตอบคนอายุมากกว่าเสียอีกทั้งใบหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้จนเห็นแพขนตาที่ขยับไหวตามจังหวะการกระพริบของดวงตาเรียวหงส์ ทั้งยังเครื่องหน้าต่างๆ ทั้งแก้มนวล ริมฝีปาก คาง จมูก มองกี่ทีก็น่าหลงใหลไปเสียหมด 

กล้ามเนื้อในอกของแสงเหนือทำงานหนักจนแทบจะออกมาเต้นภายนอกแทนที่จะเป็นข้างใน 


" ทำไมล่ะ " เจ้าคุณมองเด็กตรงหน้าที่ดูเหมือนจะเกร็งกว่าปกติด้วยความสงสัย 


คนเด็กกว่าเมื่อโดนถามแบบนั้นก็นิ่งค้างไป ในหัวที่ประกอบไปด้วยสมองเล็กๆหมุนเร็วเพื่อหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำมาตอบอีกคน 


ถ้าเกิดหลุดปากออกไปว่าที่ลองทำอะไรใหม่ๆเพียงเพื่อให้คนอายุเยอะกว่าสนใจตนบ้างเพียงเท่านั้น

แถมเหล่าเพื่อนพ้องก็ชอบใส่ไฟให้เขาทำตัวให้เท่ขึ้นเพื่อมัดใจรุ่นพี่แสนสวยตรงหน้าอีกด้วย


" เอ่อ อยากลองครับ "


หลังจากที่ใช่สมองคิดกลับไปวนมาจนไม่มีทางไป แสงเหนือก็อ้างเหตุผลง่ายๆอย่างอยากลองออกมา 

เจ้าคุณที่ได้คำตอบอย่างทีอีกฝ่ายพูดก็เอากลับมาคิดทบทวนในสมองเพียงครู่เดียวก็พยักหน้าให้อีกคนอย่างเข้าอกเข้าใจ 

ถ้านับตามความจริงวัยของแสงเหนือก็เข้าสู่วัยอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีแล้ว การเปลี่ยนไปใช้น้ำหอมกลิ่นอื่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


" วัยแตกหนุ่ม ? "

" ผมเลยวัยนั้นมาแล้วครับพี่ ผม 16 แล้วนะ "


ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำอย่างกับเด็กตัวเล็กๆ แก้มนุ่มอมลมเอาไว้เต็มเปี่ยมจนพองฟู่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด


" เด็กอยู่ดี "


เจ้าคุณกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาแววาวเหมือนแซฟไฟร์จับจ้องมองเด็กตรงหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไม่รอให้อีกคนได้ตอบโต้ก็หันหลังเดินไปโดยที่ไม่ลืมหันมาบอกเด็กแก่แดดข้างหลัง 


" ไปละ จะไปเรียนชีวะ "


ว่าจบก็รีบเดินออกมาทิ้งเจ้าเด็กตาสีอำพันเอาไว้ให้นั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางห้องสมุดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ


" เดี๋ยวผมก็โตแล้ว - "


เสียงทุ้มน้ำเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวพลางมองตามร่างสูงโปร่งที่เดินหนีออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์ 

เมื่อลับสายตามือเรียวของชายหุ่มนเจ้าของนัยน์ตาสีสวยก็รวบของบนโต๊ะเอามาเรียงกันอย่างเป็นระเบียบแล้วช้อนขึ้นแนบอกแล้วเดินออกไปหวังกลับตึกเรียน 

ตัดภาพมาทางคนที่เดินออกมาก่อนอย่างเจ้าคุณ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มกระทบกับแสนแดดจนทอประกายแวววาว 

ขาเรียวยาวก้าวเดินอย่างสม่ำเสมออย่างมั่นคงมุ่งหน้าไปยังตึกเรียนด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ 


" มีอะไรดีๆเกิดขึ้นหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม "


ฉับพลันข้างกายกลับมีเสียงเล็กเเหลมของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของมุกเพื่อนสนิทของเจ้าคุณ 

แขนบอบบางของสตรียกพาดไปที่ไหล่หน้าของเพื่อนชายทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัว ใบหน้าสวยประดับรอยยิ้มหยอกล้ออย่างไม่คิดจะปิดบัง 

เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้าบึ้งตึงทันทีแสดงให้เห็นถึงความไม่สบอารมณ์  ริมฝีปากเตรียมเปิดออกด่าเพื่อนสาวข้างกายอย่างเต็มที่ 

แต่เมื่อปากเปิดออกเพื่อนสาวคนสนิทกลับรู้ทันใช้มือข้างที่ว่างยัดอมยิ้มรสสตรอเบอร์รี่เข้าปากเพื่อนหนุ่มเต็มแรง 


" แค่ก - ! "


เจ้าคุณไอออกมาอย่างแรงจนน้ำหูน้ำตาไหลเต็มไปหมดโดยมีเพื่อนสาวผู้เป็นต้นเหตุคอยลูบหลังอยู่ใกล้


" มึงจะฆ่ากูหรอมุก ไอเหี้ย "


" ไม่ดีกว่า กลัวผีมึงมาหรอก รอกูหาหมอผีให้ได้ก่อน "


ร่างสูงโปร่งได้แต่มองหญิงสาวข้างกายด้วยนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่มีทอประกายคุกกรุ่นเหมือนกำลังลังก่นด่าผ่านทางสายตาอย่างไรอย่างนั้น 


"โอ๋ๆ เจ้าคุณลูกแม่ มาม๊ะขอโทษค่ะ "


" ทุกคนมีมแม่คนเดียวนะคับเจ๊ "


น้ำเสียงติดขี้เล่นดังขึ้นมาจากข้างหลังพร้อมกับการปรากฎกายของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเด่นเป็นสง่า เส้นผมสีน้ำตาลส้มยาว


สมชายคนเดิมนั้นเอง 


" หุบปากซิอีชาย กูจะคุยกับลูกกูค่ะ "



" กูมีแม่คนเดียว "


ครานี้สมชายจึงยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ นัยน์ตาสีน้ำตาลมองบน เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะกวนหญิงสาวคนเดียวภายในกลุ่มอย่างแน่นอน 


แน่นอนว่าฝั่งหญิงสาวก็ไม่แพ้กันเจ้าหล่อนจึกเล็บสีแดงสดลงกับมืออย่างอดกลั้นไม่ให้ลุกไปใช้มือกระชากหัวของชายหนุ่มอีกคนลงมาตบ


อีนี้มันต้องโดนสักวัน 



หญิงสาวพูดอย่างหมายมั่น นัยน์ตาสีสวยมองตรงไปที่ชายหนุ่มอีกครั้ง


" โอ้ย อย่าตีกัน ไปเรียนได้แล้วไม่อยากจบแล้วมั้ง ม. 6 "



แน่นอนว่าคนที่ห้ามทัพก็คือเจ้าคุณนั่นเอง หากเป็นเวลาปกติเขาคงจะปล่อยให้คนทั้งสองตีกันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่งแล้ว แต่ติดที่ว่าถ้าทำแบบนั้นพวกเขาทั้งกลุ่มอาจต้องเข้าเรียนสายก็เป็นได้

แน่นอนว่าเขาไม่อยากโดนตัดคะแนน 


แขนเรียวจึงรีบคว้าเพื่อนทั้งสองให้เดินตามขึ้นตึกทั้งๆที่ทั้งสองคนยังตามจึกตามด่ากันตลอดจนเวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงเย็น 




.


.



.


ช่วงเย็นก็ผ่านเข้ามาถึง วันนี้เขามีนัดกับเจ้าเด็กเส้นผมสีอ่อนที่หน้าประตูทางเข้าของโรงเรียน 

หลังจากที่ร่างโปร่งจัดการเก็บของจนหมดแล้วไม่นานเรียวขายาวก็พาร่างของตนเองเดินด้วยจังหวะเนิบนาบมาถึงหน้าประตูโรงเรียนจนได้ 


เมื่อมาถึงนัยน์ตาสีน้ำเงินราวกับเเซฟไฟร์ก็มองไปที่ภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ 

ท่ามกลางฝูงชนมีร่างคุ้นหน้าคุ้นตายืนเด่นเป็นสง่าอยู่  รอยยิ้มระยิบระยับถูกส่งให้กับคนที่เขามาทักทายตนทุกคนและทุกครั้งราวกับไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย  

ทั้งรอยยิ้มทั้งดวงตาสีผมและทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะมองกี่ครั้งอีกคนก็หล่อเหลาจริงๆ  แน่นอนว่าทุกคนก็คงคิดแบบนั้น 


เมื่อมีจังหวะที่จะเดินเขาไปหาร่างโปร่งตรงหน้าโดนที่ไม่มีใครมาขัดแล้วเขาก็ค่อยๆก้าวขาเข้า แต่เมื่ออีกคนสังเกตเห็นเขาดวงตาที่เขาว่าเป็นประกายนักหนากลับเป็นประกายมากขึ้นจนต้องแอบหรี่ตา 

มันจะดีใจอะไรขนาดนั้น คิดได้ดังนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยท่าทีสบายๆ 


" ไหนรถมึงล่ะ จะพาไปหาอะไรกินไม่ใช่รึไง "


เจ้าคุณถามพลางมองไปรอบๆ ในใจนึกถึงรถคันใหญ่เท่ๆที่ดูเข้ากับอีกคนสักคัน 


" อ่ะ คนนี้ครับ "


เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีอ่อนพูดพร้อมกับผายมือไปข้างหลัง 


สิ่งที่เห็นทำเอาเจ้าคุณพูดไปออกไปเลย 


ภาพในหัวถูกทำลายย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดี  ขณะเดียวกันก็มีอาการปวดหัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ภาพตรงหน้าที่เข้าเห็นมีเพียงรถจักรยานยนต์สีเหลืองอ๋อย เหลืองจนแสบตาพร้อมกับรูปเป็ดที่ติดอยู่เต็มไปหมด แถมยังเป็นสีเหลืองอีกด้วย 


ยังไม่พอ เมื่อเลื่อนสายตามาอีกครั้งหมวกกันน็อคสองใบที่ตั้งอยู่บนเบาะ กลับมีสีเหลืองเช่นเดียวกัน 


แถมมีตุ๊กตาเป็ดตั้งไว้กลางหัวทั้งสองใบ 




....




เหี้ย 




" กูไปหาอะไรกินเองดีกว่า "


" อ้าว เดี๋ยวสิครับพี่ "


" รถเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย "


" มัน... ไม่น่ารักหรอครับ "



เสียงทุ้มนุ่มเบาหวิวจนน่าใจหายพร้อมกับหัวที่ก้มลงเล็กน้อยราวกับสุนัขตัวโตที่กำลังหงอย 


แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่า หากอีกคนเป็นแบบนี้  


นับวันยิ่งรู้สึกแพ้ทางไอ้เด็กคนนี้ทุกอย่าง 


แน่นอนว่าเจ้าคุณก็ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น ทำเพียงเดินไปหนชยิบหมวกมาสวมแล้วมองไปที่เจ้าของรถด้วยสายตาที่ว่าจะไปไม่ไป 



เจ้าของรถที่เห็นแบบนั้นก็เผยยิ้มกว้างออกมา นัยน์ตาสีอำพันทอประกายวาววับจนน่าเอ็นดู แล้วรีบเดินมาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ทันที 



เมื่ออะไรเรียบร้อยแล้วแสงเหนือก็จัดการขับแล่นขึ้นไปบนถนนด้วยความเร็วพอประมาณถ้าหากเขาขับคนเดียวคงจะเร็วกว่านี้มาก แต่นี้กลับมีเจ้าของหัวใจมานั่งด้วย การที่จะขับเล่นความเร็วแบบนั้นหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วอีกคนบาดเจ็บเขาคงจะร้องไห้เจียนตาย 



ไม่ค่อยเเน่ใจ กับท่าทาง การกระทำ สีหน้าเธอที่เเสดงออก
บางที่ก็คิดว่าใช่ เเต่บางทีก็ยังไม่ชัวร์
ไม่ค่อยมั่นใจ เหมือนจะรู้ เเต่ไม่รู้ เหมือนจะชัด เเต่ก็มัว
ไม่รู้ คำตอบมันอยู่ที่ไหน เคยได้ยินที่ใครเขาพูดมา
อยากรู้ความจริงต้องจ้องมองที่ตา เขาว่าสายตามันหลอกกันไม่ได้
เขาพูดกันว่าสายตามันเป็นสิ่งเดียวที่พูดเเทนหัวใจ
ฉันว่าสายตาเธอหลอกฉันไม่ได้
เธออยากจะหลอกใครก็ตามใจ
เเต่อย่ามาหลอกฉันเลย



อาจเพราะขับช้าหรืออะไรก็แล้วแต่ เจ้าคุณที่นั่งอยู่พลันได้ยินเสียงทุ้มนุ่มลอดผ่านเข้ามาในหมวกกันน็อคสีเหลืองอ๋อย


ฟังไปก็เพลินดีเหมือนกัน หลังจากนั้นเจ้าคุณก็หลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลาย


กว่าจะรู้ตัวมือเรียวก็ขยับกอดเอวของคนตรงหน้าเสียแล้ว คนที่ขับรถอยู่พลันหัวใจกระตุกวูบ เอ่ยเรียกอีกคนอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่มีการตอบรับ


แสงเหนือรู้ได้ทันทีเลยว่าคนข้างหลังหลับไปเสียแล้ว


พี่อย่ามาทำให้ผมใจเต้นได้ไหม


ตลาดอยู่ใกล้กว่านี้ได้ไหม



.
.



ไม่นานนักเขาก็ขับถึงตลาด พอรถหยุดคนข้างหลังก็ตื่นทันที นัยน์ตาสีน้ำเงินปรับโฟกัสครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นลงจากรถ



หลังจากนั้นทั้งสองก็ใช้เวลาไปเต็มๆกับการเลือกซื้อขนมและอาหารเข้าที่พัก


แสงเหนือได้ของกินมาสองถุงใหญ่


ในขณะที่เจ้าคุณได้เพียงลูกชิ้นแค่ 5 ไม้เท่านั้น


"พี่ทานแค่นี้จะพอหรอครับ "

" พอ ไม่ได้แดกเยอะแบบมึง "


"ผมเป็นเด็กวัยกำลังโต พี่เถอะครับ ตัวเล็กจะแย่แล้ว "



เม่อได้ยินแบบนั้นเจ้าคุณพลันตวัดสายตาใส่เจ้าเด็กน่าทุบข้างกายไปทีนึงเรียกเสียงหัวเราะจากเด็กหนุ่มเรือนไหมสีอ่อนได้เป็นอย่างดี 


หลังจากนั้นเขาก็รีบตรงกลับบ้านกันทันที เพราะดันเดินวนอยู่ในตลาดนับชั่วโมงถึงแม้ว่าความจริงคนที่เดินเยอะที่สุดก็คงจะเป็นตัวแสงเหนือเอง 


แสงเหนือขับรถไปพลางนึกถึงนัยน์ตาสีน้ำเงินที่มายังเขา 




เขาชอบดวงตาและสายตาที่อีกคนมองมา 




มันไม่ได้เหมือนกับว่ามองแค่รุ่นน้องคนนึงแล้ว 


 
มันมีสิ่งที่พิเศษกว่านั้นสองเอาไว้อยู่  และเขาหวังว่ามันจะมีมากขึ้นทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน





___________________________________________________________________________



https://youtu.be/C-Edz_RXi8E
(สายตาหลอกกันไม่ได้)

_____________________________________________________________________________


บทที่ 3

แสงสว่างที่เคลื่อนหายไปถูกทดแทนด้วยสีของยามรัตติกาล หากเงยหน้ามองขึ้นไปจะเห็นดวงจันทราลอยเด่นเป็นสง่าอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเหล่าดวงดาราที่ประดับประดาอยู่เต็มฟากฟ้า 


ขาเรียวตวัดก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์อย่างกระฉับกระเฉงเมื่อรถจอดแน่นิ่งที่หน้าประตูรั้วบานใหญ่บานหนึ่ง 


เจ้าคุณมองสารถีตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออกเผยให้เห็นเรือนผมที่ปกติมักจะเรียบตรงเป็นทรงสวยงามกลายเป็นยุ่งฟูจนดูไปดูมาครับคล้ายครับคาเหมือนขนมสายไหมสีเข้ม นัยน์ตาสีเข้มหลุบมองหมวกกันน็อคสีเหลืองลายเป็ดแว่บหนึ่งก่อนจะส่งคืนสู่เจ้าขอของมันด้วยใบหน้าปั่นยาก


ฝ่ายเจ้าของหมวกที่เห็นท่าทีแบบนั้นก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  ดวงตาสีอำพันโค้งราวกับจันทร์เสี้ยวเมื่อริมฝีปากแย่มยิ้มออกมา 


" ขำอะไร "


คนที่ถูกหัวเราะพลันตอบโต้กลับทันทีพร้อมถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง เสียงทุ่มเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 


" เปล่าครับ ใครจะกล่าขำพี่พี่น่ากลัวจะตาย " 


น้ำเสียงทุ้มนุ่มติดขี้เล่นดังขึ้นเจ้าคุณรู้ได้ทันทีเลยว่าคนตรงหน้ากำลังแหย่เขาเล่นอยู่แน่นอน ดูจากน้ำเสียงและดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับนั้นเป็นใครก็คงจะดูออกทั้งสิ้น 


" ตอแหล "


เสียงทุ้มเอ่ยวาจาร้ายกาจใส่คนเด็กกว่าแต่มีหรือที่เจ้าของดวงตาเป็นประกายระยิบระยับนั่นจะเกรงกลัว จะมีกํแต่เสียงทุ้มที่หลุดขำออกมาแผ่วเบาเหมือนดั่งตอนนี้ 

รอยยิ้มสดใสบิดเบี้ยวไปในทีเมื่อร่างสูงโปร่งกลั้นขำ ในสายตาแวววาวสะท้อนภาพของรุ่นพี่ที่ตัวเล็กกว่าทำหน้าตาทู่ทูจนไม่ต่สงอะไรจากแมวที่ขู่ฟ่อแฟ่ 


ใช่แล้ว ในสายตาของแสงเหนือรุ่นพี่ของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเต้าเหมียวขนฟู่ตัวหนึ่ง 

เจ้าคุณที่เห็นสายตาดูราวกับเอ็นดูเขานักหนายิ่งทำให้ไม่สบอารมณ์ 

ริมฝีปากบางหุบทันทีราวกับข่มกลั้นอารมณ์ เปลือกตาสีมุกปิดลงซุกซ่อนนันย์ตาสีสวยเอาไว้


,"ช่างแม่งละกัน กลับบ้านไปไป " 


เมื่อมองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะให้คนเด็กกว่าอยู่ต่อก็เอ่ยปากไล่ทันทีอย่างไร้เยื่อใย แล้วหันหลังก้าวเข้าบ้านไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย


คนโดนไล่ได้แต่ยิ้มขำมองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของอีกคนไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใส 


เมื่อเห็นอีกคนเข้าบ้านไปแล้วก็หยิบหมวกขึ้นมาสวมทันทีแต่ก็ยังไม่วายหันไปมองประตูบ้านของคนเป็นรุ่นพี่อีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ



" อ้าวคุณ  ทำไมกลับช้าเชียว "


เจ้าคุณที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มลึกน่าหลงไหลก็ปรายตามองเพียงเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปอยาางไม่ใส่ใจแต่ก็ไมาวายตะโกนตอบคำถามอีกคน


" เรื่องของเรา "


แม้ว่าจะเป็นการตอบคำถามที่ไม่ดีนักแต่ก็เรียกได้ว่านี่คือเอกลักษณ์ประจำตัวของเขาเลยก็ว่าได้


ว่าจบก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบนมขึ้นมากล่องหนึ่งแล้วถึงลูกชิ้นทอดขึ้นห้องโดยมีเสียงทุ้มตะโกนไล่หลัง 


" คุณไม่กินข้าวหรอ " 


ร่างโปร่งที่กำลังเดินขึ้นบันไดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปติบกลับทิศเหนือ ด้วยน้ำเสียงที่คุมให้อ่อนลงต่างจากทุกคนที่เขาคุยด้วย 


" เราไม่หิว ว่าจะกินแค่ลูกชิ้นที้ซื้อมา "


บอกแค่นั้นก็รีบเดินขึ้นห้องทันทีโดยไม่สนใจจะตอบอะไรอีก 

พอเข้ามาถึงห้องแล้วเจ้าคุณก็เปิดไฟพร้อมกับจัดการถอดเสื้อฮู้ดออกทันที กะว่าจะนอนพักผ่อนพักหายใจหายคอสักนิดแล้วไปอาบน้ำชำระร่างกาย 



ติ๊ง 



แต่ยังไม่ทันจะได้ล้มตัวลงนอนเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นสีเขียวก็ดีงขัดขึ้นมาก่อน

ร่างโปร่งผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยกมือถือขึ้นท่แล้วใช้นิ้ว้รียวกดลวไป  


บนหน้าจอสี้หลี่ยมปรากฎชื่อไลน์ที่คุ้นเคยพร้อมทั้งข้อความที่ชวนให้คิ้วบางขมวดเข้าหากัน 


มาที่หน้าต่างหน่อยครับ


ด้วยความสงสัยขายาวจึงก้าวลงจากเตียงแล้วเดินตรงดิ่งไปที่หน้าต่างทันทีแล้วเปิดม่านออก 


สิ่งที่ปรากฎให้เห็นเมื่อมองลงไปคือรถจักรยานยนต์สีเหลืองอ๋อยพร้อมกับเจ้าของของมันที่ยืนโบกมืออยู่

นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจชูนิ้วกลางใส่อีกคนอย่สงเปิดเผย

คนข้างล่างที่เห็นหลุดหัวเราะอออกมาอย่างชอบใจจนตาหยี่ไปหมด ในขณะที่มือเรียวโลกหน่อยกวนอารมณ์คนที่มองลงไปเป็นที่สุด 

เมื่อเห๋นว่าอีกคนไม่สะทกสะท้านนิ้วเรียวจึงเริ่มกดรัวเร็วไปที่หน้าจอแล้วส่งข้อความไปหาเด็กหนุ่มเข็นของเรือนไหมสีอ่อนรางกับปุยนุ่นที่กำลังยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งอยู่เบื้องล่าง


กลับไปบ้านไปได้แล้วไอเหี้ย 


ถึงจะเป้นข้อความแต่ก็สื่อถึงอารมณ์ตอนนี้ของเจ้าคุณได้ดีที่สุดจนน่าประหลาดใจเลยทีเดียว 

ไม่นานนักเด็กหนุ่มข้างล่างก็ล้วงกระเป๋าหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำออกมากดอ่านข้อความด้วยรอยยิ้ม 

เจ้าคุณเป็นอีกคนก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรสักอย่างครู่หนึ่งก่อนจะก้าวขาคร่อมรถเตรียมขับออกไปแต่ก็ไม่วายหันมาโบกมือให้เขาอีกรอบ

ไม่นานนักก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา ดวงตาสีน้ำเงินตวัดดูข้อความด้วยความรวดเรํวก่อนจะส่งอิโมจิชูนิ้วกลางไปให้ทีนึง 


ผมแค่กลัวพี่คิดถึงเองครับ 


บางทีเจ้าคุณก็สงสัยว่านักดนตรีมักจะคารมดีเสมอเลยรึเปล่า 

เพราะเด็กคนนี้ถึงแม้ว่าจะดูใสซื่อแต่เวลาอยู่กับเขาอีกคนก็ดูเป็นคนโรแมนติกไม่น้อยเลยทีเดียว


หลังจากที่ฟึดฟัดอยุ่พักใหญ่เจ้าคุณจึงตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปหวังจะชำระล้างร่างกายให้หายรอนเสียหน่อย  


ร่างโปร่งขยับมือเกี่ยวเปิดน้ำให้ไหลรินลงมาช้ำเราเอาสิ่งสกปรกไปและเหงื่อออกจากรางกาย 

ใบหน้าเรียวมีหยดน้ำเกาะตามกรอบหน้าและเส้นผม เรือนผมสีเข้มแนบลงไปตามพวงแก้มนุ่มพร้อมกับแพขนตาหนาที่หลับพริ้มดูสวยงามราวกับภาพวาดสศิลปะ  ตามร่างกายขาวเนียนประดับไปด้วยหยดน้ำสีใสที่เกาะพรางพร่าวระยิบระยับไปตามด้วยมวลกล้ามเนื้อเรียงสวยน่าสัมผัส 

กลิ่นหอมสบู่อ่อนๆลอยขึ้นมาแตะจมูกพร้อมกับมือเรียวที่ลูบไล้สบู่เนื้อขาวไปทั่วทั้งร่างกายทุกซอกทุกมุม

ดวลาในการดื่มด่ำกับสายน้ำเย็นสดชื่อที่ไหลลงมากระทบกับกายขาวกินเวลาไปมากกว่า 20 นาที  


เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที 


เบื่อแฮะ - 


นิ้วเรียวกดเลื่อนมือถือเข้าเว็บไซต์นู่นนี่จนไม่รู้จะเข้าอะไร จนเวลาล่วงเลยไปนับชั่วโมง

จนกระทั่งได้ยินเสียงหวานหลุดลอยออกมาจากห้องข้างๆ  การกระทำทั้งหมดพลันชะงักไปด้วย 



อ๊ะ  เหนืออย่า  


เสียวครวญครางหวานดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสมองที่เริ่มตระหนักถึงอะไรบางอย่าง 

ในค่ำคืนที่ผู้ปกครองไม่อยู่พร้อมกับคู่รักที่อยู่กันสองคนมันก็คงจะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว

นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มวูบไหวทุกครั้งที่เสียงหวาดดังคลอเข้ามาในหู   ภายในใจเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สมควรเกิดขึ้นขึ้นมา 


เจ็บ  


เจ็บจนปวดหนึบไปหมด 



..



ติ๊ง  


ในจังที่เขากำลังจะดำดงเข้าสู่ห้วงลึกแสนข่มขืนในจิตใจพลันเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น 


นัยน์ตาสีน้ำเงินกลับมามีประกายอีกครั้งก่อนจะกดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งมา


พี่นอนรึยังครับ  ? 


เมื่ออ่านคำถามนั้นเสร็จก็เลื่อนสายตาไปดูที่เวลาครู่่หนึ่งแล้วคิดในใจว่าเวบาเเค่นี้ จะนอนได้ยังไง 


นิ้วเรียวเริ่มขยับแล้วพิมพ์ตอบอักคนไปด้วนใยหน้านิ่งเรียบ 


ใครจะนอน แค่ 3 ทุ่ม 


หลังจากเพิ่มจบเขาก็เหมือนจะนึกถึงร้อยยิ้มแป้นที่มักจะเห็นอยู่บ่อยๆเมื่อถูกใจ


ถ้าไม่รบกวน คอลกันไหมครับ 


คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วก็พิมพ์ปฏิเสธไปตรงๆ 


แต่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงหวานดังขึ้นมาอีกครั้ง จึงไม่รอช้ากดปุ่มสีเขียวทันทีที้งๆมี่ก่อนหน้านั้นปฏิเสธอีกคนไปเสียงแล้ว


ีอสักครู่อีกคนก็รับสาย

เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงกุกกักที่ดังรอดเข้ามา

เจ้าคุณไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้ริมฝีปากของตัวเองกำลังโค้งขึ้นทีบะน้อยจนเกิดเป็นรอยยิ้มเล็กๆแสนหายาก


" เเปปนึงนะครับพี่เจ้าคุณ "


เสียงทุ้มเอ่ยออกมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงกึกกักที่ดังกว่าเดิม เจ้าคุณยังไม่ได้พูดอะไรออกไปทำเพียงนั่งรออีกคนเตรียมตัวเวียบๆ 


เสียงแบบนี้ก็ผ่อนคลายดี- 


หลังจากผ่านไปประมาณห้านาทีได้เสียงกุกกักนั่นก็หายไปแทบที่ด้วยเสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยที่ดังลอดออกมาแทนที่ 


" ขอโทษที่ให้รอนะครับ "

" อือ แล้วทำอะไรเสียงดัง "


เจ้าคุณเอ่ยถามปลายสายด้วยเสียงโมโนโทนขณะรอคำตอบก็ขยับตัวไปหยิบลูกชิ้นทอดมากินอย่างสบายอารมณ์สลับกับดื่มนมให้ชื่นใจ

นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ในอกหนารู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มที่มักจะคุยกับเขาอย่างอ่อนโยนเสมอ บางครั้งเจ้าคุณก็นึกอิจฉาแสงเหนืออยู่เหมือนกัน

ในตอนแรกเขาเคยแอบคิดว่าบางที่แสงเหนืออาจมีอะไรคล้ายๆตน แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าเจ้าของนัยน์ตาสีเหลืองอำพันที่มักจะมองตรงมาที่เขาด้วยความรักใคร่อยู่เสมอนั้นแตกต่างจากเขามากเพียงใด 


แสงเหนือนั้นมีความกล้า 


ความกล้าที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงดูก็รู้แล้ว อย่างน้อยๆก็กล้ามากพอที่จะบอกควารู็สึกของตัวเองให้ใครสักคนฟัง และซื่อตรงในความรู็สึกของตัวเองเสมอ 


ต่างจากเขาที่ทั้งขี้ขลาดและขี้กลัว ทั้งยังนิสัยที่มักจะไม่ยอมรับความจริงจนต้องรอให้สิ่งนั้นจากไปก่อนถึงจะรู้สึก 


" พี่เจ้าคุณ ? "


..


" พี่เจ้าคุณครับ "


เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติที่หลุดลอยไปของเจ้าคุณให้คืนกลับมาอีกครั้งมือเรียวหยิบมือถือที่ตั้งทิ้งเอาไว้ขึ้นมาแล้วกรอกเสียงลงไป


" อะไร "


เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยออกไปขณะเดียวกันก็จ้องหน้าจอสีเหลี่ยมราวกับเจ้าเด็กปลายสายจะโผล่ออกมาแทนที่


" ผมเห็นพี่เงียบ เป็ฯอะไรรึเปล่าครับ หรือง่วง ? "


" เปล่า ไม่ได้ง่วง "


เจ้าคุณตอบกลับอีกคนไปก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพลางหยิบผ้าห่มสีเข้มมาคลุมตัวหลบซ่อนตัวจากความหนาวเย็นของเครื่องปรับอากาศจนกลายเป็นก้อนขนสีดำบนเตียงใหญ่


" จริงนะครับ "


ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงราวกับเกรงใจจนเจ้าคุณนึกภาพออกได้ทันทีว่าตอนนี้อีกฝ่ายคนจะทำตาละห้อยเหมือนลูกหมาถูกทิ้งอยู่เป็นแน่


" เออ ถามมากจริง แล้วจะคอลทำไม "


ริมฝีปากแดงระเรื่อขยับเอ่ยด้วยน้ำเสียที่แฝงความติดหงุดหงิดเอาไว้อย่างชัดเจนจากนั้นก็ยกนมขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด 

ทำให้คนที่อยู่ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาอย่างไม่เต็มเสียง


" ผมอยาก .. ร้องเพลงให้พี่ฟัง "


เกิดเดธเเอร์ขึ้นทันทีที่อีกฝั่งพูดจบ  แสงเหนือเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อยอย่างประหม่าพลางคิดในใจไปในแง่ร้ายต่างๆนาๆ 


อย่างมากก็โดดด่า  


อย่างน้อยก็โดนวางสายใส่แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องกลัวเลย 


" เอาสิ "


แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเหนือกว่าที่คาดไว้มาก ไม่มีน้ำเสียงแข็งทื่อที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิด แถมยังอนุญาตอีก 


ราวกับระยะห่างที่อีกคนขีดเอาไว้ค่อยๆลดลงจนก้อนเนื้อในอกเต้นถี่รัว ความร้อนเริ่มลุกลามไปทั่วใบหน้าจนขึ้นริ้วแดงไม่ต่างอะไรกับลูกตำลึง


" ได้ จริงๆหรอครับ "


เสียงทุ้มนุ่มดูแหบพร่ามากขึ้นจนทำให้ชายหนุ่มผู้มีเรือนไหมสีเข้มขนลุกซู่ที่ต้นคอ ก้อนเนื้อในอกเต้นผิดจังหวะไปเพียงเสี้ยววิก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างน่าประหลาด 

มือเรียวของเจ้าคุณจับเข้าที่กลางอกของตนเองอย่างแปลกใจก่อนจะกลับมาสนใจปลายสายอีกครั้ง


" เออ "


เสียงตอบรับสั้นห้วนดังขึ้นทำให้นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายมากกว่าเก่าด้วยความดีใจ ดวงตาสีสวยวาววับระยิบระยับไม่ต่างอะไรจากดวงดาราบนฟากฟ้าแม้แต่น้อย 


ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหาหันเล็กน้อยกลั่นเสียงหวีดร้องด้วยความดีใจเอาไว้อย่างสุดกำลัง


" เปิดกล้องนะครับ "

" อยากเปิดก็ตามใจ "


เสียงตอบรับทันควันยิ่งที่ให้ใจด้วยน้อยสั่นระรัวยิ่งกว่าเก่า ริมฝีปากแย้มยิ้มจนเห็นแก้มนุ่มชัดเจนพร้อมกับดวงตาที่โค้งหยี่คล้ายจันทร์เสี้ยว 


นิ้วเรียวยกขึ้นแล้วจิ้มลงไปที่ปุ่มรูปกล้องไม่นานนักอีกฝ่ายก็เปิดกล้องบ้าง ทำให้แสงเหนือเห็นคนตัวเล็กกว่าที่อยู่ในชุดนอนสีกรมพอดีตัว แล้วถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรนั้นก็น่ารักมากอยู่ดี 

ทั้งยังเรือนผมสีเข้มที่ปกติมักจะตรงเรียบอยู่เสมอตอนนี้กลับฟู่ขึ้นเล็กน้อยจนดูน่ารักขึ้นมาทันที 

เจ้าคุณเองก็มองสำรวจคนเด็กกว่าเช่นกัน ทั้งเรือนไหมสีอ่อนที่ปรกลงบนใบหน้า นัยน์ตาสีอำพันที่เป็นประกายดังเดิม แล้วมองลงมา...


ชุดนอนสีเหลืองพาสเทลลายเป็ด 


เป็ดอีกแล้ว 


" เหี้ย .. "


เจ้าคุณหลุดคำหยาบออกมาพร้อมกับยกมือกุมศีรษะอย่างหมดหนทาง 

ไม่ใช่เพราะชุดนอนของอีกคนเพียงเท่านั้น ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้าก็เป็นรถกับหมวก และตอนนี้เมื่อมองผ่านอีกคนไปข้างหลังก็เห็นผนังห้องสีเหลืองพร้อมทั้งของตกแต่งสีเหลืองพาสเทลมากมายจนไม่สามรถนับได้ แต่เอาเป็นว่าทั้งห้องของอีกคนถูกกลืนไปด้วยสีเหลืองและเป็ดนับ 30 ตัว


คิดไปคิดมาตาของเด็กนี่ก็เป็นสีเหลือง...  


ถ้ามีเหตุผลที่จะไม่เปิดใจให้เด็กคนนี้ขอเป็นเหตุผลที่ว่าห้องมึงแสบตาไปได้ไหมนะ ..

เจ้าคุณคิดในใจด้วยความท้อแท้ก่อนที่จะลูบหน้าตัวเองแรงๆทีนึงอย่างเหนื่อยอ่อน 


" กูถามมึงจริงๆเถอะเหนือ มึงเป็นเหี้ยอะไรกับเป็ด " เจ้าคุณถามออกไปพลางขมวดคิ้วมองเด็กในจอสี่เหลี่ยมอย่างไม่เข้าใจ


ทางอีกฝั่งก็หยุดคิดไปครู่หนึ่งพร้อมกับทำหน้าจริงจังออกมาราวกับเรื่องที่คนเป็นพี่ถามมันสำคัญมากระดับโลกอย่างไรอย่างนั้น


" ผมชอบครับ แล้วก็จริงๆเลี้ยงเป็ดอยู่สองตัว "

" แล้วทำไมต้องสีเหลือง เหลืองเหี้ยอะไรเยอะแยะ "

" มันเป็นสไตล์ครับพี่เจ้าคุณ "


เจ้าคุณสบตาสีอำพันของอีกคนอย่างเหมอลอยก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าอีกครั้งแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ


" มึง ก็ เหลือง ไป ไอ เหี้ย "


ริมฝีปากแดงระเรื่อเน้นย้ำทีละคำเสียงดังฟังชัดจนอีกฝั่งได้แต่นั่งทำหน้าครุ่นคิดแล้วมองหน้าเขาแบบงงงวยราวกับมีคำมาแปะบนหน้าอีกฝ่ายตัวใหญ่ๆว่า  ' ผมผิดหรอ '

แน่นอนว่าเมื่อเจ้าคุณเห็นสีหน้าของอีกคนก็แทบจะอ้าปากด่าอีกคนเสียเหลือเกิน แต่เสียงกลับไม่กล้าออกมาเมื่อนึกถึงดวงหน้าหล่อเหลาที่มักจะซึมจนน่าสงสารเวลาที่เขาเผลอด่าอีกคนเข้า 


" งั้นกูขอ มึงไเปลี่ยนเสื้อเถอะ กลืนไปหมดจนกูแทบจะเห็นมึงเป็นเป็ดอยู่แล้ว "


คนที่ใส่ชุดน้องสีเหลืองลายน้องเป็ดก้มลงมองเสื้อตัวเองเพียงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ากลับขึ้นมามองคนอายุเยอะกว่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจว่า 


" น้องออกจะน่ารักนะครับ "


ได้ยินดังนั้นดวงกหน้าสวยงามของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนไหมสีเข้มพลันบึ้งตึงขึ้นทันที นัยน์ตาสีน้ำเงินจับจ้องอีกคนผ่านกล้องโทรศัพท์มือถืออย่างกดดัน 

เมื่อแสงเหนือเห็นแบบนั้นจึงจำใจเดินหายไปไปนอกกล้องเพื่อไปเปลี่ยนชุดทันทีทิ้งคนขี้บ่นให้อยู่คนเดียวพักหนึ่ง 


" มาแล้วครับ "


หลังจากที่เวลาล่วงเลยไปแล้วประมาณ 10 นาทีได้ไม่นานนักเจ้าคุณก็ได้ยินเสียงทุ้มของเเสงเหนือดังลอดเข้ามาในสายก่อนที่จะเห็นตัว-  


ไม่นานนักอีกคนก็ปรากฎตัวเข้ามาในกล้องพร้อมกับชุดนอนตัวใหม่ตามที่เจ้าคุณต้องการ 


เจ้าคุณกวาดตามองคนในจอตั้งแต่หัวลงมายังบริเวณลำตัว มองวนอยู่แบบนั้นสามถึงสี่รอบก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ


" ดีขึ้น "


ภาพที่สะท้อนในนัยน์ตาสีน้ำเงินคือเรือนร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีอ่อนยาวระต้นคอและมีดวงหน้าที่หล่อเหลาเอาการที่กำลังอยู่ในชุดนอนสีกรมอ่อนดูสบายตาทั้งยังตัดกับผิวสีขาวของอีกคนได้อย่างพอดิบพอดีทำให้ดูมีบุคลิกที่สุขุมขึ้นอย่างน่าประหลาด

แม้ว่าช่วงลำคอจะมีส่วนที่เว้าลงมามากเกินไหน่อยจนเผยให้เห็นอกเปลือยเปล่าสีขาวเนียนทั้งยังแน่นจนน่าอิจฉาแก่สายตาของเจ้าคุณ


" ขอบคุณครับ "


ทางฝั่งเด็กหนุ่มเองก็เอ่ยขอบคุณคนเป็นพี่ด้วยท่าทีประหม่าก้มหน้าก้มหัวลงตามนิสัยของเจ้าตัวเอง 

แต่ทว่าการกระทำนั้นยิ่งทำให้ส่วนอกที่เปิดเผยอยู่แล้วยิ่งเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น แล้วแบบนี้คนอายุมากกว่าจะไม่ตกใจได้อย่างไรไหวเจ้าคุณเกรงตัวขึ้นทันทีที่สายตาดันเผลอมองไปยังช่วงอกเปล่าเปลือยที่ปรากฎยอดอกสีน้ำตาลเข้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ 

เจ้าคุณกระแอมออกมาหนึ่งทีแล้วตั้งสติ รีบพาบทสนทนาให้ไปในทิศทางอื่นแทบจะทันที 


" อิจฉากล้ามแกชะมัด "


หลังจากที่ได้ยินอีกคนบอกแบบนั้นแสงเหนือก็เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะผลิยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ  ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กล้องแล้วยื่นอีกจนเจ้าคุณหลุดขำในลำคอเบาๆ 


" เพราะผมขยันออกกำลังกายไงครับ อีกอย่างผมก็เล่นกีฬาบ่อยด้วย " 


" อือฮึ ไงต่อ "


เจ้าคุณตอบรับอีกคนพลางเท้าคางมองคนเด็กกว่าที่ไม่หยุดอย่างออกรส 


"ผมชอบเล่นบาสด้วย ปิงปองก็ได้นะครับ " 


แสงเหนือพูดด้วยร้ำเสียงร่าเริงขึ้นทันทีที่อีกคนดูท่าทางสนใจในสิ่งที่เขาเคยเจอมา นัยน์ตาสีอำพันมองเพดานเล่าย้อนไปนึกเรื่องราวต่างๆขึ้นมาเล่าจนแม้กระทั่งคนฟังอย่างเจ้าคุณเองก็เพลินไปด้วย 


"แล้วพี่เจ้าคุณล่ะครับ "

" ? "

" กินอะไรทำไมน่ารักจัง "


หลังจากที่คุยเรื่องทั่วๆไปนานสองนานอยู่ๆเจ้าเด็กตาเหลืองก็ทำให้เกิดเดธแอร์จนได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองกำลังคุยเรื่องอาหารการกินอย่างเรียบง่าย อยู่ๆอีกคนดันออกตัวพูดหยอดเขาแบบงงๆ 

ถึงแม้จะงงจนต้องขมวดคิ้วแต่ในหัวใจพลันกระตุกวูบอย่างไม่น่าเป็นไปได้  เจ้าคุณมองอีกคนที่ยกมือเท้าคางพร้อมกับมองเขาด้วยท่าทีเเพรวพราวจนน่าตีก็ได้แต่กัดฟันตัวเองเอาไว้ 


" น่ารักพ่อง "


แน่นอนว่าคนอย่างเจ้าคุณเป็นเช่นนี้อยู่ตั้งแต่ไหนแต่ไรเพียงแต่ว่าอีกคนกลับไม่มีท่าทีไม่โอเคกับคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อยกลับกลับกันยังส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้เขาอยู่เลย

ในใจของเจ้าคุณเมื่อมองท่าทีแพรวพราวนั้นเเล้วได้แต่สงสัยว่าเจ้าตัวเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วหรือโดนใครสอนอะไรมาอีก

อาจเพราะบุคลิกที่ใสสะอาดราวกับผ้าขาวของแสงเหนือด้วยแล้วจึงยิ่งทำให้เจ้าคุณเทใจไปทางข้อที่สองมากกว่าข้อแรกเสียอีก และแน่นอนว่าถ้าเป็นดั่งที่ตนคิดจริงเขาก็หมายมั่นเอาไว้แล้วว่าถ้าเจอตัวคนที่สอนอะไรแบบนี้ให้เจ้าเด็กหน้ามึนตรงหน้าเขาจะไปจัดการคนคนนั้นเสีย


" ฮ่าๆ ก็พี่น่ารัก "


ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มยิ้มขำจนตาหยี่โดยไม่คิดจะหวั่นเกรงแก่รุ่นพี่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย


" กูไม่ได้น่ารัก "

" พี่น่ารัก "

" ไม่ "


เเสงเหนือมองอีกคนอย่างนึกเอ็นดูพลางขบขันไปด้วยอย่างอารมณ์ดี แต่คนเป็นรุ่นพี่กลับตรงกันข้ามกับเเสงเหนือโดยสิ้นเชิงทั้งใบหน้าที่บึ้งตึงแล้วกอดอกท่าทีหงุดหงิดแบบสุดๆยิ่งทำให้เด็กหนุ่มขำดังขึ้นมากกว่าเดิม


" งั้นรักนะค้าบ "


ใบหน้าหล่อเหลาประดับได้วยรอยยิ้มขบขันพร้อมกับชูมินิฮาร์ทให้อีกคน


" ควย "


เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นจึงทำตามบ้างแต่ที่ชูให้นั้นกลับเป็นนิ้วกลางเรียวยาวของเจ้าคุณเอง


ยิ่งเห็นแบบนั้นแสงเหนือยิ่งหลุดขำเข้าไปกันใหญ่จนได้ยินเสียงหอบหายใจดังเข้ามาในสาย ดวงหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มไปด้วยริ้วแดงระเรื่อน่าสัมผัส ดวงตาเรียวหยี่ลงเป็นรูปจันทร์เสี้ยวดูฉ่ำน้ำดูมีเสน่ห์ในทางที่ไม่ดีเท่าใดนัก

เพียงเท่านั้นเจ้าคุณก็รู้สึกตัวทันทีราวกับโดนไฟฟ้าช็อต รีบก้มใบหน้ามองลงไปยังเบื้องล่างกลางลำตัวที่โป่งพองขึ้นมาดุนดันกางเกงเนื้อลื่นที่กำลังสวมใส่อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย 


" ... "


ในขณะที่อีกคนหัวเราะร่าอย่างร่าเริงนั้นเอง นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่นั้นพลันสั่นไหวพร้อมกับใบหน้าที่ปรากฎริ้วแดงจางๆโดยไม่อาจห้ามได้   กลางลำตัวเองก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาล้วอีกต่างหาก

ในจังหวะนั้นเองที่เจ้าคุณรีบกดปุ่มสีแดงวางสายทันทีโดยไม่บอกกล่าวให้อีกคนรู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ทางคนที่ถูกตัดสายใส่หน้าพลันหน้าซีดเผือกหุบยิ้มทันใด ดวงตาสีอำพันแสดงความกังวลออกมาอย่างเปิดเผยแล้วตัดสินใจส่งข้อความหาอีกคนแต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบสนอง แม้แต่คำว่าอ่านแล้วก็ไม่มีเหมือนอีกคนถูกดึงหายไปอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเป็นแบบนั้นแม้จะกังวลมากเท่าใดแต่จุดประสงค์ในการคอลกับอีกคนในวันนี้ก็ยังไม่บรรลุ แสงเหนือจึงเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งลายไม้สีขาวนวลที่สลักลายอุ้งมือแมวและรูปตัว S เอาไว้มาถือเอาไว้ในมือก่อนจะตั้งกล้องให้เห็นทั้งตัวเองทั้งกีตาร์ตัวเก่งอย่างชัดเจน

นิ้วเรียวของเเสงเหนือจิ้มลงไปที่ปุ่มอัดก่อนจะกลับมานั่งที่ดีๆแล้วเริ่มขยับมือดีดด้วยจังหวะช้าๆ 

พร้อมกับริมฝีปากที่เอื้อนเอ่ยบทเพลงแสนหวานออกมา

広い宇宙の数ある一つ

青い地球の広い世界で

小さな恋の思いは届く

小さな島のあなたのもとへ

あなたと出会い 時は流れる

思いを込めた手紙もふえる

いつしか二人互いに響く

時に激しく 時に切なく

響くは遠く 遙か彼方へ

やさしい歌は世界を変える

ผู้เอื้อนเอ่ยบทเพลงสูดลมหายใจเข้าปอดเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากกีตาร์ในมือมองตรงไปยังกล้องที่ตั้งเอาไว้ ราวกับจะส่งความรู้สึกให้ไปถึงคนที่ฟังอยู่

ほら ! あなたにとって

大事な人ほど すぐそばにいるの

ただ あなたにだけ届いて欲しい

響け恋の歌

ほら ほら ほら

響け恋の歌

           ดังออกไปสิ บทเพลงแห่งรัก


ใบหน้าหล่อเหลาช้อนตามองกล้องที่ถูกตั้งเอาไว้  นัยน์ตาสีเหลืองอำพันดูอ่อนนุ่มและหวานฉ่ำจนน่ากลัวว่าคนที่มาเห็นคลิปนี้คงจะต้องล้มลงไปนั่งกับพื้นเพราะความหวานของดวงตานั้นก็เป็นได้


เมื่อเพลงจบลงไปแล้วท่อนแขนเเกร่งก็เอื้อมมากดปิดหยุดทันที ริมฝีปากระบายยิ้มอ่อนๆออกมาขณะที่มองไปยังแชทของคนที่เขาเฝ้ามองมานาน 


響け恋の歌

(ดังออกไปสิ บทเพลงแห่งความรัก)


มองได้ครู่เดียวเขาก็ตัดสินใจกดส่งคลิปไปทันทีด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังไม่ลืมบอกฝันดีอีกฝ่ายด้วย 



..


ขาเรียวของแสงเหนือค่อยๆพาร่างกายสูงโปร่งไปยังหน้าต่างบานใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมแล้วยกมือขึ้นเปิดผ้าม่านออก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่บานหน้าต่างของบ้านข้างๆด้วยรอยยิ้มละมุนละไม 


ริมฝีปากสีแดงระเรื่ออ้าออกเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงหวานราวกับขนมสายไหม 


" ฝันดีนะครับ พี่เจ้าคุณ  "



_____________________________________________________________________


https://youtu.be/Woorod1gJ_w


[ 小さな恋のうた ]



______________________________________________________________________


บทที่ 4


ยามเช้าค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาถึงเสียงของเหล่านกตัวน้อยและแสงอาทิตย์ที่สอดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างบานใหญ่อาบสัมผัสไปทั่วผิวกายสีขาวของร่างที่นอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่ 

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นส่งผลให้ร่างบนเตียงขยับกายลุกขึ้นนั่งด้วยดวงตาที่ปิดสนิท ผมสีปีกอีกากระเซอะกระเซิงฟูฟองไร้ทรงจนน่าขัน ไม่นานนักดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆลืมขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเป็นประกายที่ติดจะงัวเงียกว่าที่เคยเป็น 


เจ้าคุณป้องปากหาวหวอดอย่างเกลียดคร้านพร้อมกับบิดตัวไปมา ร่างโปร่งนั่งอยู่บนเตียงครู่หนึ่งก็ลุกเดินไปที่ห้องน้ำอย่างเชื่องช้า พอก้าวเข้ามาถึงสิ่งแรกที่เจ้าตัวทำก็คือเดินไปหยุดยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่พลางกวาดสายตาสำรวจตัวเอง 

แน่นอนว่าขอบตาของเขาจะดำกว่าเดิมเป็นพิเศษเพราะตัวเขาพึ่งได้นอนเมื่อสามถึงสามชั่วโมงนี้เองด้วยความที่ว่าเมื่อคืนมีสิ่งที่เขาต้องจัดการกับมันและต้องคิดมากจนทำให้ไม่ได้นอน


หากย้อนกลับไปเมื่อคืนคงจะยาวไม่ใช่น้อย หากแต่ว่าหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความแข็งขื่นกลางลำตัวแล้วเขาก็รีบกดวางสายใส่แสงเหนือทันทีแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไปนับชั่วโมง

อาจเพราะเป็นคนที่หลั่งช้าอยู่แล้วด้วยเลยยิ่งต้องใช้เวลาในการจัดการค่อนข้างมาก แถมพอออกมาก็ต้อมานั่งคิดอีกว่าทำไมเขาถึงมีอารมณ์เพียงเพราะเห็นท่าทางของเด็กคนนั้นด้วย 

ที่น่าแปลกใจก็คือมันอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า เพราะจากที่เขานึกดูเขาก็ไม่ได้เห็นอะไรไปมากว่านั้นแต่กลับมีอารมณ์ขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด


" ... "


จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่หยุด ได้แต่คิดวนไปวนมาจนปวดหัว แต่ก็คงต้องขอบคุณเรื่องนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องรักของแฝดน้องของเขาเท่าใดนัก

คิดได้ดังนั้นเจ้าคุณก็ปัดความคิดถึงไปแล้วคิดในแง่ดีเข้าไว้พลางยิ้มบาง ไม่นานนักเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเปิดประตูเดินลงไปหาอะไรทานชั้นล่างด้วยความสดใสแม้ขอบตาจะคล้ำมากก็ตาม


..


แต่ความสดใสพลันมลายหายไปทันทีที่ลงมาพบกับแฝดและแฟนของอีกฝ่ายนั่งป้อนข้าวกันอย่างหวานเชื่อม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองแฝดน้องตัวเองอย่างถีถ้วนก่อนจะชะงักมองตรงต้นคอขาวที่ปรากฎรอยรักอยู่ประปราย 

ในอกพลันเจ็บหนึบขึ้นมาทันทีแต่เขาก็เลือกที่จะปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปเสียแล้วกล่าวกับน้องชายว่า 


" ทำอะไรเกรงใจด้วย เจ้านาย "


นัยน์ตาสีเข้มมองน้องชายอย่างตำหนิแต่ก็เดินไปลูบหัวทุยนั้นอย่างรักใคร่ตรงกันข้ามกับคำพูดเป็นที่สุด


" ขอโทษได้ไหมอ่ะ ก็แฟนมาบ้าน "

" ก็อย่าเสียงดังดิวะ "


เขาว่าแบบนั้นพลางปลายตามองคนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยอยู่ก่อนจะเอ่ยตักเตือนอีกคนไปด้วย 


" มึงก็ด้วย เกรงใจกูบ้าง "


ว่าเสร็จก็เดินตรงไปที่หน้าประตูโดยไม่สนใจใครทั้งๆที่มีเสียงถามไถ่ไล่หลังมาก็ตาม แต่เจ้าคุณก็เลือกที่จะเดินดุ้มๆออกมาแล้วทำเป็นไม่ได้ยินที่ทั้งสองคนเอ่ยเรียก 


ก๊าบ 


ทว่าพอก้าวออกมาก็ต้องชะงักเท้าทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นก้อนสีขาวที่อยู่ตรงปลายเท้าสองก้อน ก้อนที่ก้อนนั้นจะขยับน้อยๆแล้วใช้ดวงตามองเขานิ่ง


เป็ดใครวะ 


เจ้าเป็ดตัวเล็กทั้งสองตัวมีขนสีขาวบริสุทธิ์และดูสะอาดมากจนเขาต้องหยุดมอง ทั้งยังคุ้นคนอีกด้วย 

เจ้าคุณมองเจ้าตัวเล็กทั้งสองก่อนที่จะนั่งยองๆข้างๆมันแล้วใช้นิ้วจิ้มเบาๆ ปรากฎว่าเมื่อสัมผัสโดนขนสีขาวกับรู้สึกถึงความนุ่มจนน่าแปลกใจ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของต้องรักพวกมันมากแค่ไหน


" ขอโทษนะจ๊ะ "


แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเจ้าคุณก็ได้ยินเสียงนุ่มละมุนของหญิงสาวดังขึ้นมาแล้วเมื่อมองไปตามเสียงก็ปรากฎร่างร่างหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วของเขา 

คนตรงหน้าเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสสวย ดวงตาหงส์คมดูสง่างามพร้อมทั้งนัยน์ตาสีแดงสดสวยงาม เรือนผมสีบลอนด์ซีดยาวสลวยที่คลอเคลียอยู่ที่พวงแก้มนวล จมูกเป็นสันโด่งรับกับใบหน้าและปากกระจับสีแดงระเรื่อ ทั้งยังเรือนร่างบอบบางดูเซ็กซี่ราวกับนางเเบบ 


เจ้าคุณมองอีกคนพลางคิดในใจว่าคนคนนี้อาจเป็นนางแบบแน่นอนดูจากหุ่นที่สวยจนน่าหลงใหลนั้น


" นั้นเป็ดบ้านน้าเองจ๊ะ น้าย้ายมาอยู่ข้างบ้านเรา น้องน่าจะอยากสำรวจเลยเดินมั่ว "


คุณน้าคนสวยอธิบายด้วยรอยยิ้ม เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็จัดการก้อนเป็ดตัวเล็กทั้งสองก้อนจับอุ้มขึ้นมาแนบอกก่อนจะเอาออกมาส่งให้คุณน้าข้างหน้า 

ดวงตาคมสวยของหญิงสาวมองไปมาที่เจ้าคุณอย่างเอ็นดู


" ขอบคุณนะคะ อ่ะ น้าชื่อแสงดาวนะ มาอยู่บ้านหลังนั้นเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนนี้เอง "


หญิงสาวตรงหน้าแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มแน่นอนว่าเจ้าคุณก็มีมารยาทมากพอที่จะยิ้มตอบคนตรงหน้า 


" สวัสดีครับน้าแสงดาว ผมเจ้าคุณนะครับ "


เจ้าคุณยกมือไหว้คนมีอายุเยอะกว่าอย่างนอบน้อมพร้อมร้อยยิ้ม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองเจ้าเป็ดตัวเล็กอย่างสนอกสนใจคุณน้าที่เห็นแบบนั้นจึงแย้มยิ้มออกมากว้างขึ้นกว่าเดิมแล้วกล่าวว่า 


" เจ้าสองตัวนี้ชื่อทอมมี่กับจอนสันค่ะ ลูกชายน้าตั้งเองเลยนะ "


เจ้าคุณมองเจ้าทอมมี่กับจอนสันพลางแอบขมวดคิ้วในใจ แม้จะสงสัยแต่ก็คงจะต้องเก็บเอาไว้ถามในครั้งหน้าเสียแล้วเมื่อสตรีตรงหน้าทำท่าทางราวกับพึ่งนึกอะไรออกก่อนจะรีบกุลีกุจอหยิบเป็ดน้อยทั้งสองแล้วหันมายิ้มให้เขาเร็วๆหนึ่งครั้งแล้วพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยน้ำเสียงหวานละมุนแต่กลับดูมั่นคงไม่น้อย 


" อ่ะ น้ามีธุระด้วนนิดหน่อย เดี๋ยวน้าจะเอาของฝากมาให้ทีหลังนะคะ  "


ว่าจบก็รีบเดินไปทันทีทิ้งเจ้าคุณให้ยืนทำหน้าครุ่นคิดเอาไว้หน้าบ้านเพียงคนเดียว

เจ้าคุณหมายมั่นไว้ในใจอย่างแรงกล้าก่อนจะพับเก็บเรื่อที่ตนสงสัยไว้ในใจอย่างเงียบเชียบสายตาก็มองไปทางบ้านข้างๆของคุณน่าด้วยสายตาอ่านยากก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเดินออกไป


ต้องถามให้ได้  ว่าลูกชายคุณน้าชื่ออะไร


แม้ในตอนแรกเขาจะไม่นึกส่งสัยอะไรแต่เมื่อเห็นคุณน้าเมื่อกี้อะไรๆก็กระจ่างขึ้นมาทันที แน่นอนว่าเขายังไม่ลืมหรอกนะว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าเด็กแสงเหนือบอกว่าว่ายังไง


'ผมเลี้ยงเป็ดเอาไว้ 2 ตัวครับ'


นั้นเป็นคำที่อีกฝ่ายบอกเขาเอาไว้มันตรงกับเจ้าเป็ดสองตัวของคุณน้าทันที และอีกอย่าง ..


หน้าตาของคุณน้าแสงดาวมีความคล้ายคลึงกับแสงเหนือถึง 5 ส่วน 


หาอะไรทานเสร็จคงต้องไปเค้นจากเจ้าตัวเองเสียแล้ว แล้วถ้าเป็นแบบที่เขาคิดจริง .. ก็คงจะต้องต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่อย่างอบอุ่นเสียหน่อย



. . . 


แสงแดดยามเช้าแสนอบอุ่นพร้อมกับเหลาผู้คนที่เดินขวักไขว้จับจ่ายซื้อของกันเต็มท้องตลาดปรากฎสู่นัยน์ตาสีเข้ม เสียงของแม่ค้าพ่อค้าที่ดังแข่งกันไหนจะกลิ่นของอาหารที่หอมกรุ่นลอยมาตามลมที่พัดผ่านมา 


เช้านี้เจ้าคุณตัดสินใจมาหาอะไรทานที่ตลาดนัดไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นักเดินเพียง 20 นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว 


" 20 บาทจ้า "


มือเรียวควักธนบัตรสีเขียวออกมาหนึ่งใบยื่นให้หญิงชราตรงหน้าพร้อมกับรับถุงปาท่องโก๋มาถือเอาไว้ในมือ ขาเรียวเดินทอดน่องไปตามทางเดินพร้อมกับสายตาที่กวาดมองไปทั่วอย่างสนใจ 


นานๆทีจะมาเดินตลาดเอง หาซื้อของไปทำข้าวเที่ยงดีกว่าไหมนะ


ร่างสูงโปร่งคิดในใจก่อนที่จะพาร่างเดินไปที่ร้านขายผัก มือเรียวกับผักช่อนั้นช่อนี้เลือกสรรค์หาของดีๆกลับไปทำทานเองที่บ้าน ซึ่งในขณะที่มือเรียวเลือกผักอยู่นั้นกลับมีมืออีกมือหยิบผักช่อเดียวกับเจ้าของนัยน์ตาสีเข้ม 

เจ้าคุณรีบหันไปมองคนที่หยิบผักพร้อมกับตนแต่แล้วก็ต้องชะงักค้างไปเพราะคนคนนั้นกลับเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดี


และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เขานอนไม่หลับเมื่อคืนนี้อีกด้วย 


" แสงเหนือ ? "

" อ้าวพี่คุณ สวัสดีครับ บังเอิญอีกแล้ว "


นัยน์ตาสีเหลืองทองทอประกายวิบวับอย่างสดใสเมื่อเห็นว่าคนที่มือชนกันเมื่อครู่เป็นเจ้าของดวงใจของตนเอง รอยยิ้มหวานเชื่อมปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา 


โชคดีจัง


แสงเหนือคิดพลางยิ้มจนแก้มแทบปริ แน่นอนว่าเจ้าคุณเห็นแบบนั้นก็เมื่อยหน้าแทนอย่างบอกไม่ถูก นัยน์ตาสีน้ำเงินมองคนข้างหน้าอย่างครุ่ยคิดก่อนจะก้มหน้าลงเลือกผักต่อ


" พี่จะทำกับข้าวหรอครับ "


คนเด็กกว่าขยับเข้ามาใกล้แล้วชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติ เจ้าคุณทำเพียงปรายตามองแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติของตนเอง 


" อือ แล้วแก ? "

" ผมก็จะทำเองครับ พอดีวันนี้ม๊ากลับมาจากต่างประเทศพอดี "


เเสงเหนือเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางหยิบผักใส่ตระกร้าด้วยความกระตือรืนล้น 


" ปาร์ตี้ว่างั้น ? "

" ใช่ครับ ปาร์ตี้ "

" กูไปด้วยดิ "


เพียงเท่านั้นเจ้าของนัยน์เนตรสีเหลืองทองก็นิ่งเงียบไปทันที แววตาปรากฎความกังวลเอาไว้อย่างปิดไม่มิดแน่นอนว่าเจ้าคุณเพียงแค่มองดูก็รู้แล้วว่าอีกคนมีพิรุธอย่างชัดเจน 


" ล้อเล่น "


" ธ โธ่ พี่เจ้าคุณล้อเล่นอะไรครับเนี่ย " 


อีกฝ่ายว่าพลางยิ้มกลับเกลื่อนก่อนจะรีบหยิบผักขึ้นมาใส่ตระกร้าแล้วรีบวิ่งไปคิดเงินทิ้งให้เจ้าคุณเลือกผักอยู่เพียงคนเดียว 


หนีไปซะแล้วสิ


เจ้าคุณคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พอเลือกผักเสร็จก็เดินทอดน่องไปจ่ายเงินอย่างไม่รีบร้อน 


หลังจากที่ซื้อของครบทุกอย่างร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าสวยก็เดินออกมาจากตลาดพร้อมกับถือถุงผักและเนื้อสดมาด้วยสองสามถุง แต่เมื่ออกมากลับพบร่างสูงโปร่งของคนอายุน้อยกว่ายืนรออยู่ทำเอาเจ้าคุณต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


ไม่ได้หนีหรอกหรอ


ฝั่งแสงเหนือเมื่อเห็นอีกคนเดินมาก็รีบสาวเท้าเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม 


" ให้ผมช่วยถือไหมครับ "


รอยยิ้มถูกมอบให้กับเจ้าคุณจนแสบตายิ่งตอนเช้าตรู่แบบนี้มีแสงแดดส่องมายิ่งทำให้อีกคนดูสว่างไสวมากกว่าเดิมหลายเท่า  


" ไม่เป็นไร "


เจ้าคุณเอ่ยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเดินหน้าต่อไป แต่มีหรือร่างโปร่งอีกคนจะไม่เดินตาม เด็กหนุ่มผู้มีดวงตาสีเหลืองทองแย้มยิ้มเดินขนานนาบเคียงข้างกาย เจ้าคุณที่เห็นอีกคนเดินตามมาก็ชะลอฝีเท้าให้ช้าลงจงใจให้อีกฝ่ายตามทันได้อย่างแนบเนียน 


" พี่เจ้าคุณว่างไหมครับวันนี้ "


คำถามของอีกคนที่ดังขึ้นมาทำให้เจ้าคุณต้องหยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยท่าทีเฉยเมยตามปกติของเจ้าตัว 


" ก็ว่าง ทำไม " 


เขาตอบโดนที่ไม่ได้หันมามองอีกคนทำเพียงขยับขาก้าวเดินไปข้างหน้าเพียงเท่านั้น แต่คนข้างกายเขากับมีท่าทีกระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้า ทั้งหน้า ทั้งตา ทั้งริมฝีปาก ทั้งหมดของร่างกายเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างชัดเจน  


" สนใจ ไปดูหนังด้วยกันไหมครับ ผมมีโปรลดราคาอยู่ "


เด็กหนุ่มว่าพลางส่งตั๋วให้เจ้าของเรือนไหมสีดำขลับดูพร้อมกับจับจ้องไปที่ตั๋วใบเล็กอย่างคาดหวัง 

ทางเจ้าคุณที่หันมาสนใจของที่อยู่ในมือใหญ่ก็เอียงคอมองด้วยความสงสัยปนครุ่นคิด โดยทั้งหมดนั้นตกอยู๋ในสายตาของเด็กหนุ่มอีกคนทั้งหมด ยิ่งเห็นท่าทีของคนอายุเยอะกว่ายิ่งตื่นเต้นขึ้นเท่านั้น


" ก็ได้แหละ กี่โมง "

" หนังเริ่มบ่ายรอบดึกประมาณ 3 ทุ่มครับเพราะงั้นไปกันตั้งแต่ 6 โมงเย็นดีไหม "

" ไปก่อนเวลาทำเหี้ยอะไรตั้ง 3 ชม "


เจ้าคุณขมวดคิ้วมุ่นใส่เด็กตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ น้ำเสียงเริ่มแข็งขึ้นตามนิสัย


" ก็ ก็ ทานข้าวด้วยไงครับ "


เมื่อได้ฟังเหตุผลจากปากเด็กตรงหน้าเจ้าคุณก็ได้แต่ถอนหายใจเสียงดัง นัยน์ตาสีเข้มตวัดมองร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงสามส่วนสีครีมด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มติดไม่สบอารมณ์ 


" มึงก็แค่บอกว่าจะไปเดท "

" ..  เปล่านะครั- "

" งั้นกูไม่ไป "

" พี่จ้าคุณไปเดทกันนะครับ "


สิ้นคำพูดของเด็กหนุ่ม ร่างโปร่งเจ้าของนัยน์ตาสีแซฟไฟร์พลันยิ้มออกมาน้อยๆอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันหน้าหนีก้าวเดินต่อไปโดยไม่ลืมทิ้งท้ายด้วยคำตอบที่ทำให้คนข้างหลังหูแดงแจ๋จนทำอะไรไม่ถูก


" ตกลงค่ะหนุ่มน้อย "


.. 


หลังจากที่กลับถึงบ้านทั่วทั้งบ้านก็ไร้ซึ่งผู้คนไปเสียแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้คู่รักพวกนั้นต้องไปเที่ยวกันแน่นนอนโดยไม่ต้องสงสัย 

เจ้าคุณเดินถือถุงของสดเข้าไปในครัวก่อนจะจัดการเรียงอาหารเข้าตู้เย็นพลางจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย 


Rrrr 


ในขณะที่กำลังจัดของเข้าตู้อยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเรียกให้เขาหันไปสนใจ แต่พอเห็นหน้าจอที่เขาเมมเบอร์เอาไว้ก็ไม่อยากรับสายอย่างน่าประหลาด 


ไอชาย 


แต่ก็ต้องกลั้นใจเดินเข้าไปรับมือถือก่อนจะเอาแนบเข้ากับใบหูขาว -  


' มึง '


" อะไรมึงอีก "


...


อยู่ๆปลายสายก็เงียบไป จนเจ้าคุณคิดว่าตนโดนตัดสายทิ้งไปแล้วแต่พอยกขึ้นมาดูก็ยังเห็นว่าอีกคนยังคงโทรอยู่แต่กลับเงียบไป 

เจ้าคุณพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อกลั้นอารมณ์ที่อยากจะด่าคนเอาไว้ แต่จนแล้วจนรอดปลายสายกลับไม่เอ่ยอะไรตอบกลับมาจนเวลาล่วงเลยไปแล้วเกือบ 3 นาที 


" สรุปมีอะไรไอ้เหี้ยชนชน " 


' พี่ใจเย็นนะคับ รอน้องซันแปปนึง '


" ซันพ่อซันแม่มึง เร็วๆ ! "


กว่าจะได้คุยกันก็กินเวลาไปแล้วเกือบ 10 นาที 


' คืองี้ 5 โมงไปเที่ยวกัน '

" ไม่ "


เจ้าคุณสวนกลับทันควันจนคนฟังได้แต่นิ่งค้างไปก่อนจะตั้งสติแล้วกล่าวขอโทษขอโพยเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทรงเสน่ห์รัวเร็วราวกับอ้อนวอน 


' มึงงงง กูขอโทษษ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวด้วยอ่ะ เจ๊มุกก็ไปนะเว้ย '


" ไม่ไป กูมีนัดแล้ว "


' ห๊ - '


ยังไม่ทันที่ซันไชน์จะกล่าวจบประโยคดีเจ้าคุณก็กดวางสายอีกฝ่ายทันทีแล้วหันไปจัดการกับตู้เย็นต่อจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงสาย เมื่อจัดการทำความสะอาดเสร็จเจ้าคุณก็เดินลากเท้ากลับมานอนในห้องตัวเองอย่างสบายใจ 

มือเรียวยกโทรศํพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเข้าไปในแอปพลิเคชั่นสีเขีนวสดใสที่ยังไม่ได้แตะมันตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืน 


"..."


พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนบริเวณหน้าท้องก็รู้สึกเสียววาบขึ้นมาทันทีจนต้องรีบสะบัดหัวขับไล่ความคิดสกปรกสกปรกพวกนั้นออกไปให้หมดสิ้น ก่อนจะกลับมาจัดจ้อที่ข้อความปักมุดบนสุดเอาไว้ 


หมาขาว


เป็นชื่อที่เขาเมมเอาไว้สำหรับแสงเหนือโดยเฉพาะ ก่อนที่นิ้วเรียวจะกดเข้าไปในช่องแชท

นัยน์ตาสีน้ำเงินจับจ้องคลิปที่มีความยาวหนึ่งนาทีกว่าๆสักพักก่อนจะเปิดเล่น 



広い宇宙の数ある一つ

青い地球の広い世界で

小さな恋の思いは届く

小さな島のあなたのもとへ

あなたと出会い 時は流れる

思いを込めた手紙もふえる

いつしか二人互いに響く

時に激しく 時に切なく

響くは遠く 遙か彼方へ

やさしい歌は世界を変える

ภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งดีดกีตาร์บนเตียงพร้อมกับขับร้องบทเพลงรักด้วยเสียงทุ้มนุ่มละมุนปรากฎสู่สายตาของเจ้าคุณ 

ほら あなたにとって

大事な人ほど すぐそばにいるの

ただ あなたにだけ届いて欲しい

響け恋の歌

ほら ほら ほら

響け恋の歌

ใบหน้าหล่อเหลาช้อนตาขึ้นมองมายังเจ้าคุณ แน่นอนว่าต้องเป็นเขา ในสายตาปรากฎความรักใคร่ที่เอ้อล้นออกมาจนสัมผัสได้ ราวกับมีรสชาติหวานล้ำติดอยู่ที่ปลายลิ้น 


แม่งเอ้ย 


ใจดวงน้อยของชายหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีปีกอีกกาสบถในใจอย่างหัวเสีย พร้อมกับนัยน์ตาที่วูบไหวจนดูไม่แน่นอน


แม่ง..


เขารีบกดปิดคลิปนั้นทันทีก่อนจะรีบล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน 


วันนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแล้ว พักสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร


สิ้นความคิดด้วยความอ่อนล้าที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวานก็รุมเร้าจนเปลือกตาสีไข่มุกปิดสนิทลงเจ้าตัวก็จมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราทันที 

จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบ ในขณะที่ร่างโปร่งหลับไหลลึกลงไปในห้วงความฝันที่สวยงามท้องฟ้าข้างนอกก็เปลี่ยนสีจากสีฟ้าสดใสกลับกลายเป็นสีส้มแสดจนในที่สุดก็เป็นสีมืดคล้ำของยามราตรีไปเสียแล้ว 


..


ขณะเดียวกันร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มอีกคนที่รออยู่อย่างใจจดใจจ่อหน้าโรงหนังมาครู่ใหญ่ตั้งแต่ 4 โมงจนกระทั่งถึง 5 โมงเย็นแล้วก็ยังไม่มีวีแววของคนที่เขานัดมาเลยแม้แต่น้อย 

แสงเหนือยังคงแย้มยิ้มพลางคิดเข้าข้างตัวเองไปด้วยว่าอาจเพราะตนมาเร็วนี่พึ่งถึงเวลานัดอีกฝ่ายจะยังไม่มาก็คงไม่แปลกเท่าใดนัก แต่ทว่า..


ไม่ว่าจะรอนานนับชั่วโมงแค่ไหนก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่ายจนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้วก็ตามไม่มีแม้แต่เงา 

นัยน์ตาสีเหลืองทองเริ่มหม่นแสงชะเง้อคอมองเท่าไหร่ก็ยังไม่มีคนที่กำลังคิดถึงปรากฎตัวจนแล้วจนรอดเวลาแสนวิเศษล้วงเลยไปจนเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขสี่ 


ก็ยังไม่มีใครปรากฎตัว ความหวังมีในตอนแรกพลันดับหายไปราวกับเทียนที่ถูกเป่า ร่างของแสงเหนือทรุดลงนั่งพิงกับเสาใหญ๋ราวกับต้องการที่พึ่ง ใบหน้าซุกเข้าหาหน้าขาของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ทรงผมที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีเริ่มยุ่งเหยิงจนไม่เป็นทรง

ในใจปวดร้ายจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา 


ในใจพลันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแล้วรีบเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใส - 


...


เจ้าคุณตื่นขึ้นมาตอน 4 ทุ่ม 20 นาทีร่างโปร่งรีบวิ่งลงจากชั้นสองด้วยความเร็วด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก ปากร้องตะโกนบอกแฝดของตัวเองว่าขอยืมรถหน่อยก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็วสร้างความตื่นตระหนกให้กับคู่รักทั้งสองเป็นอย่างมาก

ทั้งแฝดและคนรักหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะมองตามรถที่แล่นออกไปด้วยความเป็นห่วง 


รถยนต์สีขาวเเล่นด้วยความเร็วกลางถนนใหญ่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีเข้มมีแววหวาดหวั่นอยู่ข้างในจนไม่อาจปิดมิดได้อีกต่อไป 


คงไม่ใช่ว่ายังรออยู่หรอกนะ


ริมฝีปากแดงระเรื่อเม้มเข้าหากันอย่างกังวล ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้าแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความดูดีที่มีอยู่ลดลงไปแม้แต่น้อย 


รอหน่อยนะ


...


" พี่เฟย สวัสดีครับ "


น่าเสียดายนักที่คนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่คนที่เขาหวังไว้ แต่ก็ยังคงรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้าไม่ขาดหาย


ตรงหน้าของแสงเหนือปรากฎร่างของชายหนุ่มร่างสูงที่มีผมสีขาวซีด ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาให้เขาอย่างใจดี 


" แสงเหนือ มาทำอะไรตรงนี้เนี่ยดึกแล้วนะ "

" มารอดูหนังครับพี่ แล้วพี่ล่ะ ? "

" พี่ก็มาดูหนังแต่ว่าจะกลับแล้วล่ะ ดูรอบกี่โมงล่ะเรา "

" ผมดูรอบ 4 ทุ่มครับพี่ "


แสงเหนือตอบกลับคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสว่างสไวตามแบบฉบับของเจ้าตัวเอง แต่คนฟังกลับมองตอบมาด้วยความสงสัยพลางยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา 


" นี่ 4 ทุ่ม 40 แล้วนะ คนที่นัดยังไม่มาหรอ "

" อ๋า เขาติดธุระนิดหน่อยน่ะครับ "


แสงเหนือพูดโกหกอีกฝ่ายไปคำโตก่อนที่คนตัวโตจะจับเขาให้ลุกขึ้นยืนแต่เพราะนั่งนานไปหน่อยแถมก่อนหน้านี้ยังยืนนานด้วยทำให้พออยู่ๆถูกดึง ขาเรียวก็เจ็บแปร๊บขึ้นมาจนน้ำตาแทบไหล ไม่วายลำบากให้รุ่นพี่ตรงหน้าประคองอีกต่างหาก


" โอ้ยพี่ เจ๊บ "

" เห้ยๆ  พี่ขอโทษ "


ว่าแล้วก็ขำคิกคักกันสองคนจนไม่ทันรู้ตัวว่ามีชายหนุ่มอีกคนกำลังเดินมาทางพวกเขาด้วยความไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด


" ทำอะไร ? "


เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันหันมองทันควัน ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มกว้างราวกับมีดวงดาวนับร้อยดวงลายล้อม ดวงตาเป็ฯประกายสดใสกว่าเมื่อครู่นับสิบเท่าแล้วพยายามขยับออกจากแขนของร่างสูงเดินไปหาชายหนุ่มอีกคนด้วยท่าทีร่าเริง แน่นอนว่าเฟยทีเห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าเป็นเจ้าของหัวใจของน้องรักคนนี้ 

แต่ด้วยนิสัยขี้แกล้งทำให้เฟยนึกอยากสั่งสอนคนที่ทำให้น้องของเขาต้องรอนานหลายชั่วโมงจนจำไม่ลืม


ร่างสูงของชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเเสงเหนือก่อนจะก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่พลางจับไม้จับมืออย่างออกนอกหน้า 


" วันหลังมาคุยกันอีกนะครับ  "


ว่าแล้วก็ขยิบตาให้ครั้งหนึ่งก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้แสงเหนืออยู่กับเจ้าคุณที่ดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์มากกว่าครั้งไหนๆที่เคยเป็น บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบชวนให้มาคุขึ้นมาทันที จนแสงเหนือต้องเป็นคนทำลายความเงียบลง


" อ่า พี่เจ้าคุณจะไปหาอะไรทานไหมครับ ? "

" กลับ "


พูดเพียงเท่านั้นก็ลากร่างของแสงเหนือให้ตามไปขึ้นรถทันทีโดยที่เด็กหนุ่มยังงุนงงตามไม่ทันอยู่บ้าง พอขึ้นรถได้เจ้าคุณก็พุ่งออกทันทีด้วยความเร็ว


"..."

"..."


ภายในรถถูกความเงียบกลืนจนแม้กระทั่งคนอย่างแสงเหนือเองยังอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก 


ในใจได้แต่นึกโทษทั้งพี่เลิฟและงุนงงกับการกระทำของเจ้าคุณจนสับสนไปหมดจนไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้าของคนสวยข้างกายเสียด้วยซ้ำ

ความอึดอัดกลืนไปทั้งรถจนกระทั่งเจ้าของรถขับมาถึงบ้านตนเอง

....



_________________________________________________________________________________


บทที่ 5 


...


รถยนต์สีขาวเคลื่อนมาจอดในโรงรถพร้อมกับชายหนุ่มเจ้าเรือนผมสีรัตติกาลที่ก้าวลงมา 

ใบหน้าสวยเรียบนิ่งจนน่ากลัวเสียยิ่งกว่าที่ที่แสดงอารมณ์ไม่ชอบใจผ่านสีหน้าเสียอีก


"พี่เจ้าคุณ .. "


เสียงทุ้มดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมกบร่างของแสงเหนือที่ก้าวก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนักพลางลอบมองใบหน้าเรียวสวยจากข้างๆด้วยใจที่สั่นไหว 

แม้ในใจของแสงเหนือจะไม่รู้เลยว่าอีกคนพาเขามาที่บ้านด้วยเหตุผลอะไรแต่ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือพฤติกรรมของชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่า


โกรธรึเปล่านะ 


นัยน์ตาสีอำพันมองเจ้าคุณนิ่งงันก่อนจะขยับกายเข้าไปเอื้อมมือจับเข้าไปที่ข้อมือขาวของอีกคนแผ่วเบา


ฝั่งเจ้าคุณที่รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่ข้อมือก็สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ ใบหน้าเนียนหันมามองร่างโปร่งของเด็กหนุ่มข้างกายเพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ข้อมือหนาก็ทำให้เพลิงปริศนาในใจมลายหายไปทันควันราวกับมีธารน้ำเย็นฉ่ำเข้ามาชะโลมจนพาให้สมองโล่งและผ่อนคลายขึ้นจนน่าแปลกใจ


" อะไร "


ท่าทีที่กลับมาเป็นปกติของเจ้าคุณทำให้เด็กหนุ่มอีกคนมีท่าทีสดใสขึ้นทันตาเห็นมือเรียวกอบกุมข้อมือของร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงใจอย่างมั่นใจอีกครั้ง นัยน์ตาสีสวยสบมองนัยนตาสีเข้มเป็นประกายตรงหน้าอย่างสดใสต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ


" พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ "

" หงุดหงิด "


ริมฝีปากแดงระเรื่อตอบคำถามอีกคนด้วยคามซื่อตรง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจดจ้องอีกคนอย่างมีความนัยบางอย่าง ก่อนที่จะดึงข้อมือออกจากการกอบกุมของเจ้าเด็กหน้ามึนแล้วขยับฝ่ามือจับกับอวัยวะเดียวกันของอีกคนแผ่วเบา


"!!!"


ฝั่งคนเด็กกว่าที่ไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะตอบสนองกับตนแบบนี้ได้แต่ทำหน้าเหลอหลาแฝงไปด้วยความตกใจจนน่าขัน นัยน์ตาสีสวยราวกับแซฟไฟร์มองดวงหน้าหล่อเหลาแล้วพลันหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่


น่ารักดี


คิดได้ดังนั้นก็ยิ่งขยับมือกอบกุมฝ่ามือหนาของเด็กหนุ่มข้างกายมอบไออุ่นให้ซึ่งกันและกันจนหัวใจดวงน้อยทั้งสองสั่นไหว


" ค้างบ้านกูแล้วกัน ดึกแล้ว "


"...."


ณ ตอนนี้แสงเหนือได้ชะงักค้างไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ในใจสั่นไหวยิ่งกว่าตอนดื่มกาแฟเสียอีก ทั้งการกระทำของคนอายุเยอะกว่า สายตาที่มองมาราวกับเอ็นดูเขา คำพูดต่างๆ ทำให้ใจเผลอขาดหวังเอาไว้เสียสูงลิ่ว


คาดหวังได้ใช่ไหมนะ  เรายังมีความหวังใช่ไหม


นัยน์ตาสีเหลืองทองทอประกายวูบไหวราวกับเปลวเทียนสีเข้มเมื่อโดนสายลมที่พัดไหวจนดูไม่มั่นคง แม้เพื่อนของเขาจะคอยเตือนอยู่เสมอว่าต้องคิดเผื่อใจเอาไว้ให้มากๆ อย่าคาดหวังสูงเกินไป


ไม่อยากนั้นตกมาคนที่จะเจ็บก็คือเขาเอง


      ' มึงอย่าเป็นเหมือนกู ต่อให้เราดีแทบตายยังไง ต่อให้เขาเเสดงท่าทีสนใจเรามากน้อยแค่ไหน แต่ตราบใดที่เขายังมีคนในใจ '


' พยายามให้ตายมึงก็ชนะคนในใจเขาไม่ได้ '


แสงเหนือย้อนคิดถึงประโยคที่เมฆาพูดกับเขาก็ได้แต่นึกหวั่นเกรงอยู่ในใจ ใบหน้าหล่อเหลาหม่นลงเล็กน้อยแต่ก็ฝืนยิ้มออกไปให้อีกคนได้เห็น


แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัวเขาก็ถูกลากให้เดินตามเข้ามาในบ้านของอีกฝ่ายเสียแล้ว ฝ่ามืออุ่นกึ่งลากกึ่งดึงแสงเหนือให้เดินตามไปจนมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่สีขาวบริสุทธิ์


" เข้ามาดิ "


มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มราบเรียบเชิญชวนให้เด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องให้เข้ามา แต่จนแล้วจนรอดเจ้าเด็กตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีจะเดินเข้ามาเลยแม้แต่น้อย 

ลำบากให้เจ้าของห้องต้องเดินไปจูงมือเรียวแล้วพามานั่งที่เตียงหลังใหญ่ที่อยู่ติดกำแพงสีขาวสะอาด


" นั่งนี่ เดี๋ยวกูไปหาอะไรให้แดก อย่าซน "


พูดจบก็ไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายได้เอ่ยตอบรับใดๆทั้งสิ้นรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปก่อนที่คนบนเตียงจะประมวลผลเสร็จเสียอีก


..


หลังจากที่อีกคนเดินออกไปครู่หนึ่งแสงเหนือก็ทวนคำพูดของอีกคนได้อย่างขึ้นใจ 


อย่าซน


แน่นอนว่าแสงเหนือเป็นเด็กดีของเจ้าคุณมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกันเขานั่งนิ่งๆไม่ทำตัวไร้มารยาทลื้อคนห้องของคนอื่นแม้ว่าคนอื่นที่ว่านั้นจะเริ่มสนิทกับเขาแล้วก็ตาม 

หลังจากที่นั่งนิ่งรออีกคนสักพักสายตาดันเหลือบไปเห็นหน้าต่างบานใหญ่ที่คุ้นเคย สองขาก้าวลงสัมผัสกับพื้นก่อนจะเดินตรงไปยังสิ่งที่คุ้นเคยนั้น 


ปกติได้แต่มองนะเนี่ย 


คิดแบบนั้นแล้วก็นึกย้อนไปถึงช่วงเวลา  3 อาทิตย์กว่าๆที่เขาย้ายบ้านมาและเขาก็รู้มาตลอดว่าคนช้างบ้านของตนเองนั้นเป็นรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบมานาน แต่ด้วยความขี้ขลาดและเขินอายเขาจึงมักจะหลบอีกคนตลอด ยกเว้นเวลาไปโรงเรียนที่เขาไม่จำเป็นต้องหลบเท่าใดนักเพราะเขาตื่นเช้าจนเป็นนิสัยทำให้ออกจากบ้านไปโรงเรียนก่อนเจ้าคุณนานโข 


มือเรียวเอื้อมไปเปิดผ้าม่านอย่างเผลอตัวแต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องชะงักค้างพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างน่าขัน 


"เชี้ย -"


คำหยาบที่นานๆทีจะหลุดออกมาจากริมฝีปากบางหลุดออกมาเมื่อตรงระเบียงห้องของเขาคือร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มพร้อมทั้งนัยน์ตาสีม่วงไวโอเลตที่มองมาทางนี้ด้วยแววตาที่แสดงถึงตกใจไม่ต่างกับเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกรุ่มกริ้มจนน่าหมั่นไส้


" ม๊าไปทำอะไรที่ห้องผม ! "


เเสงเหนือตะโกนเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัวว่าคนที่ไปหาอะไรใหเขาทานจะเข้ามาได้ยินด้วยความเผลอตัว


" อ้าว นี่ห้องแกหรอ ก็ว่าเหลืองอ๋อยเลย "

" ออกจากห้องผมไปเลยนะ ! "

" ฉันกลับบ้านมาเหนื่อยๆนะเจ้าลูกชายไล่กันแบบนี้ได้ยังไง "


เสียงหวานติดทุ้มเอ่ยตอบลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่สาวเจ้าจะทำทีเป็นนึกอะไรบางอย่างพลางมองตรงไปที่ลูกชายด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใส 


" แม่แกเล่าให้ฟังว่าแกหายไปตั้งแต่เย็นนู่น แล้วนี่เข้าบ้านผิดรึไง เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะ "

" บ้านนั้นมันบ้านของเจ้าหนุ่มที่ชื่อว่าเจ้าคุณนี่นา "


เสียงแหลมเอยด้วยรอยยิ้มพลางเอียงอย่างสงสัยใคร่รู้ 


" ใจแตกหรอ "

"เปล่า ! ผมจะฟ้องแม่จริงๆนะว่าม๊าแอบเข้าไปในห้องผม "

"งั้นฉันฟ้องว่าแกใจแตกหนีไปนอนกับผู้ชาย"


ได้ยินแบบนั้นริมฝีปากแดงระเรื่อพลันเม้มแน่นและในขณะที่จะตะโกนตอบอีกฝ่ายไปบานประตูสีขาวก็เปิดเข้ามาอย่างพอดิบพอดีทำให้แสงเหนือต้องรีบดึงม่านปิดซ่อนหน้าต่างให้พ้นจากสายตาของชายหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาพร้อมถ้วยข้าวผัดหอมฉุย 


แต่ว่า..


"เจ้าหนุ่มฝากลูกน้าด้วยน้าา  มันกินเยอะนิดนึงแต่รวมๆน่ารักนะ"


...


ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที ริมฝีปากเม้มเข้าหากันพลางเคลื่อนสายตามองไปทางอื่นอย่างคนหนีความผิด


" อ่ะ วางๆมาเล่นที่บ้านได้นะ ! "


ม๊าก็หยุดสักทีเถอะครับ !



...



" สรุปก็คือมึงอยู่ข้างบ้านกูมา 3 อาทิตย์แล้วแต่ไม่บอกกูสักคำ ? "


ในห้องสีเหลี่ยมมีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงนุ่มส่วนอีกคนนั่งทับขาท่าทีเรียบร้อยอยู่บนพื้นพลางก้มหน้าอย่างสำนึกผิด 

คนบนเตียงถอนหายใจออกมาหลังจากที่อีกคนเล่าจนเสร็จ เขาก็นึกสงสัยอยู่แล้วเชียวกะว่าจะเค้นเองอยู่หรอกแต่ม๊าของอีกคนดันเปิดตัวเสียโจ่งแจ้ง  


" มึงมีแม่ 2 คน ? "


ร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนพื้นพยักหน้าเงียบๆ สำหรับเจ้าคุณเองเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะสังคมปัจจุบันก็ไปไกลมากพอแล้วอีกทั้งน้องชายของเขาและตัวเขาเองก็กำลังคบหาอยู่กับเพศเดียวกันอีกด้วย  


" ผมเป็นลูกของแม่แสงดาวครับ ส่วนม๊ามาจีบแม่ผมตั้งแต่ผมประถมนู่นเลย "


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเล่าเรื่องราวออกมา ส่วนเจ้าคุณทำเพียงพยักหน้าเงียบๆเท่านั้นจนทำให้คนที่นั่งเรียบร้อยอยู๋นั้นเริ่มกังวลว่าจะทำให้อีกคนโกรธอีกแล้วหรือเปล่า 


"  พี่โกรธรึเปล่าครับ ... "


" โกรธ "


ราวกับเห็นฟ้าถล่มดินทลายอยู่ตรงหน้าแสงเหนือมองเจ้าของเรียวขาขาวที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า ..

เพราะคนตรงหน้าเขาันใส่กางเกงขาสั้น พอมานั่งแบบนี้เวลาขยับขากางเกงก็จะถกขึนไปจนเห็นต้นขาเนียนดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัส


" ผมขอโทษครับ "

"ถ้าอยากขอโทษก็ - "


ว่าแล้วก็ขยับมือตบลงไปบนหน้าตักเบาๆ เรียกให้สายตาเป็นประกายของคนข้างล่างมองตรงขึ้นมาบริเวณที่เขาตบเรียก

แต่การกระทำของอีกคนกลับส่วนทางกับสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาโดยสิ้นเชิง เมื่อเด็กหนุ่มขยับกายเข้ามาแล้ววางใบหน้าลงบนตักขาวเนียนแทน แก้มนุ่มของคนเบื้องล่างเบียดแนบชิดไปกับตักของเจ้าคุณจนตาปิด 


แต่ถึงจะผิดจากที่คิดเอาไว้แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้ในหัวใจของเจ้าคุณราวกับมีดอกไม้สีขาวนุ่มผลิบานอยู่ข้างในนับร้อยต้น


น่ารัก


ความจริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อก็คือให้อีกคนขยับกายขึ้นมานั่งบนตักต่างหากเพราะอีกคนสูงกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วถ้านับตามมวลร่างกายแล้วล่ะก็ -  


เจ้าคุณมั่นใจว่าเขามีพอๆกับอีกคนแน่นอน 


แต่ถึงจะไม่ใช่ก็ไม่เป็ฯไรเพราะภาพตรงหน้านั้นน่ารักจนเกินจะห้ามใจชวนให้หัวใจสั่นไหวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


" อะไร "

" ง้อครับ "

" เห่าดิ "

" โฮ่ง "


ริมฝีปากบางค่อยๆผลิยิ้มออกมาอย่างทนไม่ไหว ก่อนจะยกมือเอื้อมเข้าไปลูบไล้ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมนุ่มลื่น ส่วนคนที่โดนลูบนั้นก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข  


" มานั่งบนเตียงดีๆได้แล้ว "


เสียงทุ้มเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบแล้วละมือจากศีรษะตรงหน้า คนที่ถูกลูบหัวเมื่อได้ยินแบบนั้นก้รีบผุดลุกขึ้นแล้วนั่งลงบนเตียงนุ่มเคียงข้างอีกคน


" พี่จะให้ผมนอนที่ไหนหรอครับ ? "


คนเด็กกว่าถามด้วยรอยยิ้มพลางมองสำรวจพื้นห้องราวกับกำลังกะหาที่ซุกหัวนอนให้กับตัวเอง


" บนเตียงนี่แหละ นอนพออยู่แล้ว "


"พี่จริงจังหรอครับ ? "


แสงเหนือถามอีกคนด้วยความไม่แน่ใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ แต่คนตรงหน้ากลับทำเพียงหันหน้ามาหาแล้วมองมาที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาทีเหมือนจะสื่อว่า ' หน้ากูดูล้อเล่นหรอ '


เมื่อเห็นแบบนั้นเด็กหนุ่มร่างโปร่งมือหรือจะขัดในสิ่งที่เจ้าดวงใจต้องการทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่อีกคนต้องการเพียงเท่านั้น 


" แต่มึงต้องอาบน้ำก่อน "


" อ่า ให้ผมกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านไหมครับ "


" เสียเวลา "


เจ้าคุณว่าบอกนั้นก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเองแล้วหยิบชุดผ้าขนหนูผืนใหม่เอี่ยมพร้อมทั้งชั้นในออกมาส่งให้เด็กหนุ่มที่นั่งมองตาปริบๆบนเตียงแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง 

โดยครั้งนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับชุดนอนลายสตอเบอร์รี่สีชมพูหวานจนแสบตามาด้วย 


"เอาชุดกูไปก่อน"

" ผมไม่คิดว่าพี่จะมีชุดสีแบบนี้ "

" อะไรไอสัส กูซื้อมาเพราะไอ้นายมันเซ้าซี้เถอะ หยุดพูดแล้วรีบไปไป๊ "

" ค้าบบบ "


ว่าจบเด็กหนุ่มก็หอบเอาของทั้งหมดเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่าง่าย ส่วนคนอายุเยอะกว่าก็ล้มตัวลงนอนเล่นโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์


...


เวลาล่วงเลยผ่านไปพักใหญ่ๆ เสียงน้ำในห้องน้ำก็หยุดลงรอเพียงไม่นานหลังจากนั้นร่างขาวเนียนในชุดนอนสีชมพูแขนยาวที่มีหูกระต่ายประดับอยู่บนฮู้ดสีสันหวานแหววสวยงามก็ปรากฎสู่สายตาคมกริบ


ก็เหมาะดีนี่


นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเป็นประกายวาววับอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับเป็นเช่นเดิมจากนั้นก็ทำเป็ฯไม่สนใจอีกคนแล้วหันมาจับจ้องโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง 

แสงเหนือที่พึ่งออกจากห้องน้ำมาก็รีบเดินขึ้นไปบนเตียงของอีกฝ่ายทันทีแล้วเอาหน้ามุดหมอนอย่างเหนื่อยอ่อน อาจเพราะวันนี้เขาต้องยืนรอใครบ้างคนนานนับหลายชั่วโมงด้วยก็ได้ ทำให้ท่อนขาวเรียปวดระบมจนแทบจะไม่อยากเดินไปไหนทำได้เพียงนอนคว่ำหน้าเงียบๆเพียงเท่านั้น


" แดกข้าวไป "

" ผมขี้เกียจเดินแล้ว "

" จะแดกไม่แดก "

" ผมปวดขาา "


คนที่นอนอยู่ตอบกลับเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มที่มองมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้จนแทบฟังไม่ออก แต่เมื่อได้ยินคำตอบก็ทำเอาเจ้าของห้องหายใจสะดุดขาดห้วนไปเลย คงไม่ใช่เพราะยืนรอเขาใช่ไหม 

เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนกับเตียงนุ่มแล้วขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มอีกคนพลางเอาหัวซบน้อยๆแล้วเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเบาหวิว 


" ขอโทษครับ "


เมื่อได้ยินแบบนั้นคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่พลันใจอ่อนยวบยาบ ความจริงเขาแอบเคืองอีกคนมาตลอดตั้งแต่ที่โรงหนังแล้วแต่ก็ไม่ได้แสดงออกให้อีกคนเห็น 

ด้วยความที่เขาเกลียดคนที่ผิดนัดผิดสัญญาณมากเป็นที่สุด ในกรณีนี้เขาแอบเคืองอีกคนก็คงไม่แปลกเท่าใดนัก


" ผมไปรอพี่ตั้งนาน "

" อือ ขอโทษครับ "


เเสงเหนือเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงเวลาที่เขารออีกคน ยิ่งฟังเสียงทุ้มที่ดูอ่อนลงหลายเท่ายิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของเด็กหนุ่มสั่นไหวมากขึ้นเท่านั้น


" ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้โกรธ "

" ไว้มีโอกาสไปเดทกันใหม่ไหม ถือว่ากูชวน "


หลังจากที่ฟังคำเอื้อนเอ่ยของคนข้างกาย แสงเหนือหยุดนิ่งครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบตกลงกับอีกคน 


" แล้วคนที่มาหอมแก "

" พี่ที่รู้จักครับ สนิทกันมานานแล้ว "

" อือ หรอ "


เมื่ออีกคนบอกแบบนั้นเจ้าคุณก็ไม่ติดใจอะไรอีกเพราะเด็กตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะโกหกอะไรอยู่แล้ว และเจ้าคุณเองก็เชื่อใจแสงเหนือมากถึงมากที่สุด


" กินข้าวไหม เดี๋ยวหยิบให้ "

" ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมหยิบเอง อ้าว "


ยังไม่ทันที่เสียงทุ้มนุ่มจะเอ่ยจบหันมาอีกทีจานข้าวผัดร้อนระอุที่ส่งกลิ่นหอลอยไปในอากาศก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว 


" กินเถอะ จะได้พักผ่อน "


...


จานข้าวผัดในตอนแรกเหลือแต่จานเปล่าเพียงอย่างเดียวภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที  ร่างสูงโปร่งยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วกล่าวขอบคุณคนอายุมากกว่าทันที 


" ขอบคุณมากครับ "


ว่าแล้วก็นั่งหลังตรงมองไปทางเจ้าของห้องที่นั่งเล่นมือถืออยู่ก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันจะนึกอะไรบางอย่างได้แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับเอาหูฟังออกมาเสียบแล้วใช้นิ้วกดลงไปบนหน้าจอถี่รัว 


คนอายุเยอะกว่าที่ลอบมองการกระทำดังกล่าวได้แต่ขมวดอย่างไม่เข้าใจ 


" พี่มาฟังเพลงกันไหมครับ "


ว่าจบก็ยื่นหูฟังมาให้เจ้าคุณข้างนึงพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดี 


มือเรียวของชายหนุ่มยื่นออกไปรับหูฟังมาถือเอาไว้ก่อนจะสวมมันเข้าไปในหูพลางหลับตาพริ้มน้อยๆ


แค่ผ่านมา เพียงสบตา

เหมือนว่าใจ ลอยหลุดไป

เธอฆ่าคนด้วยสายตา

เพียงแค่เธอนั้นมองมา

ไม่ปลอดภัย

ไม่นานนักก็เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังเข้ามา บทเพลงแลพดนตรีดูหวานละมุนจนคนฟังแทบจะละลาย 
ในหัวของเจาคุณกลับมีแต่ภาพของเด็กหนุ่มข้างกายเพียงคนเดียวเท่านั้น ลบภาพของอีกคนที่แสนขมขืนและเจ็บปวดออกไปเสียหมด ไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยใดๆ

แม้อยู่ไกล สักเท่าไร

เหมือนว่าโดน ดึงดูดไป

หากใครเข้าไปใกล้นาน

ก็ยากที่จะต้านทาน

อดใจไม่ไหว

ทั้งดวงตา ใบหน้า และเสียงทุ้มนุ่มที่ปรากฎในความทรงจำ

แค่อยากจะรู้จัก

ก็เธอดันน่ารัก ซะสาแก่ใจ

เธอมาทำให้ละลาย โดนสาปให้ตายแล้วตายอีก

อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม

ยังคงมองภาพที่เธอ นั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม

เธอเชือดฉันได้นิ่ม ๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ


เสียงดนตรีดังไปเรื่อยๆ พร้อมกับบรรยากาศของคนสองคนที่หวานละมุนราวกับอยู่ในขนมสายไหมสีหวาน


ก่อนที่จะรู้ตัวร่างของทั้งสองก็เคลื่อนขยับเข้ามาใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน ทั้งร่างกายที่แนบชิดอิงแอบอยู่เคียงข้างกัน นัยน์ตาของคนทั้งสองสบมองกันอย่างนิ่งงั้นเพียงเเค่ความคิดชั่ววูบวิ่งเข้ามาในหัวและบรรยากาศที่เป็นใจ 


ใบหน้าทั้งสองขยับใกล้ชิดกันดวงตาทั้งสองคู่สอดประสานกันอย่างไม่อาจหยุดได้ ริมฝีปากเนียนนุ่มสัมผัสกันแผ่วเบาก่อนที่เจ้าคุณจะเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนพร้อมทั้งดูดดึงอย่างอ้อยอิ่ง 


ทางคนเด็กกว่าก็ไม่แพ้กันเมื่ออีกคนเป็นคนนั้นแสงเหนือก็เรียนรู้ทันทีแล้วเริ่มตามจังหวะของคนอายุเยอะกว่าทันในเวลาสั้นๆจนเจ้าของนัยน์ตาสีสวยเองยังนึกแปลกใจ


แต่บทเพลงรักก็ยังคงบรรเลงไปด้วยจังหวะหวานละมุนยิ่งกว่าขนมหวานต่อไปจนเวลาล่วงเลยไป 


... 


ร่างทั้งสองนอนอิงแอบเข้าหากันภายในห้องที่ปิดไฟเงียบสนิท หลังจากที่จูบกันไปก่อนหน้านั้นบรรยากาศก็พาไปจนเกือบจะทำอะไรเกินเลยกันแล้ว -  แต่แสงเหนือสามารถดึงสติกลับมาได้ก่อนจึงเป็นคนหยุดกิจกรรมทั้งหมดนั้นลงในทันที 


" กูสัญญาว่าจะให้คำตอบมึง แต่ขอให้อะไรๆคงที่กว่านี้หน่อยได้ไหม "


" ผมรอพี่ได้เสมอนั่นแหละครับ ได้เสมอเลย "


แสงเหนือแย้มยิ้มออกมาจนถึงดวงตา ในอกพองฟูจนแทบจะสำลักความสุขตายมันจรงนี้เลย แต่ติดที่ว่ามีกลุ่มผมสีเข้มนุ่มนิ่มซุกอยู่ที่อย่างออดอ้อน 


อีกคนซุกอยู่ที่อกเขามานานหลายนาทีตั้งแต่ที่หยุดกิจกรรมดังกล่าว ในใจของเเสงเหนือมีความหวังเสียจนน่าเอ็นดูถ้าหากมีใครรู้เข้า 

เจ้าตัวหมายมั่นในอกแล้วว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเมฆาเพื่อนรัก  จะบอกในวันที่พวกเขาสองคนได้ตกลงปลงใจคบหากัน แสงเหนือนึกภาพตอนเมฆายิ้มอย่างยินดีให้เขาอย่างมีความสุขก็ยิ้มตามไปด้วยพร้อมกับในใจที่อุ่นวาบขึ้นมา 


เมฆาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างทั้งตอนที่ทุกข์และสุข เป็นเพื่อนคนสำคัญที่เขาจะนึกถึงเป็นคนแรกเสมอไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร 


" นอนเถอะ ดึกแล้ว "


เสียงทุ้มดังขัดความคิดของเขาพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าหาไออุ่นตรงอกของเขาอย่างน่ารัก แสงเหนือเห็นแบบนั้นจึงได้แต่นอนนิ่งๆให้อีกคนได้ซุกตามใจพร้อมกับหลับตาพริ้มก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา 


" ราตรีสวัสดิ์ครับ "

" ฝันดี "


หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หลับไหลเข้าสู่ห้วงนิทราหวานละมุนกว่าจะตื่นอีกทีก็เช้าตรู่เสียแล้ว


....


เมื่อยามเช้ามาถึงเจ้าคุณก็พาเด็กหนุ่มร่วมห้องไปจัดการอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วพาลงมาทานข้าวข้างล้าง 

แต่เมื่อลงมาก็พบกับทิศเหนือและเจ้านายที่นั่งทานข้าวเช้าอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองเมื่อเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเดินลงมากับพี่ชายและเพื่อนของตนก็ได้แต่อ้าปากข้าง แล้วรีบพุ่งตัวเข้ามาถามเรื่องราวว่าเป็นมาอะไรยังไงจนเกิดเป็นความวุ่นวายเล็กๆ 


กว่าจะทานข้าวเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 10 โมงเช้า เจ้าคุณพาเด็กหนุ่มไปส่งที่หน้าบ้านพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ 


" เข้าบ้านไปไป "


เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาจากบ้านไม่ถึง 20 ก้าวก็ถึงบ้านของแสงเหนือเสียแล้ว แสงเหนือเองก็ยิ้มแย้มอย่างสดใสแล้วเดินไปเปิดประตูรั้ว แต่ก็ไม่วายหันมามองเจ้าคุณที่ยืนอยู่ 


" อะไรอีก "


" เจอกันที่โรงเรียนนะครับ พี่เจ้าคุณ "


" อือ เจอกันที่โรงเรียน "


ว่าจบชายหนุ่มก็ยิ้มบางเบาแล้วโบกมือให้รุ่นน้องเบาๆ ทางฝั่งเเสงเหนือเองก็ยิ้มจนตาหยี่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน 


ทิ้งเอาไว้เพียงความหอมละมุนที่ยังไม่หายออกไปจากหัวใจของทั้งคู่


พร้อมกับระยะห่างที่ดูจะใกล้กันมาขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ?


ถ้าใกล้กันแบบนี้ไปเรื่อยๆก็คงจะดี


________________________________________________________________________


https://youtu.be/XqQMisU5En8

[โต๊ะริม]



_________________________________________________________________________


บทที่ 6 


.

.

.


หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นทั้งสองคนก็ดูจะสนิทกันขึ้นจมแม้แต่เพื่อนๆยังดูออก 


ทั้งการที่แสงเหนือคอยขับรถรับส่งและมาเรียนพร้อมกัน บางทีก็ทักท้ายกันด้วยรอยยิ้มหรือเอาขนมมาแบ่งกันทาน และบรรยากาศแบบนี้ก็กินเวลานานหลายสัปดาห์จนตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปเดือนหนึ่งแล้ว 


เดือนนี้นับเป็นเดือนสอบที่สำคัญของนักเรียน ม.6 อย่างเจ้าคุณเป็นอย่างมาก เพราะเขาจะต้องทำการสอบใหญ่เพื่อเข้า มหาลัย แน่นอนว่าพวกเขาแทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย


แน่นอนว่าแสงเหนือก็ไม่ได้ติดอะไรเพราะโดยส่วนตัวแล้วเขาเข้าใจว่าเจ้าคุณจะต้องเครียดและเหนื่อยมากแน่ๆกับการสอบเข้า อย่างมากเด็กหนุ่มก็จะไปหาไปให้กำลังใจบ้างเพียงครู่เดียวก็เดินกลับบ้านตัวเอง


แต่ถึงอย่างนั้นในใจก็ยังเฝ้าคิดถึงคนในดวงใจอยู่เสมอไม่ว่าจะวันไหน แต่ก็ทำได้เพียงแค่อดทนให้เวลาล่วงเลยไปจนช่วงประกาศผลสอบ 

ตรงช่วงนี้นี่เองที่เวลาเขาไปหาแล้วพูดคุยกับชายหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีเข้มก็มักจะโดนไล่ออกมาอยู่บ่อยครั้งทั้งๆที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ บางทีก็โดนต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายที่ชวนให้ดวงใจปวดร้าวจนเจ็บไปหมด


น่ารำคาญ 


ออกไปก่อนได้ไหม 


วุ่นวายชิบหาย 


จะไปไหนก็ไป


อารมณ์ที่แปรปรวนขึ้นของชายหนุ่มทำเอาแสงเหนือตามไม่ทัน แต่เห็นอีกคนเครียดแบบนั้นเขาจึงตัดสินใจถอยออกมาก่อนจนกว่าจะผ่านพ้นช่วงสอบ 


แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ดีขึ้นตามที่เขาคิด กลับกันระยะห่างระหว่างพวกเราสองคนกลับห่างกันไปเรื่อยๆ ราวกับอีกคนเป็นจันทราที่อยู่บนฟากฟ้าและเขาก็เป็นดั่งดวงดาว 


ที่แม้จะอยู่ที่เดียวกันแต่กลับไม่เคยเอื้อมถึงกันเลยแม้แต่น้อย 


จนบางครั้งเขาก็ปวดราวจนแทบจะร้องไห้ออกมา เมื่อเห็นทิศเหนือนั่งอยู่เคียงข้างกับคนที่หายหน้าหายตาไปเสียนาน น่าแปลกที่บนใบหน้าสวยนั่นแย้มยิ้มจนไปถึงดวงตาต่างจากตอนที่เขาไปหาอย่างสิ้นเชิง 


ตอนนั้นเองที่บรรยากาศพลันมืดครึ้ม หยดน้ำใสตกลงมากระทบบนพวงแก้มเนียนทีละหยดจนกระทั่งเทลงมาจนร่างสูงโปร่งเปียกปอน 


อ่า เหมือนหนังน้ำเน่าที่ม๊าชอบดูเลย 


ทว่าภาพตรงหน้านั้นช่างอบอุ่นจนไม่อยากเข้าไปหลบข้างในให้เสียบรรยากาศ ขายาวก้าวไปคนละทางกับแสงไฟอบอุ่นตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มักจะมีประดับอยู่บนใบหน้าเสมอมา 


ท่ามกลางสายฝนเย็นเฉียบเเสงเหนือเดินช้าๆพร้อมกับสมองที่คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื้อย  ความหนาวเย็นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอึดอัดปวดหนึบในจิตใจลดน้อยลงได้เลย กลับกันกลับทำให้ตระหนักได้ถึงคำพูดของเพื่อนสนิทที่เคยกล่าวเตือนเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม



' มึงอย่าเป็นเหมือนกู ต่อให้เราดีแทบตายยังไง ต่อให้เขาเเสดงท่าทีสนใจเรามากน้อยแค่ไหน แต่ตราบใดที่เขายังมีคนในใจ '


' พยายามให้ตายมึงก็ชนะคนในใจเขาไม่ได้ '


เมื่อนึกได้ถึงตรงนี้แสงเหนือก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น  


แล้วเเบบนี้เขาจะบอกเมว่ายังไงดีล่ะเนี่ย


ระหว่างที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยข้างหน้ากลับมีเสียงเล็กแหลมที่คุ้นเคยดังมาให้ได้ยินก่อนที่จะปรากฎร่างของหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยสง่าและเรือนผมสีเทาที่ยาวสลวยอย่างงดงาม 


" ว๊าย น้องเหนือ มาเดินอะไรกลางฝนลูกมานี้มาๆ "


" เจ๊ ไอสัส กูจะหลุดออกนอกร่มอยู่แล้วถ้าน้องมันเข้ามาให้กูเดินกลางฝันเลยเถอะ "


" ก็ใช่ไง เพราะงั้นอีสมชายมึงออกไปกูจะให้น้องเหนือเขาเข้ามา "


" อี- "


ชายหญิงตรงหน้าทะเลาะกันอย่างสนิทสนมทำให้แสงเหนือหลุดยิ้มออกมาอย่างน่ารัก แต่ซันไลน์กลับสังเกตเห็นขอบที่แดงระเรื่อของคนอายุน้อยกว่า การกระทำทั้งหมดจึงดูจริงจังขึ้นมากระทำหันแม้กระทั่งมุกก็ยังตกใจ 


" ให้น้องมันเข้ามา กูออกเอง "


ว่าแล้วก็เดินออกไปนอกร่มอย่างไม่กลัวตัวเองจะเปียกเลยแม้แต่น้อย ทางแสงเหนือเองก็เกรงใจจนไม่ยอมเข้าไปในร่มสักทีเพราะไหนๆตัวเขาก็เปียกขนาดนี้แล้วเปียกอีกสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร 


แต่จณะที่กำลังจะปฏิเสธนั้นเองแผ่นหลังก็ถูกมือใหญ่ดันให้เข้าไปในร่มเสียแล้ว



...


หลังจากนั้นเขาก็ถูกพามาที่ใต้ตึกเรียน บริเวณนั้นเงียบกริบไร้ผู้คนช่วยให้เด็กหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด 


" ขอบคุณมากนะครับ "


ซันไชน์ที่เห็นคนเด็กกว่าดูผ่อนคลายขึ้นแล้วก็เริ่มเอ่ยถามไถทันที ในขณะที่มุกก็นั่งประกบแสงเหนือข้างหนึ่ง


" ไอ้คุณทำอะไรมา "


คำแรกที่เปิดก็ทำให้เเสงเหนือเงียบทันที เดาได้ไม่ยากอยู่แล้วเรื่องทีจะทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเสียน้ำตาาได้ในตอนนี้มีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นและเรื่องที่เข้าข่ายที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของเพื่อนจอมหยาบคายของเขานี่แหละ 


" อ่า เปล่าครับ "


เสียงทุ้มนุ่มของเเสงเหนือเอ่ยอย่างสุภาพพร้อมกับยิ้มให้รุ่นพี่แสนดีน้อยๆ แต่มีหรือซันไชน์จะยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกายมองแล้วดูสดชื่นราวกับหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนยอดพฤกษาจับจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตากดดัน 


แต่จนแล้วจนรอดเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยจนรุ่นพี่หนึ่งชายหนึ่งหญิงต้องมองหน้ากันอย่างหมดหนทาง 


" โอเคๆ  เหนือไม่บอกพวกพี่ก็ไม่เป็นไรค่ะ " 


" แต่พี่อยากให้เหนือรู้เอาไว้นะคะ ว่าพวกพี่รักเหนือมาก พี่อยากช่วยเหนือในตอนที่เหนือกำลังแย่ค่ะ "


" เหมือนที่เหนือเคยช่วยพวกพี่ "


เหมือนที่มุกพูดไปทุกอย่าง  มุกไม่ได้เอ็นดูเหนือเพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้น นิสัยของเหนือนั้นดังดีมากกว่าหน้าตาเสียอีก


เมื่อหลายก่อนเธอก็โดนเด็กคนนี้ช่วยเอาไว้  เธอจำได้เลยว่าตอนที่คนร้ายนั้นกำลังจะทำอะไรน่ารังเกียจกับเธอเธอก็โดนน้องกับเพื่อนมาช่วยเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะต้องรังเกียจตัวเองไปทั้งชีวิต 


เธอเคยเกือบโดนข่มขืน .


โชคดีที่ฟ้าส่งเทวดาตัวน้อยๆมาช่วยเธอในตอนนั้น จำได้เลยว่าหลังจากที่ถูกช่วยเธอร้องไห้จนขาดสติมากแค่ไหน ก็มีเหนือกับเมฆาช่วยปลอบเธอจนเธอดีขึ้น ทั้งยังมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลบ่อยๆด้วย 

แต่ที่นึกแล้วขำก็คงจะเป็นน้องเมฆาที่ตัวเล็กนิดเดียวแต่กลับหมัดหนักกว่าใครคนนั้นคอยหาของพวกอุปกรณ์ส่งเสียงขอความช่วยเหลือ เสปรย์พริกไทย พวกนี้มาให้เธอพกติดตัว 

แถมพอมีเรื่องหลุดว่ามีเด็กในโรงเรียนเกือบโดนข่มขืนผู้คนก็ตีความกันไปต่างๆนาๆ บางก็บอกว่าฝ่ายหญิงไปอ่อยเขาหรือเปล่า บ้างก็ว่าฝ่ายหญิงแต่งตัวไม่สุภาพต่างๆนาๆ 

ก็มีเมฆานี่แหละด่ากราดจนคนพวกนั้นน่าเสียไปเลย 


' ผู้หญิงเขาจะแต่งตัวยังไงตามหลักมันก็สิทธิ์ของเขา รู้ว่าบางทีมันก็ไม่เหมาะแต่เหยื่อเขาก็ไม่ได้ไปนุ่งสั้นในวัดนี่ ในสถานที่ราชการนี่ บางกรณีขนาดอยู่ในชุดนักเรียนยังโดนเลย '

' แล้วแบบนี้ต้องโทษไอพวกที่ไม่รู้จักความคุมความเงี่ยนความคุมจู๋ตัวเองป่าว ถ้าควบคุมไม่ได้ก็ตัดเอาไปให้ปลาแดกดิ '


แน่นอนว่ามันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป ส่วนเธอที่กำลังจิตตกก็มีเเสงเหนือคอยอยู่ปลอบตลอดเวลา


ในฝั่งของซันไชน์นั้นก็ไม่มีอะไรมาก ด้วยนิสัยที่มักชอบหาเรื่องชกต่อยเป็นประจำของตัวเองเมื่อก่อนทำให้ครั้งหนึ่งโดนอีกฝั่งเล่นหมาหมู่จนเกือบตาย 


ในตอนนั้นสิ่งที่เห็นก็คือเด็กเตี้ยที่มีเรือนผมสีไม้วอลนัทข้มแซมสีครีมละมุนประกอบกับนัยน์ตาสีฟ้าสดใสที่ดูดุดันจัดการไล่พวกนั้นไปแล้วเจ้าตัวกับเพื่อนก็มาแบกเข้าไปส่งโรงพยาบาล 


คนในตอนนั้นก็คือแสงเหนือกับเมฆานั่นเอง 


เด็กสองคนนี้เป็นเด็กดีมากเสียจนพวกเขาเอ็นดู 


เมื่อได้ยินสิ่งที่รุ่นพี่ทั้งสองคนบอกแสงเหนือก็ก้มหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและมั่นคงว่า 


" ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ แต่ว่าผมอยากจัดการเรื่องนี้เอง "


" ขอบคุณมากๆนะครับ "


ว่าจบก็พนมมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม


ทางรุ่นพี่เมื่อเห็นเด็กตรงหน้าเป็นเช่นนั้นจึงได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ ซันไชน์ขยับมือยี่ศีรษะนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ 


" มีอะไรให้ช่วยบอกพวกพี่ได้นะเว้ยเหนือ ใครพวกพี่ตอบแทนเราบ้าง "

" จริงที่สุดค่ะ "

" แล้วไม่ตอบแทนเมฆษบ้างล่ะครับ ฟฟฟ "

" รายนั้นดื้อกว่าเรา 100 เท่ามีอะไรก็ไม่บอกสักอย่าง แต่เห็นว่าช่วงนี้ดูโทรมๆเหนื่อยๆนะ "


ซันไชน์พูดไปด้วยพร้อมจับคางอย่างครุ่นคิด พยายามนึกถึงสภาพของเด็กคนนั้นจากตอนที่เจอกันล่าสุด


" เมฆาน่ะหรอครับ "

" ใช่ๆ  เราไม่ค่อยได้เจอเพื่อนหรอ ? "

" เดือนนี้ไม่ค่อยเลยครับ ไปหาที่บ้าน ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ เหมือนว่าจะขาดบ่อย "

" ไม่สบายรึเปล่า ? เด็กนี่เจออะไรก็ไม่เคยบอกกันหรอก "


หลังจากที่คุยกับเสร็จก็ได้เวลาเลิกเรียนพอดี เเสงเหนือจึงจำต้องขอตัวกลับก่อนเพื่อไปรอรับเจ้าคุณตามปกติ


...


หลังจากวนรถมาอยู่หน้าประตูทางออกได้สักพักแสงเหนือจึงหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มแต่กลับไร้การตอบรับ เขาจึงกดเข้าไปในโปรแกรมแชทสีเขียวพร้อมกับพิมพ์ข้อความไปหาอีกคนทันที


' ผมรออยู่หน้าประตูที่เดิมนะครับ '


ข้อความสั้นๆกระชับและได้ใจความถูกส่งไป จากนั่งมือเรียวก็เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าเอาไว้แล้วยืนรอคนอายุมากกว่าอย่างใจจดใจจ่อ 


แต่แล้วเวลาที่ผ่านเลยไป ผู้คนที่เริ่มทยอยกลับบ้านไปทีละคนสองคนจนตอนนี้ทั้งโรงเรียนกลับเงียบกริบไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตเพียงเท่านั้นความสดใสพลันมลายหายไปจากใบหน้านั้น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นจนคล้ำเขียว 

เป็นอีกครั้งที่เขาถูกปล่อยให้รอ แต่ในใจกลับเชื่อใจอีกคนมากจนตัดสินใจอยู่รอต่ออย่างไม่เลิกละความพยายาม 


พี่เขาอาจติดงานด่วนก็ได้ ช่วงนี้ยุ่งๆนี่นา 


แต่ถึงอย่างนั้น-  เวลาก็เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ จากหนึ่งชั่วโมงเป็นสองชั่วโมงรอแล้วรอเล่าจวนจะสองทุ่มก็ยังไม่มีวี่เเววของคนคนนั้น ข้อความแชทที่ส่งให้ไปตั้งแต่สี่โมงก็ไม่มีวี่แววว่าจะขึ้นอ่าน 


"..."


ร่างโปร่งตัดสินใจขึ้นครอมมอเตอร์ไซค์คนเก่งของตัวเองแล้วเคลื่อนตัวไปบนท้องถนนทันที 


สายลมที่ประทะกับใบหน้าช่วยให้ความปวดหนึบในดวงใจลดไปได้ไม่มากก็น้อย แสงเหนือสูดลมหายใจเข้าปอดหวังให้ช่วยบรรเทาอากาศเจ็บแปร๊บภายในอกที่กำลังกัดกินไปทีละน้อย 

แต่เขาก็ต้องหยุดรถทันทีที่เห็นใครบางคนที่แสนคุ้นเคยนั่งอยู่ในร้านอาหารสไตล์น่ารักกับชายหนุ่มอีกคนที่เขาก็คุ้นเคยดี 


พี่เจ้าคุณกับพี่ทิศเหนือ


รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของเจ้าคุณกว้างเสียจนรู้สึกจุกแน่นในหน้าอก 


นั้นเป็นรอยยิ้มที่เขาหวังว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นของเขา เป็นรอยยิ้มที่เขาปรารถนา -


อาจเป็นอย่างที่เมฆาบอกจริงๆนั่นแหละ ที่ต่อให้สู้ยังไงก็เเพ้คนในใจเขาอยู่ดี 


แสงเหนือละสายตาออกจากภาพตรงหน้านั้นก่อนจะรีบคร่อมรถเตรียมขับออกไปแต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกำลังเล่นตลก คนในร้านนั้นกลับสังเกตเห็นเขาพอดี ร่างสูงโปร่งของเจ้าคุณรีบผุดลุกขึ้นยื่นแล้วเดินออกจากร้านมาหาเขาเร็วๆ ก่อนจะเรียกเขาเอาไว้ 


" แสงเหนือ ?  "


อีกคนมองมาที่เขาด้วยสายตาจับผิด ส่วนคนที่ถูกมองเมื่อเห็นสายตาแบบนั้นก็ได้แต่งุนงงจนต้องหยุดรถมอง 


" รู้ได้ยังไงว่ากูอยู่นี่ "

" ผมแค่ผ่านทางมาครับ "

" หรอ "


แสงเหนือแย้มยิ้มตามปกติที่มักจะแสดงให้อีกคนเห็นทั้งๆที่ในอกนั้นปวดหนึบจนแทบจะทนไม่ไหว ดวงตาสีอำพันมองคนตรงหน้าอย่างอดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา


" เดี๋ยวกูให้เหนือไปส่ง มึงกลับไปก่อนเลย "

" อ่า โอเคครับพี่ "


 เมื่อได้ยินแบบนั้นเเสงเหนือก็ไม่อยู่มองคนตรงหน้าได้อีกรีบขับรถออกถนนทันที 


ในใจก่อนหน้าที่อีกคนจะออกมาคุยเขายังหวัง  ยังหวังว่าเขาจะดูผิด หวังว่าคนที่เขาเห็นจะเป็นพี่เจ้านาย ถึงแม้ว่าดวงตาสวยสีน้ำเงินเข้มดวงนั้นจะเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจลืมหรือจำสลับกันได้ก็ตาม


รู้ตัวอีกทีเขาก็ขับรถถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย เขารีบสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องแล้วมุดตัวเองให้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา 


ความเจ็บร้าวที่ต้องเผชิญมันเจ็บปวดเกินกว่าจะทน ครั้งนี้เขาจึงกลับมานั่งคิดอีกครั้งแล้วก็ต้องตกใจเมื่อตระหนักได้ว่า ..


เขากับพี่เจ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน 

เขาเป็นเพียงคนที่เข้ามาจีบและพี่เจ้าคุณก็มีสิทธิ์ที่จะไม่รับรักเขา


ราวกับสมองกระจ่างใสยิ่งขึ้น คำเตือนจากเพื่อนสนิทแสนดีดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้เจออีกคนเท่าใดนักจะมีก็แต่แชทกันบ้าง เขาคิดถึงเพื่อนรักคนนี้จนแทบบ้าอยากจะกอดให้แน่นๆโดยเฉพาะในตอนนี้


ติ๊ง


ครู่หนึ่งหลังจากที่เเสงเหนือนอนซุกอยู๋กับกองผ้าห่มในห้องมืดๆได้สักพักเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นสีเขียวก็ดังขึ้น ร่างโปร่งหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากเจ้าของหัวใจของเขานั่นเอง 


' ขอโทษ  คือเมื่อกี้มึงรอกูจนพึ่งกลับใช่ไหม ? '

' ครับ '


แสงเหนือวาดนิ้วเขียนลงไปเป็นข้อความสั้นๆเท่านั้นก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดอะไรนัก พร้อมกับเอาใบหน้ามุดไปที่หมอนนุ่มเหมือนกำลังหาที่พิง 


ติ๊ง 


แสงเหนือหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นเพื่อนสนิทที่หายหน้าหายตาไปนานนับหลายอาทิตย์ ส่งผลให้ร่างโปร่งรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกดเข้าไปในแชทของเพื่อนทันที 

แล้วด้วยความรีบเขาจึงกดโทรหาเพื่อนทันที


' ขอโทษที่ไม่ได้บอก ช่วงนี้มีเรื่องนิดหน่อย '


ทันทีที่รับสายเสียงทุ้มของอีกคนที่น่าคิดถึงก็ดังขึ้นมา 


" คิดถึงนะ เป็นอะไรรึเปล่า เราได้ข่าวมาจากพี่ซันว่าเมฆาดูไม่ค่อยสบาย "


' อือ จริงๆก็นิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย'


" แกคงไม่ได้ทำร้ายตัวเองอีกแล้วใช่ไหม "


' เปล่า กูไม่ได้ทำ '


อีกฝั่งตอบด้วยเสียงที่แหบพร่าจนแม้แต่คนฟังเองก็ใจไม่ดี 


" มึงมีอะไรบอกกูได้นะ "


ไม่มากนักที่แสงเหนือจะพูดหยาบคายใส่เพื่อนคนนี้ นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น 


' ถ้าไม่ไหวจะบอก '


" สัญญา ? "


' เออ สัญญา มึงเป็นแม่กูรึไงวะ '


" เรียกเราว่าแม่ดิ "


' ฝัน '


ทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างมีความสุขจนลืมความปวดหนึบกลางอกเมื่อสักพักไปได้อย่างปลดทิ้ง 


' เออ เดี๋ยวกูต้องไปแถวโรงเรียนว่ะ '


" ไปทำไมอ่ะ ดึกแล้วนะ "


' กูทำของหาย '


" เออๆ ขับรถดีๆอ่ะ ไม่เจอบอก "


จากนั้นทั้งสองคนก็บอกลากันแล้ววางสาย แสงเหนือยิ้มเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับรอยยิ้ม


แล้วคืนวันก็ผ่านไปได้อีกคืนหนึ่ง -  โดยที่เจ้าของนัยน์ตาสีมวลก็ไม่ติดต่อกลับมา 


ตอนเช้าตรู่นั้นเองที่แสงเหนือได้เห็นคนคนนั้นอีกครั้ง แน่นอนว่าแสงเหนือก็ยังคงเป็นแสงเหนือรีบเดินเข้าไปกล่าวทักทายชายหนุ่มทันทีตามนิสัย 

ฝ่ายเจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มเช่นกันก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมนุ่มลื่นอย่างเบามือพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวรายกับสายลมว่า 


" ขอโทษที่ปล่อยให้รอ "


หลังจากนั้นเจ้าคุณก็นัดอีกฝ่ายให้มาเจอกันตอนเย็นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อีกคนกลับเน้นย้ำความว่าเดทอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจดวงน้อยที่เจ็บปวดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับต้นไม้ที่ได้รับน้ำจนสดชื่น 


วันนี้หลังจากเลิกเรียนเแสงเหนือจึงรีบออกมารอที่จุดนัดพบทันที นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกาบระยิบระยับสดใสเสียจนคนที่ผ่านไปผ่านมาต้องหันกลับมามอง หลังจากที่รออยู่ตรงนั้นประมาณ 30 นาที ตรงทางเดินก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีปีกอีกาที่เดินสาวเท้ามาหาแสงเหนือช้าๆอย่างไม่รีบร้อน 


เจ้าคุณที่เห็นแสงเหนือยืนอยู่ก่อนแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนที่จะดึงมือเรียวให้เดินตามไป 


... 


15 นาทีให้หลัง 


ทั้งสองคนก็เดินมาถึงร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งจนได้ บรรยากาศภายในร้านดูผ่อนคลาย พร้อมกับกลิ่นหอมกาแฟและดนตรีที่เป็นจังหวะเบาสบาย 

นัยน์ตาสีอำพันมองสำรวจไปรอบๆพบว่าร้านนี้เป็นร้านที่ขนาดกำลังพอดี การตกแต่งอยู่ในสไตล์โมเดิร์นทำให้ร้านนี้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้นและเวลาในตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนนักศึกษาจากระแวกใกล้เคียงที่แวะมาใช้บริการ 


" สั่งเลย เดี๋ยวกูเลี้ยง "


หลังจากที่เลือกนั่งโต๊ะในมุมส่วนตัวมุมหนึ่งเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มก็หยิบเมนูส่งให้อีกคนเลือกสรรค์ 


" ครับ ! "


คนเด็กกว่าตอบรับเสียงดังฟังชัดก่อนจะเลือกจิ้มเค้กช็อคโกแลตและชีสเค้กสตอเบอร์รี่มา แล้วหันไปสั่งกับพนักงานเพิ่มเติมอีกว่าด้วยเรื่องของอาหารของอีกคนที่มาด้วย 


" แล้วก็ขอเป็นเเซนวิสไส้ไข่แล้วก็ขอเป็นชาเขียวหวานน้อย 2 นะครับ "


เจ้าคุณเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย จนทำให้คนที่เด็กกว่าหลุดขำออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว 


" ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบทานของหวาน "


" รู้ได้ยังไง ? "


" แค่สังเกตก็รู้แล้วล่ะครับ "


ทั้งสองอมยิ้มให้กันจนแสงเหนือเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของเขากับคนตรงหน้าเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วที่หอมหวานละมุนละไม คล้ายกับบรรยากาศตอนนี้ไม่มีผิด


หลังจากนั้นขนมหวานที่สั่งมาก็มาเสิร์ฟ นัยน์ตาสีอำพันทอประกายระยิบระยับอย่างมีความสุขก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่าเตรียมอัปลงสตอรี่ในคืนนี้ 


แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะตัดเค้กเข้าปากนั่นเองเสียงมือถือของคนตรงข้ามก็ดังขึ้นเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าคุณก็จำใจต้องรับแล้วเอาแนบใบหูเอาไว้ 


" !! แล้วมึงไม่ดูแลตัวเองดีๆวะ ไอเหี้ยเอ๋ย "


ว่าจบก็เคลื่อนสายตามามองเด็กตรงหน้าก่อนจะตอบคนปลายสายไปด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด 


" ไม่ เดี๋ยวกูไป "


ว่าจบก็กดวางสายทันทีทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ในใจของแสงเหนือพลันสั่นไหวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเงียบไปพลางขอให้ไม่ใช่ในสิ่งที่ตัวเองคิดเลย 


" ทิศเหนือมันโทรมาบอกว่ามันเข้าโรงพยาบาล กูต้องไปดูหน่อย ขอโทษนะ "


โชคชะตากลับไม่เข้าข้างเขาตามที่คิด เมื่อได้ยินชื่อของอีกคนเข้ามาเกี่ยวในบทสนทนาแทบจะทำให้เขาอยากจะดึงอีกคนเข้ามาถามเรื่องนี้ให้รู้แล้วรู้รอด 


ติดก็แต่ว่าแสงเหนือเป็นคนไม่สู้คนและกลัวว่าจะทำอะไรที่ทำให้อีกคนอึดอัดไปด้วย ร่างสูงโปร่งทำเพียงแค่ยิ้มนุ่มนวลเท่านั้นโดยไม่ได้ตอบอะไร เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้ารีบวางเงินแล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน


ทิ้งเขาไว้เพียงคนเดียว - อีกครั้ง 


แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ  คำตอบที่มั่นคงว่าไม่แล้วมองมาที่เขา ท่าทีรีบร้อน ดูก็รู้ว่าเป็นห่วงอีกคนมากแค่ไหน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว 


ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน แล้วออกมาโดนที่ไม่คิดจะหันหลังกลับไป 


ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อภายในอกก็บีบรัดเสียแน่นจนแทบจะร้องไห้

แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัวหยดน้ำหยดเล็กก็ไหลลงมาผ่านแก้มนวลจากสายเดียวแยกเป็นสองสายก่อนจะไหลมาไม่ขาดสายโดยที่ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นไห้ที่ควรจะมี มันจุกจนไม่อาจส่งเสียงออกมาได้อีก


แสงเหนือหลบมุมยืนร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้นมาสักพักใหญ่ กว่าจะหยุดร้องก็กินเวลาไปนานหลายนาที แล้วเมื่อหยุดลงเขาก็รีบเดินกลับไปที่โรงเรียนโดยก้มหน้าซุกซ่อนดวงตาบวมเป่งเอาไว้แล้วรีบขับรถกลับบ้านตัวเองทันที 


หลังจากนั่งเเสงเหนือก็ล้มตัวลงนอนหลับใหลยาวจนไม่รู้เรื่องรู้ราว ด้วยความเหนื่อยอ่อน ด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับ 


เสียงของเพื่อสนิทที่เคยเตือนเขาเอาไว้ดังขึ้นมา แสงเหนือนอนหลับไหลทั้งที่คิดถึงเพื่อนสุดหัวใจ เขาอยากให้อีกคนมาอยู่ตรงนี้ข้างๆเขา อย่างน้อยเจ้าเมฆาก็มักจะกอดปลอบเขาในวันที่แย่เสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร 


พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมันอนุบาล พ่อแม่ของเมฆาก็เป็นเพื่อนของแม่แสงดาวด้วย เลยทำให้ทั้งสองยิ่งสนิทกันมากขึ้น


พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตลอดไม่เคยแยกจากกัน เวลาใครสักคนเจอเรื่องแย่ๆอีกคนก็จะเป็นคนปลอบเสมอผลัดกันปลอบโยนกัน จนเวลาร่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันพวกเราก็ยังคงอยู่ด้วยกันเสมอ


เมฆาคือเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาและเป็นคนที่สำคัญคนหนึ่ง ...


แสงเหนือหลับใหลจมเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยหัวใจที่บาปช้ำ ตอนนั้นเองที่ข้อความในแอปพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมา


เมฆา

      

        :  มึงต้องมีความสุขมากๆนะเเสงเหนือ  รักมึวนพ






__________________________________________________________________________

บทที่ 7  

เมื่อบทเพลงที่เจ็ดเริ่มต้นขึ้น  


บัดนี้  หมู่เมฆาพลันสลาย เผยให้เห็นดวงสุริยาแผดเผาแม้ยามราตรี

เจ้าวิญญาที่น่าสงสาร โปรดตามข้ามายังที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้ 

ราตรีสีเลือดผ่านพ้นไปใยเจ้าไม่หลบซ่อน 

ราตรีนี้ ราตรีนี้ ผู้จักได้เป็นบริวาร

ค่ำคืนเจ็ดเดือนเจ็ดคุณหลวงท่านออกมา

นำพาคนเป็นสู่ห้วงนิทราตลอดกาล 

อ้ายอีตัวไหนยังมิกล้ามอง


คุณหลวงท่านเจอมึงแล้ว 


___________________________________________________________


แสงเหนือสะดุ้งสุดตัวกับความฝันประหลาด แม้จะจำได้ไม่เท่าไหร่แต่เสียงบทเพลงน่าขนลุกนั้นยังคงหลอนอยู่ในหัว 

ร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนไหมสีอ่อนสะบัดหัวไบ่ความรู้สึกไม่ดีออกไปจนหมดก่อนที่จะรีบลุกขึ้นเตรียมตัวไปอาบน้ำเสียที ท้องฟ้าข้างนอกยังเป็นสีมืดครึ้มอยู่โดยที่เจ้าของห้องไม่ทันได้สังเกตตรงหน้าต่างกับเห็นขาสีขาวซีดช้ำเลือดที่ยืนอยู่นิ่งๆ 


บรรยากาศรอบบ้านพลันน่าขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแต่เพียงพริบตาเดียวขายาวนั้นก็หายไป 


เหลือเอาไว้เพียงกลิ่นดอกแก้วหอมอ่อนๆที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ 


..


เด็กหนุ่มค่อยๆเดินออกมากพร้อมกับกลิ่นตัวที่หอมฟุ้ง เขาจัดแจงกันแต่งกายของตนเองให้เรียบร้อยพร้อมกับลงมาข้างล่างด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามแบบฉบับของตนเอง


ในตอนเช้าแบบนี้แม่ของเขาไม่มีทางตื่นแน่นอน ร่างโปร่งจึงตัดสินใจปิงขนมปังทาแยมง่ายๆทานสักสองสามชิ้น เมื่อทานเสร็จก็ลุกขึ้นยื่นเต็มความสูงพร้อมไปโรงเรียน 

แต่แล้วพออกมาถึงหน้าประตูบ้านกลับสังเกตเห็นว่าบ้านข้างๆของเขาล็อคประตูรั่วเสียเรียบร้อย  


อาจยังไม่ได้กลับมาที่บ้านไม่ก็ออกไปแล้ว 


แน่นอนว่าในตอนเช้าเป็นเวลาที่แสงเหนือชอบเป็นที่สุดไหนเลยจะเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ เขาจัดการขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ขันโปรดแล้วขับมาโรงเรียนทันที  ลมเย็นๆยามเช้าที่กระทบบนใบหน้าทำให้เขาผ่อนคลายจากเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นได้มากโข  

ในใจของเด็กหนุ่มได้แต่คิดถึงเพื่อนสนิทที่ไม่เห็นหน้าค่าตากันมาหลายวัน พอนึกว่าจะได้เจอเพื่อนก็น้ำตาแทบไหล 


เขาคิดถึงเพื่อนคนนี้มากจริงๆ 


เมื่อมาถึงโรงเรียนเข้าก็ขอที่จอดให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ววาดขาลงจากลดได้อย่างสวยงามแน่นอนว่าขณะเดินเข้าไปในโรงเรียนมีคนทักทายเขามากมาย เด็กหนุ่มกล่าวทักทายกลับด้วยใบหน้ายิ่งแย้ม 


โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนมากมายเดินไปมุงอยู่ที่หอพักร้างข้างโรงเรียนนับสิบคน แม้มีเพียง 1 ใน 9 เท่านั้นที่เป็นนักเรียนส่วนที่เหลือเป็นอาจารย์ทั้งหมด


เเสงเหนือก้าวเดินไปตามทางอย่างร่าเริง แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นร่างสองร่างที่อยู่เคียงข้างกันอย่างแนบชิด 


"มึงไม่เป็นอะไรแน่นะเหนือ"


" เออน่า บอกแล้วว่าหายแล้ว "


เรียวมือที่เขาเคยฝันอยากสัมผัสกำลังใช้มืออังหน้าผากของคนอีกคนอย่างแนบชิดพร้อมกับแสดงท่าทีเป็นห่วง  


แสงเหนือที่ยืนมองอยู่ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม  แม้ว่าก้อนสะอื้นจะมาจุดอยู่ที่ลำคอแล้วก็ตาม ในตอนนั้นเองที่มุกและสมชายเดินเข้ามาพอดีเป็นมุกเองที่สังเกตเห็นแสงเหนือก่อน 


ตอนแรกเจ้าหลอนจะเดินเข้ามาทักตามปกติ แต่กลับสังเกตเห็นดวงตาแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ของคนเด็กกว่าเสียก่อน เมื่อมองตามเธอก็เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กร่าเริงคนนี้เป็นเช่นนี้ 


" น้องเหนือ "


" อ่ะ สวัสดีครับพี่มุก พี่สมชาย "


เมื่อแสงเหนือรู้ตัวก็รีบหันมาหาแล้วยกมือไหว้พวกเธอทันทีอย่างนอบน้อม


เธอยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับเด็กน้อยตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยเพื่อชวนคุยเรื่องอื่น 


" เหนือเห็นเมฆาไหม "


แต่เจ้าหล่อนยังไม่ทันได้พูดอะไรคนข้างที่ยืนเงียบอยู่นานก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน 


" เหนือไม่เห็นเลยครับ แต่เมื่อคืนโทรคุยกันอยู่เมฆาบอกว่าวันนี้จะมาเรียน "


แสงเหนือพูดแบบนั้นแต่สมชายกลับยังทำหน้าคร่ำเครียดอยู่จนร่างโปร่งสัมผัสได้ 


" ทำไมหรอครับ ? "


" ไม่มีอะไรแค่ฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ "


เเสงเหนือชะงักไปเล็กน้อยแล้วนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ตนฝันในใจพลันกังวลขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันทำอะไรเจ้าคุณก็เดินเข้ามาขัดเสียแล้ว

ครั้งนี้มุกไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไปจงใจพูดจาแซะใส่เจ้าคุณอย่างชัดเจน 


" กูเริ่มสงสัยแล้วนะเนี่ยว่ามึงคุยกับใครอยู่กันแน่ แหม บอกคุยกับคนนี้แต่ยอมทิ้งเขาไปหาอีกคนเชียว "


ความจริงเรื่องนี้มุกเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพียงแต่ว่าดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่ได้สังเกตเห็นเธอเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเธอไม่พอใจกับการกระทำของเพื่อนเธอมากๆ 


" อะไรมึง "


" สรุปมึงชอบเหนือไหนหรอคุณ กูอยากรู้จังเลยค่ะ "


" เสือกไรเรื่องกูล่ะ "


" เอ้าแล้วทำไมกูจะเสือกไม่ได้ มึงทำน้องมันเสียใจนะไอคุณ อย่าเหี้ย "


" กูไปทำมันเสียใจตอนไหน "


" อีเหี้ยนี้มึงยังไม่รู้ตัวอีกอ่อ ทำอะไรเหี้ยๆไว้ล่ะเมื่อวาน "


" แล้วมึงมายุ่งทำไม ก็ไอทิศมันป่วยกูก็ต้องไปดูมันป่ะวะ "


" ป่วยขนาดไหนหรอ แค่ไข้ โถ่ไอสัส เมื่อเขาก็มี "


" แล้วกูจะไปมันเรื่องของกูไหม กูกับไอเหนือยังไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรกันด้วยซ้ำ "


แสงเหนือที่ฟังอยู่ลมหายใจขาดห้วง ความกลัวเกาะกินไปทั่วหัวใจ เขาไม่อยากให้พวกพี่ๆเขาทะเลาะกันเลย..


" ไม่ได้เป็นอะไร แล้วที่มึงแสดงออกกับน้องมันนี่มันยังไงห๊ะ "


" แล้วกูได้บอกมันรึยังว่าเป็นอะไรกัน ถ้ามันจะเจ็บก็เป็นมันที่เสร่อคิดไปเองไม่ใช่รึไง  " 


"กูไม่ได้ขอให้มาชอบกูนี่ "


ความเจ็บแสบที่หน้าอกถูกตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งในใจปวดร้าวไปหมด  แม้แต่เสียงก็ไม่สามารถเปล่งออกมาจากลำคอได้ 


ในตอนนั้นเองเหมือนเจ้าคุณจะนึกขึ้นมาได้ว่าคนที่เขาพึ่งต่อว่าไปเมื่อกี้ก็ยืนอยู่  เขารีบหันหน้ามามองอีกฝ่ายแต่ก็ต้องตกใจที่เห็นขอบตาแดงก่ำจวนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อของอีกคน 


คนเด็กกว่าแย้มยิ้มออกมาก่อนจะก้มหัวขออนุญาตเหล่ารุ่นพี่แล้วหันหลังเดินออกไปทันที 


ไม่ไหวแล้ว 


ทางคนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังเจ้าคุณที่กำลังจะตามไปก็ถูกมุกหยุดเอาไว้เสียก่อน 


" มึงเลือกดีๆคุณ ถ้ามึงตามน้องไปกูจะถือว่ามึงเลือกน้อง แล้วอย่าหวังทำลูกกูเสียใจอีก "


พูดจบก็รีบวิ่งตามแสงเหนือออกไปพร้อมสมชายทันที 


เจ้าคุณมองพื้นพลางคิดด้วยความเงียบ 


เขาเจ็บ  เขากลัว เขาโคตรรู้สึกแย่  อยากจะดึงคนเด็กกว่ามากอดให้แน่นๆ  


ทำไมปากเขาต้องเหี้ยวะ 


เมื่อตัดสินใจทบทวนดีๆแล้วก็เดินไปหาทิศเหนือก่อนจะคุยกันเพียงเล็กน้อยแล้วรีบวิ่งไปตามทางที่เห็นแสงเหนือวิ่งไปทันที 


...


ทางเเสงเหนือเองในใจเจ็บร้าวจนแทบจนไม่ไหว ทั้งเสียงของเพื่อนสนิทและคำตอบจากคนของหัวใจ ทำให้เขาแทบจะร้องไห้ออกมาตอนนี้ 


น่าจะเชื่อคำเตือนของเมฆา เมื่อคิดแบบนั้นในใจพลันคิดถึงเมฆาขึ้นมาเป็นคนแรก 


ในระหว่างที่เดินอยู่นั้นเอง


" เขาบอกว่ามีคนตายที่หอร้างอ่ะ "


" เห้ยจริงดิ "


"เห็นว่าเป็นพี่ ม. 5 อ่ะ กูไม่กล้าออกไปดูเลยเนี่นยคนออกไปดูทำไมเยอะแยะ "


ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เมื่อคิดได้ดังนั้นขายาวของแสงเหนือพลันขยับก้าวไปตามทางทันที 


เป็นอย่างที่รุ่นน้องว่าจริงๆ 


มีคนมุงอยู่เต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ก็ต่างกันไว้ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้บริเวณที่เกิดเหตุเลยแม้แต่น้อย 


" เชี้ย "


เสียงของมุกดังขึ้นมาแสงเหนือหันไปมองทันที พี่เขาก็ควจะตามมาเพราะเป็นห่วงนั่นแหละนะ 


แต่ทำไมใจของเขามันไม่ดีแบบนี้ มัน  กลัว 


แปลกๆ  ยิ่งเมื่อรู็ว่าคนที่ตายเป็นเด็ก ม. 5 ก็ยิ่งใจไม่ได้ 


แสงเหนือจึงรีบฝ่าฝูงชนเข้าไปทันทีท่ามกลางเสียงร้องของมุก


" ว๊ายน้องเหนือเข้าไปทำไมลูก รอพวกพี่ด้วย " 


สัญชาตญาณในกายของแสงเหนือพลันกู่ร้อง ในใจได้แต่คิดซ้ำๆว่าคงไม่ใช่หรอก เขาน่าจะคิดมากไปเอง 


จนกระทั่ง 


ภาพตรงหน้าปรากฎสู่สายตา 


ซากปะรักหักพังที่กองทับถมกันกองใหญ่ราวกับไม่มีอะไร แต่เื่อสังเกตดีๆในกองนั้นจะเห็นมีมือเรียวขาวซีดเต็มไปด้วยรอยแผลโผล่พ้นออกมา ในมือมีสร้อยเส้นเล็กเส้นหนึ่งที่คุ้นเคยสำหรับแสงเหนือเป็นอย่างดี 


..


สร้อยที่เขาซื้อให้เมฆา 


ราวกับโลกทั้งใบของเเสงเหนือพังทลายลงมา กว่าจะรู้ตัวเขาก็พุ่งเข้าไปพยายามลื้อหินก้อนใหญ่เหล่านั้นออกมาเสียแล้ว ท่ามกลางแรงดึงและเสียงร้องห้ามปรามของเจ้าหน้าที่ ไม่มีอะไรหยุดเเสงเหนือได้เลย 


เขากรีดร้องอย่าบ้าคลั่งเอาแต่พูดย้ำๆว่าไม่จริงๆซ้ำไปซ้ำมา เล็บเรียวสวยสุขภาพดีแตกจนแทบไม่เหลือชิ้นดี  


ในตอนนั้นเองที่เขาพยายามขืนการดึงของเจ้าหน้าที่หินก้อนใหญ่ก็เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าคุ้นเคยที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะจนน่ากลัว เลือดสีเข้มไหลทะลักออกมาราวกับก็อกน้ำ 


" เมฆา เมฆา ไม่จริง  "


" เมฆา !! "


เเสงเหนือรีบพุ่งเข้าไปหาเพื่อนอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย คนที่มองอยู่มองภาพนั้นด้วยอารมณ์เดียวกัน 



สะเทือนใจ 


แสงเหนือที่ปกติยิ้มแย้มแจ้มใสตอนนี้ก็ราวกับคนขาดสติ  สมชายที่เห็นคนตรงหน้าเป็นคนที่ตัวเองชอบ นอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางซากตึกขนาดใหญ่น้ำตาของชายหนุ่มที่คิดว่าจะไม่มีวันไหลก็หยดลงมาไม่ขาดสาย ทางมุกเองก็ได้แต่ปิดปากพร้อมกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้ดีที่สุด 


เพราะเมฆาเคยบอกว่าไม่อยากเห็นพี่ร้องไห้ ..  


แสงเหนือร้องไห้ราวกับดวงใจแตกสลายเขาพยายามเอื้อมมือไปจับแขนของเพื่อนเอาไว้พร้อมปากที่พึมพำออกมาราวกับคนไร้สติ 


" ช่วยเพื่อนผมด้วยพี่ ช่วยเพื่อนผมที มันหนัก ฮือ  ห หินใหญ่ขนาดนั้นมันตัวนิดเดียว "


" ใครก็ได้  ช่วยเพื่อนผมที "




สิ้นเสียงนี้ทุกอย่างก็พลันดับวูบไป  เป็นความืดสุดลูกหูลูกตา 


__________________________________________________________________________



มาจะกล่าวบทถัดไปหรือ แน่นอนว่าย่อมได้ 

ตัวเราเองก็ชอบเล่าเรื่องอยู่แล้วด้วยสิ  คงจะนั่งเล่าให้พวกท่านได้นานเท่านาน 


พวกท่านที่ผ่านมาอยากจะดูบทละครของข้าอีกสักครั้งหรือไม่ 



ท่านหลวงครับ  พวกเราต้องไปแล้ว 


น่าเสียดายนักท่านทั้งหลาย แต่ดูเหมือนว่าพ่อเมฆามาตามข้าเสียแล้ว



แล้วพบกันอีกครา ..

ความคิดเห็น