น.ส. สุวภรณ์ เพชรสุกานต์ เลขที่ 15 ม.6/1
บรรยากาศครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยดังขึ้นอย่างรื่นเริงพร้อมกับฝูงชนจำนวนมากที่แออัดเบียดเสียดกันอยู่ข้างล่างเวที
" ร้อน - "
เสียงทุ้มเอ่ยพึมพำกับตัวเองพร้อมกับแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง ตามกรอบหน้าเรียวปรากฎหยาดเหงื่อหยดเล็กขึ้นประปราย ในใจของร่างสูงโปร่งคิดเพียงหาทางออกไปจากกลุ่มคนมากมายมากกว่าร้อยคนตรงนี้อย่างไรดี
". . ."
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดหาทางออกอยู่นั้นบนเวทีพลันเกิดเสียงกระทบกันของพื้นรองเท้าดังกึกก้อง แม้ว่าจะเป็นเพียงเสียงที่ไม่ได้ดังเท่าใดนักแต่กลับดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดได้อย่างง่ายได้แม้กระทั้งเจ้าของใบหน้าสวยที่กำลังจะเดินออกไปจากวงล้อมด้วยนั้นเอง
?
อาจเป็นความสงสัยเล็กๆที่ทำให้เรียวขาสวยคู่นั้นหยุดเดินออกไป นัยน์ตาสีน้ำเงินทอประกายวาววับราวกับอัญมณีแซฟไฟร์แสนงดงามจับจ้องมองภาพตรงหน้าพร้อมกับสมองที่ค่อยๆหลงลืมความต้องการในทีแรกไป
หลังจากที่หยุดยืนดูครู่หนึ่งเสียงกระหึ่มของเครื่องดนตรีก็ดังผ่านเข้ามาในโสตประสาท นัยน์ตาสีสวยแสนงดงามในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเบื่อหน่ายอย่างชัดเจนจนน่าใจหายพร้อมถอนหายใจแผ่วเบาแล้วใช้ดวงตาคู่คมตวัดกวาดมองไปทั่วเวทีอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
ในจังหวะนั้นเองบนเวทีที่เต็มไปด้วยเครื่องเสียงและเครื่องดนตรีมากมายนั้นปรากฏร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีอ่อนอย่างเป็นธรรมชาติค่อยๆย่างกายขึ้นมาบนเวทีอย่างมั่นใจ เสียงรองเท้าสนีกเกอร์ดังกระทบพื้นเป็นจังหวะการก้าวเดินอย่างมั่นคงจนร่างโปร่งของเด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่กลางเวทีที่มีเก้าอี้สองตัวถูกตระเตรียมเอาไว้อย่างดี ไม่นานนักใบหน้าหล่อเหลาติดหวานละมุนก็เงยขึ้นมามองตรงไปยังผู้ชมเบื้องล่างอย่างหนักแน่นและจริงใจ
นัยน์เนตรสีเหลืองทองเป็นประกายวาววับราวกับอำพันเนื้อดีสบตากับผู้คนมากมายที่ส่งเสียงเชียร์ขึ้นมา รอยยิ้มหวานละมุนทรงเสน่ห์ถูกวาดขึ้นมาจนดวงตาเรียวสวยหยี่ลงชวนให้หัวใจดวงน้อยของผู้คนที่เห็นสั่นไหวจนน่ากลัว ประกอบกับเรือนผมสีขาวบลอนด์อ่อนที่ปล่อยยาวละต้นคอยิ่งทำให้บุคลิกของร่างโปร่งบนเวทีดูมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากใช้สายตากวาดมองเหล่าผู้ชมเสร็จแล้ว ริมฝีปากสีแดงระเรื่อก็อ้าออกเปล่งเสียงทุ้มนุ่มใส่ไมค์ด้วยรอยยิ้มละมุน
"สวัสดีครับทุกคน- แสงเหนือครับ "
" วันนี้ผมมีเพลงที่จะมอบให้นะครับ - "
ขณะที่พูดอยู่ใบหน้าอ่อนเยาว์พลันแย้มยิ้มกว้างขึ้นจนน่าเอ็นดูอย่างน่าประหลาดพร้อมทั้งสายตาระยิบระยับที่ติดจะตั้งใจมองไปยังจุดจุดหนึ่งมากเป็นพิเศษอย่างเปิดเผย
" ถ้าใครร้องได้ก็ขอให้ร้องตามแล้วโบกมือเป็นกำลังใจให้เหนือด้วยนะครับ "
สิ้นเสียงของเด็กหนุ่มรอยยิ้มสว่างไสววบนใบหน้าก่อนจะหันไปให้สัญญาณมือกับเพื่อนร่วมวงของตัวเอง
ลมหายใจของเด็กหนุ่มร่างโปร่งบนเวทีถูกสูดเข้าปอดยาวๆหนึ่งครั้งก่อนจะขยับริมฝีปากเข้ามาให้ใกล้ไมค์ยิ่งขึ้น เรียวนิ้วและมือกระชับกีตาร์ในมือแน่นอย่างคนตื่นเต้น
ไม่นานเสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้น
มีใครกำลังเป็นแบบเดียวกับฉันไหม
มีใครในใจที่แอบรักจนวันนี้ -
เสียงไล่สูงต่ำดังคลอขึ้นมาพร้อมกับเสียงกีตาร์ที่ถูกนิ้วเรียวสวยนั้นดีดเป็นจังหวะของบทเพลงโดยไม่มีเสียงของเครื่องดนตรีอื่นแทรกขึ้นมาแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงกีตาร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนลายดอกไม้กับเสียงของเด็กหนุ่มเท่านั้นที่สลักอยู่ในใจของผู้คน ณ ตอนนี้
มีเพียงคนเดียวและเป็นเขาอยู่ทุกที
แต่ก็ยังไม่เคยจะกล้าพูดออกไป
ก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องเป็นแบบนี้
เพิ่งได้รู้ความอดทนฉันมีมากมายแบบนี้
แต่ดันใช้มันไปให้ใครที่ไม่เคยมองมา
เสียงทุ้มนุ่มเอื้อยเอ่ยบรรเลงบทเพลงระรื่นหูชวนให้ผ่อนคลายไปกับเสียงละมุนแสนอ่อนโยน
ร่างของชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องล่างหลัยตาพริ้มลิ้มรสของบทเพลงที่ถูกส่งออกมาจากลำคอระหง แต่เมื่อเปลือกตาสีไข่มุกเปิดออกกลับเห็นว่านัยน์ตาสีอำพันทอประกายวาววับทรงเสน่ห์นั้นมองมาที่ตนอยู่ก่อนแล้วอย่างน่าประหลาดใจ
บรรยากาศแปลกๆเริ่มต่อตัวขึ้นจนแม้แต่ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเข้มยังสัมผัสได้ ทั้งเสียงทุ้มที่ดูจะละมุนขึ้นและแววตาหวานเยิ้มเมื่อนักร้องนำเจ้าของร้อยยิ้มหวานละมุนราวกับยกฤดูใบไม้ผลิใหัมาตั้งเอาไว้เพียงคนเดียวเหม่อมองมาทางตนในขณะที่ริมฝีปากบางยังคงเอื้อนเอ่ยถ้วงทำน่องของบทเพลงอยู่
คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหนคนเราจะแอบรักใครสักคนได้จนถึงเมื่อไหร่
ประกายตาหวานล้ำที่ถูกส่งมาอย่างต่องการจะสื่อความนัยบางอย่าง ซึ่งคนที่โดนส่งสายตาแบบนั้นมากลับเลือกที่จะเมินเฉยตาการกระทำแบบนั้นของคนบนเวทีล่วงเลยไปจนริมฝีปากสีแดงระเรื่อปิดลงพนัอมกับความเงียบที่เริ้มโรยตัว
ไม่นานนักเหล่าผู้ชมน้อยใหญ่นับร้อยคนก็ปรบมือพร้อมกับอย่สงไม่ได่นัดหมายเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ทั้งยังไม่เสียกรีดร้องแสดงความดีใจที่ดังผสมคลอขึ้นมา
ดวงตาสีแซฟไฟร์สะท้อนภาพของเด็กหนุ่มบนเวทีราวกับธาราที่สะท้อนภาพของดวงจันทร์ก็มิปาน ทั้งท่วงท่า จังหวะการยิ้ม หรือแม้แต่นัยน์ตาที่ทอประกายราวกับมีความสุขนักหนาคู่นั้นดูน่าดึวดูดให้ผู้คนนึกเอ็นดูเด็กหนุ้มได้ไม่มากก็น้อย
ดวงตาเรียวสวยเลือกที่จะหลบมองไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงดวงตาคู่สวยเป็นประกายหยาดเยิ้มคู่นั้นแล้วทำเป็นไม่เห็นเสียแม้ว่าในอกกลับรู้สึกราวกับสายลมอุ่นๆที่พัดผ่านมาชวนให้หวั่นไหว
คงไม่ใช่มั้ง -
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็จัดการปัดความคิดฟุ้งซ่านในตอนแรกออกไปทันทีจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้นิ้วเรียวกดรัวเร็วเข้าแอปพลิเคชั่นสีเขียวแล้วถามที่อยู่ของกลุ่มเพื่อนทันที
" - "
แต่แล้วเมื่อเสียงอ่อนนุ่มของนักร้องหนุ่มจบลง ผู้ชมทั่วทั้งบริเวณพลันส่งเสียงร้องและเสียงปรบมือให้ดังสนั่นกึกก้อง
" เป็นยังไงบ้างครับ เพลงนี้ - ดูเศร้ารึเปล่า "
นักร้องนำเอื้อมมือมาคว้าไมค์ขึ้นมาถือเอาไว้พร้อมกับกรอกเสียงทุ้มนุ่มแสนมีเสน่ห์ลงไปโดยไม่ลืมที่จะวาดร้อยยิ้มสดใสเป็นประกายแจกจ่ายผู้ชมที่อยู่เบื้องล่างอย่างเอาอกเอาใจ
" แน่นอนครับว่าตามจริงแล้วเพลงนี้มันก็เศร้า พระเอกของเราไม่สมหวังใช่ไหมครับ ! "
" แต่ว่านะ - ถึงพระเอกจะไม่สมหวัง แต่เพลงนี้ผมตั้งใจมามอบมันให้คนคนนึง "
ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆสบตากับผู้ชมของตนเองราวกับต้องการคำตอบ แต่แล้วคำพูดต่อมาของเจ้าตัวกลับทำให้เหล่าผู้ชมต้องหุบปากลงทันทีที่เด็กหนุ่มบนเวทีเอ่ยออกมา
"แล้วผมพอจะมีโอกาสใช่ไหมครับ"
"พี่เจ้าคุณ"
เพียงเท่านั้นบรรยากาศรอบข้างพลันเงียบสงบลงทันทีเหมือนว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงเสียงจากเทปเก่าๆที่อยู่ๆก็พังลงอย่างกะทันหัน กว่าที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งค้นหาเสียงตัวเองเจอก็กินเวลาไปไม่ต่ำกว่าสองนาทีเสียแล้ว
" น้องแสงเหนือว่ายังไงนะ "
" หมายถึง เจ้าคุณ 6/1 ? "
"แฝดของพี่เจ้านายอ่ะหรอ"
" ที่ดุๆป่ะ "
เสียงซุบซิบดังไปทั่วพื้นล่างเวทีท่ามกลางเสียงซุบซิบกลับมีชายคนหนึ่งที่ดึงหมวกขึ้นมาคลุมบนศีรษะอย่างเงียบเชียบซุกซ่อนพวงแก้มเห่อร้อนที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อพร้อมทั้งนัยน์ตาที่สั่นไหวอย่างรุนแรงจนน่าหวาดหวั่นว่าคนรู้จักจะเดินมาเห็นตนในสภาพนี้
แม่งเอ๊ย
ไอ้เด็กเวร
ร่างโปร่งสบถในใจพร้อมเรียวขายาวสวยที่ก้าวฝ่าฝูงชนออกมา ริมฝีปากเม้มแน่นใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยความงดงามก้มหลบสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา
แม่ง
ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มที่ถูกฮู้ดสีเข้มปกปิดใบหน้าไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่งกล่าวโทษโชคชะตาด้วยคำหยาบคาย ไม่วายยังหวนกลับมาโทษน้องชายฝาเเฝดของตนเองอย่าง เจ้านาย ที่เป็นคนเอ่ยชวนให้ตนมาดูมินิคอนเสิร์ตเป็นเพื่อนอีก
" เพราะมึงเลยนาย- แต่แม่งเอ๋ย "
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ถ้าสาวไปถึงต้นสายปลายเหตุก็คงไม่พ้นต้องโทษตัวเองที่รับปากไปตั้งแต่ต้น
ตอนนั้นเพราะอยากมาดูเฉยๆหรอก -
เรียวขายาวรีบก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจใคร ใบหน้างดงามก้มลงมองพื้นโดยที่ไม่ทันระวังร่างทั้งร่างก็กระทขกับของแข็งบางอย่างเต็มแรงจนทำให้ร่างสูงเสียหลักไปเสี้ยววิ
ศีรษะที่ถูกปกคลุมด้วยฮู้ดเนื้อดีสีเข้มเงยขึ้น นัยน์เนตรงามราวกับแร่ล้ำค่าที่ยังไม่ทันมองสิ่งที่ตนเองชนให้ดีมีแวววาวกระอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ริมฝีปากแดงระเรื่อดูสุขภาพดีอ้าออกพร้อมที่จะพ้นคำหยาบคายออกมาตามความคิด
แต่แล้วเมื่อสายตาคมสวยปรับโฟกัสได้แล้วปากที่พร้อมจะพ่นคำว่าร้ายต่างๆพลันหุบฉับลงทันทีราวกับโดนสับสวิทซ์
ตรงหน้าของเขาปรากฎชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงเป็นประกายวาววับจ้องมองชายหนุ่มอีกคนด้วยความสงสัยแฝงไปด้วยแววของความเป็นห่วงจางๆที่วาดผ่านดวงตาคมกริบอย่างไม่อาจปิดได้ เรือนไหมสีอ่อนที่ฟูฟ่องไม่เป็นทรงแต่กลับเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ใครต่างหลงไหลนั้นไหวไปตามสายลมอุ่นที่พัดมาจนเจ้าของนัยน์ตาสีแซฟไฟร์ต้องชะงัก
แต่แล้วเมื่อตั้งสติได้มองถัดไปข้างๆกันนั้นเอง ..
ดวงหน้างดงามติดหวานของใครบางคนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตนเองก็ปรากฎสู่สายตา เหมือนกันมากราวกับกำลังยืนส่องกระจกอยู่อย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่ว่าริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้นกลับเผยรอยยิ้มบางเบาออกมาเสมอจนทำให้บรรยากาศรอบๆตัวน่าเข้าหามากกว่าตนอยู่มากโข
" เป็นอะไรรึเปล่าคุณ เห็นก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ "
" ตรงนั้นมีอะไรหรอไอ้คุณ "
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิดพร้อมกับแฝดที่เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น ส่งผลให้คนที่ลืมจุดประสงค์ในตอนแรกแทบจะรีบสาวเท้าหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ซะเดี๋ยวนั้น
" ไม่มีอะไรหรอกน่า วุ่นวายจริง "
ริมฝีปากบางขยับอ้าพูดเสียงแข็งราวกับกำลังหงุดหงิดอะไรสักอย่างมา ก่อนจะรีบเดินผ่านทั้งสองคนไปจนทั้งสองคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงงพร้อมกับเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
แม่ง
แม่ง
แม่งเอ้ย
เสียงสบถซ้ำไปซ้ำมาวนเวียนอยู่ในหัวหลังจากที่เขาตัดสินใจเดินฝ่าทั้งสองคนมาได้สักพักนึงแล้ว เรียวขายาวสวยก้าวเดินไปอย่างไร้จุดหมายพร้อมกับความสับสนในใจ แม้ว่ามันจะมาพร้อมกับความหงุดหงิดด้วยก็ตาม
นัยน์เนตรสีน้ำเงินอมม่วงเป็นประกายวูบไหวจนน่าใจหาย แยกไม่ออกเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นเพราะคำสารภาพของเด็กหนุ่มบนเวทีหรือเป็นเพราะการที่เห็นคนสองคนนั้นอยู่ด้วยกันกันแน่
" . . . "
รู้สึกตัวอีกทีขาเจ้ากรรมก็พาร่างของเขามาที่ห้องสมุดเสียแล้ว ร่างโปร่งของชายหนุ่มหยุดอยู่หน้าห้องสมุดเพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปข้างในนั้นพลางขยับมือถอดฮู้ดออก
ก้าวแรกที่เหยียบเข้ามา ณ สถานที่แห่งนี้ อากาศเย็นฉ่ำพัดวูบกระทบลงบนผิวกายขาวนวล เปลือกตาสีไข่มุกปิดลงพร้อมกับสูดลมหายใจรับกลิ่นอายของเครื่องปรับอากาศแลกลิ่นของสมุดเข้าปอดช้าๆอย่างผ่อนคลาย
ไม่ว่าเมื่อไหร่ห้องสมุดก็ทำให้ใจสงบได้ดีที่สุดจริงๆ
หลังจากซึมซับบรรยากาศแสนเงียบสงบของห้องสมุดเสร็จแล้ว เปลือกตาขาวนวลก็ค่อยๆขยับสั่นไหวเผยนัยน์ตาสีสวยพร่าวเสน่ห์ให้ได้เห็นอีกครั้งแล้วกวาดตามองไปโดยรอบอย่างสงบนิ่งต่างจากก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง
เมื่อทำจิตใจให้สงบได้เเล้วเรียวขายาวก็ก้าวเดินไปยังโต๊ะสำหรับนั่งสองคนที่มุมของห้องสมุดแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
" ... "
บรรยากาศโดยรอบที่เงียบสนิทปราศจากผู้คนมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ดังคลอเคลียบางเบาผ่านเข้ามาในหู พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านเข้ามาทางแผ่นกระจกใส่ที่แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศที่ดูอบอุ่นภายนอกยิ่งชวนให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเป็นพิเศษ
จนทำให้เปลือกตาของชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องสมุดตอนนี้หนักอึ้งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ปากก็อ้าหาวหวอดจนหยาดน้ำตาไหลซึมออกมาบริเวณหางตา
" หาว - "
ไม่นานนักเจ้าของเรือนไหมสีเข้มก็คุมสติเอาไว้ไม่อยู่พ่ายแพ้ต่อความต้องการในจิตใจจนต้องพุบหน้าลงไปกับโต๊ะตัวยาว
ห้วงฝันหวานดำเนินผ่านไปเรื่อยๆอย่างอ้อยอิ่ง เพียงแต่ว่าในโลกแห่งความฝันนั้นช่างหอมหวานมอมเมาให้ไม่อยากตื่นขึ้นมาบนโลกแห่งความเป็นจริงอีกเลย
ตัวเขาในฝันดำเนินชีวิตได้อย่างสดใสและหวานละมุนยิ่งกว่าขนมสายไหมหวานเลี่ยนที่แฝดตัวเล็กของเขามักจะเอามาให้ทานอยู่เสมอ ภาพที่แสดงให้เห็นถึงเรือนร่างสองร่างที่ยืนแนบชิดอิงแอบกันอย่างรักใคร่
นั่นคือเขากับคนที่เขาหลงรัก
มานานหลายปี
' รักมึงนะ '
ตัวเขาในฝันพูดเช่นนั้นก่อนที่สติทั้งหมดจะพลันดับวูบไปเหลือไว้เพียงไออุ่นที่ยังคงไม่จางหายไปจากหัวใจดวงน้อย
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับหลายชั่วโมงจนท้องฟ้าด้านนอกแปลเปลี่ยนเป็นสีส้มของยามสนธยาพร้อมกับผู้คนในโรงเรียนที่ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านจนดูบางตาไปเลยทีเดียว
ร่างโปร่งของนัเรียนชายที่ใส่ฮู้ดตัวใหญ่คลุมร่างเอาไว้ค่อยๆขยับกายอย่างเงียบเชียบ ดวงตาสีแซฟไฟร์ที่ถูกปกปิดด้วยเปลือกตาสีนวลขยับเผยขึ้นมา
" อื่อ "
เสียงทุ้มติดงัวเงียถูกส่งออกมาจากลำคอขาวก่อนที่จะยกกายขึ้นบิดตัวไล่ความปวดเมื่อยที่สะสมจากการนอนเป็นเวลานานพร้อมกับยกมือเรียวขึ้นมาขยี้ตาไล่ความง่วงงุนที่ดูท่าแล้วน่าจะหายได้ยากยิ่งกว่าอาการปวดเมื่อยของตนเสียอีก
" พี่คุณอย่าขยี้ตาเยอะนะครับ เดี๋ยวก็ตาแดง "
แต่ทุกการกระทำของบุรุษหนุ่มเจ้าของนัยน์เนตรสีน้ำเงินราวกับท้องมหาสมุทรที่แสนน่าค้นหาพลันหยุดชะงักทันทีที่เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ดังมาจากข้างกาย
เจ้าคุณรีบหันขวับไปมองทางต้นเสียงทันทีโดยไม่ทันระวังทำให้ปลายจมูกโด่งแทบจะแตะเข้ากับอวัยวะเดียวกันบนใบหน้านวลของเด็กหนุ่มเจ้าของบทเพลงรักและคำสารภาพหวานเลี่ยนบนเวทีเมื่อตอนกลางวันเสียแล้ว เมื่อรู้ตัวทั้งสองคนพลันรีบดีดตัวออกห่างจากกันราวกับโดนน้ำร้อนลวก
เจ้าคุณนึกโทษตัวเองที่ไม่ทันระวังจนเกือบจะทำให้เกิดเหตุการณ์ละครน้ำเน่ารักหวานแหววกลางห้องสมุดในยามเย็น - แต่เมื่อสังเกตมองใบหน้าอ่อนเยาว์หล่อเหลาของเด็กน้อยตรงหน้าริมฝีปากพลันยกขึ้นอย่างขบขันกับท่าทางราวกับเด็กสาววัยแรกแย้มของอีกคน
ใบหน้าหล่อเหลาประดับประดาไปด้วยริ้วแดงที่วาดผ่านจางๆที่แก้มนวล อาจเพราะอีกคนตัวขาวจึงทำให้เห็นริ้วแดงสีระเรื่อได้ชัดเจนจนน่าขบขัน ทั้งๆที่ในตอนแรกเจ้าตัวกลับมีความกล้ามากพอที่จะเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วร้องเพลงสารภาพรักเขาอีกต่างหาก แต่ตอนนี้ตรงหน้าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูไปดูมาราวกับลูกสุนัขขี้กลัวแบบแปลกๆ
" ผ ผม "
" ผมขอโทษครับพี่คุณ "
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงแนบชิดกับอกอย่างคนสำนึกผิดพร้อมซุกซ่อนใบหน้าที่ขึ้นริ้วแดงเอาไว้พลางส่งยิ้มแห้งให้กับรุ่นพี่ตรงหน้า ขาเรียวก้าวออกถอยห่างจากรุ่นพี่เจ้าของดวงใจด้วยความกลัวที่ตนจะทำให้คนตรงหน้าอึดอัด
คนเป็นพี่ลอบมองการกระทำของนักดนตรีรูปหล่อตรงหน้าแล้วได้แต่กลั้นยิ้ม
ตลก
เจ้าคุณไม่แปลกใจเลยที่เด็กตรงหน้าจะเป็นที่รักของทุกคนไม่ได้ดีเพียงหน้าตา แต่ทั้งนิสัย การกระทำที่ตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตนเอง และที่เด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็นรอยยิ้มหวานละมุนที่จริงใจ เป็นเสน่ห์ที่ใครมองมาต่างก็โดนเจ้าเด็กตรงหน้านี้ตกกันทั้งนั้น
เว้นเพียงเขาไว้คนหนึ่งล่ะมั้ง
แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นถึงเสน่ห์ของเด็กคนนี้เลย จริงๆก็รู้จักนักดนตรีคนนี้มาตั้งนานแล้วเพียงแต่ไม่ค่อยได้คุยกันนัก แต่พอได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ไม่เขาหรืออีกคนก็ต้องผละออกจากวงสนทนาก่อนตลอด
" ก็ไม่ได้ว่าอะไร ตื่นตูมอะไรเหนือ "
เขากล่าวกับเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีอ่อนดูนุ่มนิ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงโมโนโทนพลางหันไปจัดการเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยไปด้วย
" แฮะ ขอโทษครับ "
"พูดเป็นแต่ขอโทษรึไง"
เจ้าหนุ่มตรงหน้ายิ้มแห้งก่อนจะรีบหลีกทางให้กับเจ้าคุณที่พอได้กระเป๋าแล้วก็เดินฝ่าร่างสูงโปร่งออกไปแทบจะทันทีแม้ว่าจังหวะการเดินนั้นจะช้าลงกว่าปกติมากก็ตาม
แน่นอนว่าทั้งหมดก็เพื่อรอให้อีกคนเดินตามเขามาให้ทันนั้นแหละเพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้วในโรงเรียนที่เคยครึกครื่นก็เงียบกริบลงจนวังเวง เจ้าคุณไม่ใช่คนขี้กลัวหรือกลัวผีแต่ก็อดเป็นห่วงเจ้าเด็กคนนี้ไม่ได้จริงๆ สมัยนี้ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็เกิดอันตรายได้ทั้งนั้น -
แถมก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มที่เดินขนานนาบอยู่ข้างกายก็มีคนเดินตามกลับบ้านอยู่บ่อยครั้ง แค่คิดตามก็รู้สึกขนลุกแล้วจะปล่อยให้อยู่คนเดียวก็กะไรอยู่จึงตัดสินใจเดินกลับกับอีกคนไปเสียเลย
" พี่จะกลับบ้านเลยหรอครับ "
" หึ "
" จะไปไหนหรอครับ ? "
บทสนทนาเล็กๆถูกเปิดโดยเด็กหนุ่มอีกคน เจ้าคุณเพียงปลายตามองเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยประโยคสั้นๆตามนิสัยของเจ้าตัว
" หาอะไรกิน ไปป่ะ "
แม้ว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ชวนให้น่าอึดอัดมาแต่เจ้าคุณก็ไม่ได้คิดจะใจร้ายกับคนเด็กกว่าอยู่แล้ว ทั้งยังนิสัยที่น่าเอ็นดูของแสงเหนือด้วยอีก จึงทำให้เจ้าคุณเผลอโอนอ่อนตามบรรยากาศไปเสียได้
แต่ก่อนที่จะคิดได้ก็เผลอเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายไปก่อนแล้วจะให้กลับคำก็คงจะไม่ได้จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
" ถ้าพี่ไม่ว่าอะไรก็ไปครับ "
" ถ้ากูว่าแล้วจะชวนไหมล่ะ "
เมื่อเสียงทุ้มนุ่มติดละมุนของอีกคนเอ่ยจบเจ้าคุณก็สวนไปทันควัน จนลืมสังเกตไปเลยว่านัยน์ตาสีทองอำพันนั้นมองมาที่เขาอย่างสำนึกผิด
แน่นอนว่าแสงเหนือกลัว -
ความคิดชั่ววูบที่โดนเพื่อนกระตุ้นจนเผลอบอกความในใจกับคนที่ชอบไปต่อหน้าคนเป็นร้อย ย้อนเวลากลับไปได้เขาล่ะอยากจะตีปากตัวเองจริงๆ พึ่งมานึกได้ก็ตอนที่เก็นร่างโปร่งของเจ้าของด้วยใจรีบเดินหายเข้าไปในฝูงชนจนหาไม่เจอเสียแล้ว
เมื่อมินิคอร์นเสิร์ตจบหลังจากที่จัดการเก็บของอะไรเรียบร้อยเขาก็วิ่งวุ่นหาอีกคนไปทั่วเพื่อขอโทษที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง
จนหลังจากที่วิ่งหาคนตัวเล็กกว่าจนเหนื่อยพร้อมทั้งหมดหวังจึงกะว่าจะมานั่งพักตากแอร์ในห้องสมุดปลอบใจเสียหน่อย
แต่พอเข้าไปดันเจอก้อนกลุ่มผมสีเข้มนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ
ดวงตาที่เขาชอบปิดสนิทจนน่าเอ็นดูแม้วาแสงเหนือจะอายุน้อยกว่าก็ตาม
หลังจากนั้นก็เป็นไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนนี้ทุกประการ ดีแล้วที่ตอนนั้นแสงเหนือไม่ได้กลัวจนขึ้นสมองแล้วรีบหลบออกจากห้องสมุดเสียก่อน
" สรุปไปไม่ไป ยืนโง่อยู่ได้ "
เจ้าคุณมองคนเด็กกว่าข้าวหน้าที่แสดงท่าทีน่าขำออกมาเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวก็ทำหน้าเศร้าสลดราวกับโลกจะแตก
มือเรียวยื่นออกไปจับไหล่หนาตรงหน้าแล้วตีเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติของเจอีกคนให้เข้าร่องเข้ารอย
" อ่ะ ไปครับ ไป "
ใบหน้าหล่อเหลาแสดงอาการลนลานออกมาจนเผลอแสดงใบหน้าเหลอหลาออกมาอย่างไมาคิดจะปิดบัง
มือเรียวยกขึ้นเกาศีรษะน้อยๆจนเส้นผมกระจัดกระจายฟูฟ่องเสียทรงไปหมด
" ดีก็ไป "
ตอบเพียงเท่านี้ก็เริ่มเดินต่อทันทีโดยไม่สนใจคนเด็กกว่าที่เดินตามหลังมาต้อยๆ ไม่ต่างอะไรจากลูกเป็ดติดแม่เลยแม้แต่น้อย
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องแสงลอดผ่านอาคารบ้านเรือนจนเป็นรูปเงาทาบทับทั้งสองร่างที่เดินแนบเคียงกันพลางก้าวเดินไปตามเส้นทางอย่างเนิบนาบไม่ช้าไม่เร็ว
" เออ เมื่อกลางวันที่พูดบนเวที "
" หมายความว่ายังไงหรอ ? "
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบที่มีเพียงเสียงของผู้คนและยานพาหนะดังคลอเคลียแผ่วเบา กลับมีเสียงทุ้มหลุดออกมาจากริมฝีปากบางทั้งๆที่ดวงตาเรียวสวยยังคงจับจ้องมองตรงไปข้างหน้าพร้อมกับจังหวะการก้าวเดินที่มั่นคงและหนักแน่น
ตรวกันข้ามกับคนที่เด็กกว่าที่เมื่อได้ยินในสิ่งที่เราอีกคนพูดกลับชะงักฝีเท้าหยุดเดินแล้วนิ่งงันไปทันที
นัยน์ตาสีอำพันมีประกายของความกลัววาดผ่านเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะแปรเปี่ยนกับมาเป้นแววตาที่สดใสและมั่นใจดังเดิม
ไม่นานนักหลังจากที่แสงเหนือชะงักค้างๆป ริมฝีปากบางแดงระเรื่อเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะอ้าออกเพื่อเอื้อยเอ่ยถ้อยคำที่เก็บซ่อนเอาไว้ในหัวใจดวงน้อยมานานแสนนาน
" ผมชอบพี่ครับ "
คนเป็นพี่เมื่อได้ยินแบบนั้นพลันหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของนัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายงดงามราวกับอัญมณี
นัยน์ตาสีน้ำเงินมองสบกับนัยน์ตาสีเหลืองทองพลางค้นหาแววหยอกล้อจากนัยน์ตาสีสวยนั่น แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่ว่าจะมองกี่ครั้งกลับไม่เห็นท่าทีหยอกล้อจากอีกคนแม้แต่น้อย
" จริงจัง ? "
...
" ครับ จริงจัง "
อำพันตรงหน้าทอประกายมองมาอย่างหนักแน่นและจริวจัง
ไม่แท้แต่จะมึแววหยอกล้ออยู่ในดวงตาคู่นั้น มีเพียงความจริงใจและความรู้สึกทั้งหมดที่ถ่ายทอดออกมาจนคนมองได้แต่นึกอึดอัดอยู่ในใจ
" ไม่รุ้จะตอบอะไรเลยว่ะ "
เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนแต่กระนั้นมือเรียวกลับยกขึ้นลูบศีรษะที่เต็ไปด้วยเส้นผมสีอ่อนนุ่มลื่นมือแล้วลูบไล้เบาๆอย่างปลอบใจเพียงเท่านั้นก็ผละออกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังต่ออีกว่า
" แต่ - กูไม่คิดจะเปิดใจ "
" ไม่อยากมีแฟนด้วย "
แม้ว่าคำตอบของคนเป็นรุ่นพี่จะทำให้นัยน์ตาสีเหลืองทองสั่นไหวจนปลายมือและเท้าชาไปหมด แต่ก้อนเนื้อในอกกลับกู่ร้องไม่ให้เขายอมแพ้ในตอนนี้และมั่นใจได้เลยว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
ว่าแล้วก็เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มแลดูมั่นคงในความตั้งใจนี้
แม้ว่าในใจจะสั่นไหวจนน่ากังวลก็ตาม แต่เรื่องแบบนี้เขาย่อมยอมรับในผลของการตัดสินใจของตนเองอยู่แล้ว
" ครับ ผมรู้ "
แสงเหนือกล่าวตอบไปด้วยรอยยิ้มแม้จะรับรู้ได้ถึงรสชาติขมปร่าในปากราวกับกลืนยาขมก็ตาม ฝ่ามือหน้ากำแน่นก่อนจะผ่อนคลายลง
" ผมรู้ แต่ว่าหิวจังเลยนะครับเนี่ย "
กล่าวทวนอีกครั้งก่อนที่จะรีบเอ่ยตัดบทชักนำบทสนทนาให้ไหัวข้ออื่นเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กกว่าตรงหน้ารู้สึกอึดอัด
เรียวขายาวก้าวเดินออกไปอย่างร่าเริงพร้อมเอ่ยชวนคนเป็นรุ่นพี่ให้เดินตามไปอย่างเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหวานหยดยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าถูกส่งให้คนหน้านิ่งอีกคน
" เออ หิว ไป "
เจ้าคุณเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอีกคนดูกระตือรือร้น มีพลังงานอย่างล้นเหลือจึงไม่ได้คิดติดใจอะไรกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูผ่อนคลายลงหลายเท่าพร้อมกับก้าวขายาวๆเดินตามคนข้างหน้าไป
โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนข้างกายกลับมีสีราวกับกำลังแตกสลาย ดวงตาเรียวที่เคยสดใสไม่ต่างอะไรกับดวงดาวดวงน้อยตอนนี้คลายจะมีหยาดน้ำคลออยู่ที่หน่วยตาเล็กน้อย
รู้อยู่แก่ใจ
คงจะเป็นคำที่อธิบายสถานะตอนนี้ได้ดีที่สุด ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกแต่กลับไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย
ทั้งๆที่รู้ว่าพี่เขาชอบใคร
ยิ่งคิดหัวใจดวงน้อยยิ่งปวดหนึบจนแทบจะร้องไห้ออกมาแต่คงจะทำไม่ได้ในเมื่อคนข้างๆที่กำลังเดินเคียงข้างเขาตอนนี้คือเจ้าของดวงใจที่เขาชอบมานาน
เพียงแต่ว่าความคิดแง่ลบกลับประเดประดังเข้ามาจนแทบจะตั้งตัวไม่ไหวแค่หายใจก็เจ็บข้างในอกไปหมด
สายตาที่มองมาไม่เคยเป็นเราตั้งแต่ต้น สายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่นั้นไม่เคยหันมามองเรา
ทำไมเขาจะไม่รู้ เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันสวยงามรู้ตัวดีและรู้มาโดยตลอด ที่ตรงนั้นในหัวใจคนตัวเล็กกว่าไม่ใช่ของเขามาตั้งแต่ต้น
การเดินเคียงข้างกันอาจช่วยปลอบประโลมดวงใจดวงนี้ได้ แต่ถึงหลอกตัวเองไปก็คงจะไม่ได้ผลถึงแม้กายจะใกล้กันมากเพียงใดแต่ทว่าระยะห่างระหว่างเราก็ยังมากยิ่งกว่า
เดินข้างกันไปเท่ใด ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ไม่ได้ใกล้ขึ้นมา
ต่อให้เขารักคนตรงหน้ามากเท่าไหร่ ก็ไม่อาจครอบครองหัวใจของเขาได้
" พี่กินลูกชิ้นปิ้งไหมครับ "
แม้ในหัวใจของแสงเหนือจะเจ็บแค่ไหนแต่ใบหน้ากับริมฝีปากก็ยังคงแย้มยิ้มสดใสเช่นเคยราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
" กิน นำไปดิ "
" ครับ "
________________________________________________________________________________
บทที่ 2
รอยยิ้มบางเบาวาดประดับบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างที่เคยเป็นจนคนที่ผ่านไปผ่านมาได้แต่แอบมองแล้วหันไปซุบซิบกันอย่างออกรส นัยน์ตาสีเหลืองเหลือบมองเจ้าของร่างสูงโปร่งที่อมข้าวเอาไว้ในกระพุ้งแก้มจนดูนุ่มฟูกว่าปกติดูไปดูมาคล้ายก้อนโมจิสีขาวนุ่มมากกว่าเสียอีก
แต่ก้อนโมจิที่ว่านั้นกลับใช้นัยน์ตาสีน้ำเงินอมม่วงแววาวทอประกายอย่างเบื่อหน่ายมองรุ่นน้องที่นั่งร้องเพลงเรียกสายตาคนทั้งโรงอาหารให้หันมาจับจ้องมองมาทางนี้เป็นที่เดียวกันแต่ดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงเพลงทุ้มนุ่มนี้จะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าตนได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งโรงอาหารเสียแล้ว
แต่จะรู้ตัวได้ยังไงกันในเมื่อสายตาของแสงเหนือนั้นมีแต่เจ้าคุณเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าฝ่ายเจ้าคุณเองจะทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าใดนักแต่การที่ยังนั่งนิ่งใช้เรียวมือตักข้าวเข้าปากแล้วอมเอาไว้ ไม่ได้ลุกขึ้นมาไล่ตีเข้าก็คงจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีกคนนั้นไม่ได้ไม่พอใจอะไรมากมาย
และเมื่อบทเพลงของแสนหวานท่ามกลางโรงอาหารที่เต็มไปด้วยผู้คนจบลง เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มและดวงหน้าหล่อเหลาก็หันมามองคนเป็นพี่ทันทีพลันยิ้มกว้างจนแทบจะมีประกายเเสงระยิบระยับออกมา
" พยายามชิบหาย ไม่อายบ้างหรอวะ "
เจ้าคุณเอ่ยออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนจะรีบตัดข้าวเข้าปากเพื่อกลบเกลือนอารมณ์ที่กำลังจะเดือดปุดๆ พลางใช้สายตามองไปยังเจ้าเด็กน่าตีที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่ไกลริบ
" มึงก็ไปว่าน้องมันอีคุณ "
เสียงแหลมใสของหญิงสาวสูงโปร่งคนหนึ่งดังขึ้นมาข้างๆกายของเจ้าคุณพร้อมกับแก้วน้ำหวานสีแดงสดใสเหมาะสำหรับดื่มในวันที่แดดแรงแบบนี้เป็นที่สุด
ใบหน้าสวยสง่าของเจ้าหล่อนแอบชะเง้อมองรุ่นน้องหนุ่มอย่างอยากรู้อยากเห็นก่อนจะหันมายิ้มกรุมกริมให้กับเพื่อสนิทของตนเอง
" กูล่ะสงสัยจริงๆ น้องมันหลงเสน่ห์มึงตรงไหน ปากก็หม๊าหมา
" อ้าวเจ๊ อยู่ดีไม่ว่าดีไม่อยากแดกแล้วมั้งครับน้ำแดง มาแดกตีนกูก่อนเลยมา "
ร่างสูงโปร่งทำทียกเท้าขึ้นมากะจะถีบหญิงสาวอีกคนอย่าหยอกล้อ ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ในหัวกลับไม่มีความคิดที่จะทำร่ายเพื่อนสาวข้างกายแม้แต่น้อย
" กรี๊ด สมชาย อีคุณจะถีบกู "
ว่าแล้วก็พาร่างอรชรเคลื่อนกายไปหลบหลังกายหนาของชายหนุ่มหน้าตาร่าเริงที่พึ่งเดินถือจานข้าวเข้ามาร่วมวงสนทนา
" เจ๊ อย่าดึงเดี๋ยวไก่ทอดกูร่วง เจ๊ เจ๊ !! "
ร่างทั้งสามยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาทั้งๆที่ในตอนแรกเจ้าคุณยังนั่งอยู่บนโต๊ะตัวยาวอยู่เลย แต่แค่พริบตาเดียวก็วิ่งมาดึงเสื้อของสมชายด้วยอีกคน ด้วยแรงของสองคนนั้นกับแรงของเจ้าของจานไก่ทอดเพียงคนเดียวคงจะสู้ไม่ได้ ทำให้ร่างทั้งร่างเสียหลักลงไปนอนแผ่หล่ากับพื้นโรงอาหารด้วยสภาพที่ดูไม่ได้
" ฮื่อ ไก่ทอดกูเจ๊มุก มึงเลย เพราะมึง "
จากที่นอนแผ่อย่างหมดสภาพในตอนแรกเมื่อรับรู้ได้ว่าจานไก่ทอดแสนอร่อยไม่ได้อยู่ในมือแล้วก็ลุกขึ้นพรวดพลาดรีบหันซ้ายแลขวาอย่างตั้งใจ ก่อนที่จะเห็นชิ้นไก่เนื้อนุ่มกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
สมชายหันมามองทางเขาอย่างคาดโทษก่อนจะเล่นใหญ่ทำทีร้องห่มร้องไห้เหมือนไก่ชิ้นนั้นเป็นไก่ทองคำแสนมีค่าก็ไม่ปาน ทั้งยังใช้มือทุบพื้นออนวอนขอความเห็นใจกับพระเจ้าที่โดนโชคชะตากลั้นแกล้ง
ชายหนึ่งและหญิงหนึ่งที่มองอยู่ได้แต่กลั้นขำจนตัวสั่นแต่สักพักก็ต้องหยุดทันทีพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ
" สมชาย มึง"
" สมชายเหี้ยอะไรล่ะพี่ กูชื่อซันชายน์ "
" ไม่คือมึง มึงไม่เข้าใจนะอีชาย "
เสียงแหลมสูงหลุดออกมาจากลำคอเล็กของผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม โดยที่นัยน์ตาสีน้ำเงินยังคงมองตรงหน้าก่อนจะหลุดขำออกมาอีกครั้ง
เพราะที่พื้นตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองนปรากฎร่างสูงใหญ่ผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวระต้นคอ พร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาที่บีบน้ำตาท่าทางน่าสงสาร ชุดนักเรียนสีขาวยับยู่ยี่จนไม่มีชิ้นดี
รวมถึงเศษชุดนักเรียนกลางหลังที่ขาดเป็นรูกว้างอวดแผ่นหลังขาวเนียนที่มีกล้ามเนื้อประปรายจนน่าสัมผัส
" ไม่ไหวแล้วโว้ย 5555555 "
ริมฝีปากสีแดงระเรื่ออ้าออกส่งเสียงขำจนดังไปทั่วทั้งบริเวณจนคนรอบด้านหันมาสังเกตแล้วหลุดขำกันไปตามๆกัน
" อะไรวะ ? "
"ห หลังมึง "
" หลังกูทำไมอ่ะพี่ ผีอ่อ "
เจ้าคุณไม่ตอบคำถามของเด็กตรงหน้าทำเพียงยกมือให้อีกคนหยุดแล้วขำต่ออย่างออกรส ก่อนที่สตรีเพียงหนึ่งเดียวของกลึ่มจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วตัดสินใจเอาไปให้คนงงดูเพื่อชี้แจงแถลงไขให้ตาสว่าง
แน่นอนว่าหลังจากเห็นรู้ดังกล่าวสมชายก็ตะโกนร้องเสียงหลงกลางโรงอาหารทันที
" 55555555555 "
เสียงหัวเราะดังขึ้นคลอเคลียมาตามสายลมจนแสงเหนือต้องมองไปดู จนพบกับรอยยิ้มของดวงใจของตนเองเข้าพอดิบพอดีเรียกความสนใจของเด็กหนุ่มให้หันไปจับจ้องมองภาพที่คนตัวเล็กกว่าเล่นกับเพื่อนอบ่างสนุกสนาน
" น่ารัก - "
ริมฝีปากนุ่มขยับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำบางประการออกมาด้วยนน้ำเสีนยงเบาหวิว
ก่อนที่จะเดินออกไปจากโรงอาหารยังไม่วายหันไแมองเจ้าของเรือนไหมสีเข้มอีกคนั้งก่อนจากกันแต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าอีกคนจะรู้ตัวเสียก่อนจึงหันมามองทางนี้อยู่ก่อนแบ้ส
คนเป็นเด็กกว่ายิ้มแย้มอจ่มใสจนราวกับทั่วโลกทั้งโลกถูกย้อมด้วยฤดูใบไม้ผลิให้กับเจ้าของดวงใจอย่างโง่งมจนคนที่ถูกส่งยิ้มให้จำต้องเบ้ปาก
ก่อนที่จะยกนิ้วกลางชูขึ้นในระดับสายตาหวังให้อีกคนเห็น
แต่แทนที่คนเด็กกว่าจะสลดกลับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมพลางเอามือป้องปากขำเบาๆอย่างสุขใจ
" รู้เหี้ยอะไรบ้างเนี่ยไอ่เด็กเหี้ย "
นัยน์ตาสีเข้มมองตามร่างสูงโปร่งจนลับสายตาก่อนจะหันกลับมาสนใจเหล่าเพื่อนสนิทของตัวเอวที่ยังโหวกเหวกโว้ยวายไม่หยุดไม่หย่อน
แล้วถ้าเกิดย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อนที่แล้ว-
ตั้งแต่วันที่พวกเขาทั้งสองคนเดินไปหาอะไรทานกัน หลังจากนั้นเขาก็มักจะเห็นเจ้าของนัยน์ตาสีเหลืองสวยงามอยู่บ่อยๆ แถมเจอกี่ทีก๋ยิ้มก็กวนจนอยากตะประเคนบาทาใส่อีกคนให้รู้แล้วรู้รอด
ติดที่อยู่ที่ว่าพอจะดูทีไรก็ใจอ่อนกับสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมาอยู่เรื่อย
" กูไม่แดก "
" พี่ไม่ต้องกินตอนนี้ก็ได้นะครับ "
บางทีเจ้าคุณก็ได้แต่แอบสงสัยว่าเจ้าเด็กคนนี้แอ๊บนิสัยนุมนิ่มต่อหน้าคนอื่นหรือเปบ้า เพราะเวลาอยุ่กับตัวเองเด็กคนนี้ติดจะขี้เล่นมากกว่าที่ขึ้ยเสียอีก
ทั้งการที่ชอบเอาขนมมาให้ ทั้งเล่นดนตรีให้ฟัง สารพัดการจีบที่ทำให้เขาต้องถอนหายใจ
" ปัญญาอ่อนว่ะพวกมึง กูไปละ "
?
เพื่อนทั้งสองคนได้แต่มองตามคนที่พึ่งอ้สปากด่าเขาทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเดินนวยนาดออกไปราวกับประโยคเมื่อครู่เป็นการอวยพรหรือแค่ประโยคทั้งทายเท่านั้นอย่างงงงวย
ในใจของทั้งสองคนคิดเป็นสิ่งเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆด้วยความไม่เข้าใจ
อะไรวะ
ทางเจ้าคุณที่เดินออกมาก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือตามปกติ ขาเรียวพาร่างสูงโปร่งเข้ามาที่ห้องสมุดสถานที่ประจำของเขาอย่างคุ้นชินโดยไมาจำเป็นต้องมองทาง
มือเรียวเอื้อมเปิดบานประตูเลื่อนเข้าไป อากาศเย็นฉ่ำข้างในกระทบผิวกายช่วยลดความแสบร้อยจากแดดข้างนอกได้เป็นอย่างดี
" . . . "
เมื่อเข้สมาแล้วดวงตาเรียวสวยพลันกวาดตามองไปโดยรอบก่อนที่จะหยุดอยุ่ตรงเรือนร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
เมื่อพบกับเป้าหมายแล้วไม่รอช้าสาวเท้าเข้าไปหาอีกคนที่นั่งหลังตรงอย่างสง่าผ่าเผยทันที
" ไง "
" อ่ะ สวัสดีครับพี่เจ้าคุณ "
นัยน์ตาสีอำพันแสนมีเสน่ห์ละออกจากโทรศัพท์มือถือทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มน่าหลงใหล ริมฝีปากบางแย้มยิ้มจนไปถึงดวงตามอบให้เจ้าคุณที่กำลังมองมา
เจ้าคุณใช้สายตากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของคนที่ส่งรอยยิ้มหวานล้ำมาให้เขาอย่างโง่งมแล้วได้แต่ขมวดคิ้วหมุ่นในใจ
อาจเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตร่างโปร่งตรงหน้าเท่าใดนัก แต่พอสังเกตแล้วจะเห็นได้ว่าเจ้าของเรือนไหมสีอ่อนตรงหน้าเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวไปเล็กน้อย ยังไม่รวมถึงทรงผมที่ดูเหมือนจะถูกเซ็ตมาน้อยๆจนผมที่เคยปรกหน้าถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าเรียวพร้อมกับสันกรามเด่นชัดยิ่งขึ้น
หลังจากที่มองจนพอใจแล้วเขาก็ตัดสินใจทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างๆกันกับอีกคนอย่างไม่ติดใจอะไร เพราะการแต่งกายยังไงเสียก็เป็นสิทธิของเจ้าตัวเอง อีกคนจะเปลี่ยนอะไรยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา
อีกอย่างใช่ว่าจะไม่ดูดี แต่ตรงกันข้ามกันเลยต่างหาก ..
ทั้งดวงตาดอกท้อมีเสน่ห์เย้ายวน นัยน์ตาสีอำพันที่เปล่งประกายวาววับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายาราตรีที่ค่อยเป็นแสงนำทางผู้คนเมื่อความมืดเคลื่อนตัวเข้ามา ริมฝีปากกระจับบางสวยพร้อมทั้งแดงระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ จมูกโด่งรั้นรับกับใบหน้าเรียวที่ยิ่งเสยผมก็ยิ่งเห็นสันกรามเด่นชัดประกอบกับเรือนผมสีบลอนด์ซีดดูนุ่มลื่นเหมือนขนมสายไหม
แล้วเมื่อเลื่อนสายตาลงต่ำมองเรือนร่างที่ถูกปกปิดด้วยชุดนักเรียนตัวโครง ดูแล้วก็แสนบอบบางน่าทนุถนอมแต่หากลองสัมผัสเพียงเล็กน้อยจะรู้สึกได้ถึงความแข็งจากมวลกล้ามเนื้อที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน
ถ้าพูดตามความเป็นจริงก็คงพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า แสงเหนือเป็ฯคนที่หล่อ -
ไม่ว่าจะก่อนหน้าหรือตอนนี้ แต่ดูเหมือนว่าลุคใหม่นี้จะทำให้เหล่าแม่ๆทั่วโรงเรียนแทบจะเป็นลมก็เถอะ
" พี่เจ้าคุณว่าเพลงเมื่อกี้เป็นยังไงบ้างครับ ? ถ้าถูกใจผมจะโทรไปร้องให้ฟังบ่อยๆ "
เจ้าคุณที่เอาแต่จ้องคนเด็กกว่าชะงักทันทีที่อีกคนพูดจบ นัยน์ตาสีเข้มจดจ้องไปยังใบหน้ายิ้มแย้มน่าหมั่นไส้ก่อนจะยกมือตีไหล่หนาเต็มแรง
" ใครอนุญาตให้โทร แล้วเพลงเหี้ยอะไรหวานชิบหาย "
ขยับปากบ่นอุบอิบพร้อมทั้งทำร้ายร่างกายอีกคนแล้วยังไม่พอใจ เมื่อพูดจบเลยขย้ำเสื้อกันหน้าของตนเองแล้วโดยใส่ใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มๆด้วยความหมั่นไส้ปนหงุดหงิด
แต่แทนที่รุ่นน้องจอมปากหวานจะสลดกลับหัวเราะออกมาเสียงใสพลางทำหน้าระรื่นไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับแรงที่ถูกฟาดลงไปทีไหล่เลยแม้แต่น้อยก่อนจะจีบปากจีบคอทำเสียงเล็กแหลมตอบกลับเขาอีกว่า
" โอ้ยๆ พี่เจ้าคุณผมเจ็บนะครับ "
ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาแล้วทำทีขยับศีรษะเข้าไปใกล้รุ่นพี่เจ้าของเรือนผมสีเข้มระต้นคอจนหัวแทบจะชนกันอยู่ร่อมร่อ ร่างทั้งสองแทบจะแนบชิดติดกันจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวของกันละกัน ในตอนนั้นเองที่เจ้าคุณสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมละมุนละไมติดเย็นที่ลอยมาแตะจมูก
กลิ่นหอมที่แตะจมูกทำให้คิ้วบางขมวดแน่นพร้อมทั้งย่นจมูกอย่างไม่คิดจะปิดบัง แน่นอนว่าเขาย่อมรู้อยู่แล้วว่ากลิ่นหอมนี้ลอยมาจากไหนยิ่งใกล้ยิ่งได้กลิ่นชัดเจนโดยที่ทั้งห้องสมุดมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
" ฉีดน้ำหอมรึไง ? "
ใบหน้างดงามขยับเคลื่อนเข้าไปใกล้ร่างสูงโปร่งของคนอายุน้อยกว่าพลางสูดกลิ่นหอมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
ว่ากันตามตรงเขาค่อนข้างไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้เท่าใดนัก ไม่ใช่เพราะฉุนแต่เป็นเพราะดูไม่เข้ากับอีกคนอย่างน่าแปลกใจ
" ผมเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมน่ะครับ "
ร่างทั้งร่างของแสงเหนือชะงักค้างไปก่อนที่จะเอ่ยตอบคนอายุมากกว่าเสียอีกทั้งใบหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้จนเห็นแพขนตาที่ขยับไหวตามจังหวะการกระพริบของดวงตาเรียวหงส์ ทั้งยังเครื่องหน้าต่างๆ ทั้งแก้มนวล ริมฝีปาก คาง จมูก มองกี่ทีก็น่าหลงใหลไปเสียหมด
กล้ามเนื้อในอกของแสงเหนือทำงานหนักจนแทบจะออกมาเต้นภายนอกแทนที่จะเป็นข้างใน
" ทำไมล่ะ " เจ้าคุณมองเด็กตรงหน้าที่ดูเหมือนจะเกร็งกว่าปกติด้วยความสงสัย
คนเด็กกว่าเมื่อโดนถามแบบนั้นก็นิ่งค้างไป ในหัวที่ประกอบไปด้วยสมองเล็กๆหมุนเร็วเพื่อหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำมาตอบอีกคน
ถ้าเกิดหลุดปากออกไปว่าที่ลองทำอะไรใหม่ๆเพียงเพื่อให้คนอายุเยอะกว่าสนใจตนบ้างเพียงเท่านั้น
แถมเหล่าเพื่อนพ้องก็ชอบใส่ไฟให้เขาทำตัวให้เท่ขึ้นเพื่อมัดใจรุ่นพี่แสนสวยตรงหน้าอีกด้วย
" เอ่อ อยากลองครับ "
หลังจากที่ใช่สมองคิดกลับไปวนมาจนไม่มีทางไป แสงเหนือก็อ้างเหตุผลง่ายๆอย่างอยากลองออกมา
เจ้าคุณที่ได้คำตอบอย่างทีอีกฝ่ายพูดก็เอากลับมาคิดทบทวนในสมองเพียงครู่เดียวก็พยักหน้าให้อีกคนอย่างเข้าอกเข้าใจ
ถ้านับตามความจริงวัยของแสงเหนือก็เข้าสู่วัยอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีแล้ว การเปลี่ยนไปใช้น้ำหอมกลิ่นอื่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
" วัยแตกหนุ่ม ? "
" ผมเลยวัยนั้นมาแล้วครับพี่ ผม 16 แล้วนะ "
ใบหน้าหล่อเหลางอง้ำอย่างกับเด็กตัวเล็กๆ แก้มนุ่มอมลมเอาไว้เต็มเปี่ยมจนพองฟู่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
" เด็กอยู่ดี "
เจ้าคุณกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาแววาวเหมือนแซฟไฟร์จับจ้องมองเด็กตรงหน้าก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไม่รอให้อีกคนได้ตอบโต้ก็หันหลังเดินไปโดยที่ไม่ลืมหันมาบอกเด็กแก่แดดข้างหลัง
" ไปละ จะไปเรียนชีวะ "
ว่าจบก็รีบเดินออกมาทิ้งเจ้าเด็กตาสีอำพันเอาไว้ให้นั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางห้องสมุดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ
" เดี๋ยวผมก็โตแล้ว - "
เสียงทุ้มน้ำเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวพลางมองตามร่างสูงโปร่งที่เดินหนีออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์
เมื่อลับสายตามือเรียวของชายหุ่มนเจ้าของนัยน์ตาสีสวยก็รวบของบนโต๊ะเอามาเรียงกันอย่างเป็นระเบียบแล้วช้อนขึ้นแนบอกแล้วเดินออกไปหวังกลับตึกเรียน
ตัดภาพมาทางคนที่เดินออกมาก่อนอย่างเจ้าคุณ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มกระทบกับแสนแดดจนทอประกายแวววาว
ขาเรียวยาวก้าวเดินอย่างสม่ำเสมออย่างมั่นคงมุ่งหน้าไปยังตึกเรียนด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ
" มีอะไรดีๆเกิดขึ้นหรอจ๊ะพ่อหนุ่ม "
ฉับพลันข้างกายกลับมีเสียงเล็กเเหลมของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของมุกเพื่อนสนิทของเจ้าคุณ
แขนบอบบางของสตรียกพาดไปที่ไหล่หน้าของเพื่อนชายทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัว ใบหน้าสวยประดับรอยยิ้มหยอกล้ออย่างไม่คิดจะปิดบัง
เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็ทำหน้าบึ้งตึงทันทีแสดงให้เห็นถึงความไม่สบอารมณ์ ริมฝีปากเตรียมเปิดออกด่าเพื่อนสาวข้างกายอย่างเต็มที่
แต่เมื่อปากเปิดออกเพื่อนสาวคนสนิทกลับรู้ทันใช้มือข้างที่ว่างยัดอมยิ้มรสสตรอเบอร์รี่เข้าปากเพื่อนหนุ่มเต็มแรง
" แค่ก - ! "
เจ้าคุณไอออกมาอย่างแรงจนน้ำหูน้ำตาไหลเต็มไปหมดโดยมีเพื่อนสาวผู้เป็นต้นเหตุคอยลูบหลังอยู่ใกล้
" มึงจะฆ่ากูหรอมุก ไอเหี้ย "
" ไม่ดีกว่า กลัวผีมึงมาหรอก รอกูหาหมอผีให้ได้ก่อน "
ร่างสูงโปร่งได้แต่มองหญิงสาวข้างกายด้วยนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่มีทอประกายคุกกรุ่นเหมือนกำลังลังก่นด่าผ่านทางสายตาอย่างไรอย่างนั้น
"โอ๋ๆ เจ้าคุณลูกแม่ มาม๊ะขอโทษค่ะ "
" ทุกคนมีมแม่คนเดียวนะคับเจ๊ "
น้ำเสียงติดขี้เล่นดังขึ้นมาจากข้างหลังพร้อมกับการปรากฎกายของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเด่นเป็นสง่า เส้นผมสีน้ำตาลส้มยาว
บทที่ 3
แสงสว่างที่เคลื่อนหายไปถูกทดแทนด้วยสีของยามรัตติกาล หากเงยหน้ามองขึ้นไปจะเห็นดวงจันทราลอยเด่นเป็นสง่าอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเหล่าดวงดาราที่ประดับประดาอยู่เต็มฟากฟ้า
ขาเรียวตวัดก้าวลงจากรถมอเตอร์ไซค์อย่างกระฉับกระเฉงเมื่อรถจอดแน่นิ่งที่หน้าประตูรั้วบานใหญ่บานหนึ่ง
เจ้าคุณมองสารถีตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออกเผยให้เห็นเรือนผมที่ปกติมักจะเรียบตรงเป็นทรงสวยงามกลายเป็นยุ่งฟูจนดูไปดูมาครับคล้ายครับคาเหมือนขนมสายไหมสีเข้ม นัยน์ตาสีเข้มหลุบมองหมวกกันน็อคสีเหลืองลายเป็ดแว่บหนึ่งก่อนจะส่งคืนสู่เจ้าขอของมันด้วยใบหน้าปั่นยาก
ฝ่ายเจ้าของหมวกที่เห็นท่าทีแบบนั้นก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตาสีอำพันโค้งราวกับจันทร์เสี้ยวเมื่อริมฝีปากแย่มยิ้มออกมา
" ขำอะไร "
คนที่ถูกหัวเราะพลันตอบโต้กลับทันทีพร้อมถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง เสียงทุ่มเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
" เปล่าครับ ใครจะกล่าขำพี่พี่น่ากลัวจะตาย "
น้ำเสียงทุ้มนุ่มติดขี้เล่นดังขึ้นเจ้าคุณรู้ได้ทันทีเลยว่าคนตรงหน้ากำลังแหย่เขาเล่นอยู่แน่นอน ดูจากน้ำเสียงและดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับนั้นเป็นใครก็คงจะดูออกทั้งสิ้น
" ตอแหล "
เสียงทุ้มเอ่ยวาจาร้ายกาจใส่คนเด็กกว่าแต่มีหรือที่เจ้าของดวงตาเป็นประกายระยิบระยับนั่นจะเกรงกลัว จะมีกํแต่เสียงทุ้มที่หลุดขำออกมาแผ่วเบาเหมือนดั่งตอนนี้
รอยยิ้มสดใสบิดเบี้ยวไปในทีเมื่อร่างสูงโปร่งกลั้นขำ ในสายตาแวววาวสะท้อนภาพของรุ่นพี่ที่ตัวเล็กกว่าทำหน้าตาทู่ทูจนไม่ต่สงอะไรจากแมวที่ขู่ฟ่อแฟ่
ใช่แล้ว ในสายตาของแสงเหนือรุ่นพี่ของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับเต้าเหมียวขนฟู่ตัวหนึ่ง
เจ้าคุณที่เห็นสายตาดูราวกับเอ็นดูเขานักหนายิ่งทำให้ไม่สบอารมณ์
ริมฝีปากบางหุบทันทีราวกับข่มกลั้นอารมณ์ เปลือกตาสีมุกปิดลงซุกซ่อนนันย์ตาสีสวยเอาไว้
,"ช่างแม่งละกัน กลับบ้านไปไป "
เมื่อมองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะให้คนเด็กกว่าอยู่ต่อก็เอ่ยปากไล่ทันทีอย่างไร้เยื่อใย แล้วหันหลังก้าวเข้าบ้านไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย
คนโดนไล่ได้แต่ยิ้มขำมองตามแผ่นหลังเหยียดตรงของอีกคนไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใส
เมื่อเห็นอีกคนเข้าบ้านไปแล้วก็หยิบหมวกขึ้นมาสวมทันทีแต่ก็ยังไม่วายหันไปมองประตูบ้านของคนเป็นรุ่นพี่อีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ
" อ้าวคุณ ทำไมกลับช้าเชียว "
เจ้าคุณที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มลึกน่าหลงไหลก็ปรายตามองเพียงเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปอยาางไม่ใส่ใจแต่ก็ไมาวายตะโกนตอบคำถามอีกคน
" เรื่องของเรา "
แม้ว่าจะเป็นการตอบคำถามที่ไม่ดีนักแต่ก็เรียกได้ว่านี่คือเอกลักษณ์ประจำตัวของเขาเลยก็ว่าได้
ว่าจบก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบนมขึ้นมากล่องหนึ่งแล้วถึงลูกชิ้นทอดขึ้นห้องโดยมีเสียงทุ้มตะโกนไล่หลัง
" คุณไม่กินข้าวหรอ "
ร่างโปร่งที่กำลังเดินขึ้นบันไดชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปติบกลับทิศเหนือ ด้วยน้ำเสียงที่คุมให้อ่อนลงต่างจากทุกคนที่เขาคุยด้วย
" เราไม่หิว ว่าจะกินแค่ลูกชิ้นที้ซื้อมา "
บอกแค่นั้นก็รีบเดินขึ้นห้องทันทีโดยไม่สนใจจะตอบอะไรอีก
พอเข้ามาถึงห้องแล้วเจ้าคุณก็เปิดไฟพร้อมกับจัดการถอดเสื้อฮู้ดออกทันที กะว่าจะนอนพักผ่อนพักหายใจหายคอสักนิดแล้วไปอาบน้ำชำระร่างกาย
ติ๊ง
แต่ยังไม่ทันจะได้ล้มตัวลงนอนเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นสีเขียวก็ดีงขัดขึ้นมาก่อน
ร่างโปร่งผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะยกมือถือขึ้นท่แล้วใช้นิ้ว้รียวกดลวไป
บนหน้าจอสี้หลี่ยมปรากฎชื่อไลน์ที่คุ้นเคยพร้อมทั้งข้อความที่ชวนให้คิ้วบางขมวดเข้าหากัน
มาที่หน้าต่างหน่อยครับ
ด้วยความสงสัยขายาวจึงก้าวลงจากเตียงแล้วเดินตรงดิ่งไปที่หน้าต่างทันทีแล้วเปิดม่านออก
สิ่งที่ปรากฎให้เห็นเมื่อมองลงไปคือรถจักรยานยนต์สีเหลืองอ๋อยพร้อมกับเจ้าของของมันที่ยืนโบกมืออยู่
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจชูนิ้วกลางใส่อีกคนอย่สงเปิดเผย
คนข้างล่างที่เห็นหลุดหัวเราะอออกมาอย่างชอบใจจนตาหยี่ไปหมด ในขณะที่มือเรียวโลกหน่อยกวนอารมณ์คนที่มองลงไปเป็นที่สุด
เมื่อเห๋นว่าอีกคนไม่สะทกสะท้านนิ้วเรียวจึงเริ่มกดรัวเร็วไปที่หน้าจอแล้วส่งข้อความไปหาเด็กหนุ่มเข็นของเรือนไหมสีอ่อนรางกับปุยนุ่นที่กำลังยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งอยู่เบื้องล่าง
กลับไปบ้านไปได้แล้วไอเหี้ย
ถึงจะเป้นข้อความแต่ก็สื่อถึงอารมณ์ตอนนี้ของเจ้าคุณได้ดีที่สุดจนน่าประหลาดใจเลยทีเดียว
ไม่นานนักเด็กหนุ่มข้างล่างก็ล้วงกระเป๋าหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำออกมากดอ่านข้อความด้วยรอยยิ้ม
เจ้าคุณเป็นอีกคนก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรสักอย่างครู่หนึ่งก่อนจะก้าวขาคร่อมรถเตรียมขับออกไปแต่ก็ไม่วายหันมาโบกมือให้เขาอีกรอบ
ไม่นานนักก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา ดวงตาสีน้ำเงินตวัดดูข้อความด้วยความรวดเรํวก่อนจะส่งอิโมจิชูนิ้วกลางไปให้ทีนึง
ผมแค่กลัวพี่คิดถึงเองครับ
บางทีเจ้าคุณก็สงสัยว่านักดนตรีมักจะคารมดีเสมอเลยรึเปล่า
เพราะเด็กคนนี้ถึงแม้ว่าจะดูใสซื่อแต่เวลาอยู่กับเขาอีกคนก็ดูเป็นคนโรแมนติกไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากที่ฟึดฟัดอยุ่พักใหญ่เจ้าคุณจึงตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปหวังจะชำระล้างร่างกายให้หายรอนเสียหน่อย
ร่างโปร่งขยับมือเกี่ยวเปิดน้ำให้ไหลรินลงมาช้ำเราเอาสิ่งสกปรกไปและเหงื่อออกจากรางกาย
ใบหน้าเรียวมีหยดน้ำเกาะตามกรอบหน้าและเส้นผม เรือนผมสีเข้มแนบลงไปตามพวงแก้มนุ่มพร้อมกับแพขนตาหนาที่หลับพริ้มดูสวยงามราวกับภาพวาดสศิลปะ ตามร่างกายขาวเนียนประดับไปด้วยหยดน้ำสีใสที่เกาะพรางพร่าวระยิบระยับไปตามด้วยมวลกล้ามเนื้อเรียงสวยน่าสัมผัส
กลิ่นหอมสบู่อ่อนๆลอยขึ้นมาแตะจมูกพร้อมกับมือเรียวที่ลูบไล้สบู่เนื้อขาวไปทั่วทั้งร่างกายทุกซอกทุกมุม
ดวลาในการดื่มด่ำกับสายน้ำเย็นสดชื่อที่ไหลลงมากระทบกับกายขาวกินเวลาไปมากกว่า 20 นาที
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนทันที
เบื่อแฮะ -
นิ้วเรียวกดเลื่อนมือถือเข้าเว็บไซต์นู่นนี่จนไม่รู้จะเข้าอะไร จนเวลาล่วงเลยไปนับชั่วโมง
จนกระทั่งได้ยินเสียงหวานหลุดลอยออกมาจากห้องข้างๆ การกระทำทั้งหมดพลันชะงักไปด้วย
อ๊ะ เหนืออย่า
เสียวครวญครางหวานดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสมองที่เริ่มตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
ในค่ำคืนที่ผู้ปกครองไม่อยู่พร้อมกับคู่รักที่อยู่กันสองคนมันก็คงจะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มวูบไหวทุกครั้งที่เสียงหวาดดังคลอเข้ามาในหู ภายในใจเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สมควรเกิดขึ้นขึ้นมา
เจ็บ
เจ็บจนปวดหนึบไปหมด
..
ติ๊ง
ในจังที่เขากำลังจะดำดงเข้าสู่ห้วงลึกแสนข่มขืนในจิตใจพลันเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
นัยน์ตาสีน้ำเงินกลับมามีประกายอีกครั้งก่อนจะกดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งมา
พี่นอนรึยังครับ ?
เมื่ออ่านคำถามนั้นเสร็จก็เลื่อนสายตาไปดูที่เวลาครู่่หนึ่งแล้วคิดในใจว่าเวบาเเค่นี้ จะนอนได้ยังไง
นิ้วเรียวเริ่มขยับแล้วพิมพ์ตอบอักคนไปด้วนใยหน้านิ่งเรียบ
ใครจะนอน แค่ 3 ทุ่ม
หลังจากเพิ่มจบเขาก็เหมือนจะนึกถึงร้อยยิ้มแป้นที่มักจะเห็นอยู่บ่อยๆเมื่อถูกใจ
ถ้าไม่รบกวน คอลกันไหมครับ
คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วก็พิมพ์ปฏิเสธไปตรงๆ
แต่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงหวานดังขึ้นมาอีกครั้ง จึงไม่รอช้ากดปุ่มสีเขียวทันทีที้งๆมี่ก่อนหน้านั้นปฏิเสธอีกคนไปเสียงแล้ว
ีอสักครู่อีกคนก็รับสาย
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงกุกกักที่ดังรอดเข้ามา
เจ้าคุณไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้ริมฝีปากของตัวเองกำลังโค้งขึ้นทีบะน้อยจนเกิดเป็นรอยยิ้มเล็กๆแสนหายาก
" เเปปนึงนะครับพี่เจ้าคุณ "
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาก่อนจะตามมาด้วยเสียงกึกกักที่ดังกว่าเดิม เจ้าคุณยังไม่ได้พูดอะไรออกไปทำเพียงนั่งรออีกคนเตรียมตัวเวียบๆ
เสียงแบบนี้ก็ผ่อนคลายดี-
หลังจากผ่านไปประมาณห้านาทีได้เสียงกุกกักนั่นก็หายไปแทบที่ด้วยเสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยที่ดังลอดออกมาแทนที่
" ขอโทษที่ให้รอนะครับ "
" อือ แล้วทำอะไรเสียงดัง "
เจ้าคุณเอ่ยถามปลายสายด้วยเสียงโมโนโทนขณะรอคำตอบก็ขยับตัวไปหยิบลูกชิ้นทอดมากินอย่างสบายอารมณ์สลับกับดื่มนมให้ชื่นใจ
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ในอกหนารู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาดเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มที่มักจะคุยกับเขาอย่างอ่อนโยนเสมอ บางครั้งเจ้าคุณก็นึกอิจฉาแสงเหนืออยู่เหมือนกัน
ในตอนแรกเขาเคยแอบคิดว่าบางที่แสงเหนืออาจมีอะไรคล้ายๆตน แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าเจ้าของนัยน์ตาสีเหลืองอำพันที่มักจะมองตรงมาที่เขาด้วยความรักใคร่อยู่เสมอนั้นแตกต่างจากเขามากเพียงใด
แสงเหนือนั้นมีความกล้า
ความกล้าที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงดูก็รู้แล้ว อย่างน้อยๆก็กล้ามากพอที่จะบอกควารู็สึกของตัวเองให้ใครสักคนฟัง และซื่อตรงในความรู็สึกของตัวเองเสมอ
ต่างจากเขาที่ทั้งขี้ขลาดและขี้กลัว ทั้งยังนิสัยที่มักจะไม่ยอมรับความจริงจนต้องรอให้สิ่งนั้นจากไปก่อนถึงจะรู้สึก
" พี่เจ้าคุณ ? "
..
" พี่เจ้าคุณครับ "
เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติที่หลุดลอยไปของเจ้าคุณให้คืนกลับมาอีกครั้งมือเรียวหยิบมือถือที่ตั้งทิ้งเอาไว้ขึ้นมาแล้วกรอกเสียงลงไป
" อะไร "
เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยออกไปขณะเดียวกันก็จ้องหน้าจอสีเหลี่ยมราวกับเจ้าเด็กปลายสายจะโผล่ออกมาแทนที่
" ผมเห็นพี่เงียบ เป็ฯอะไรรึเปล่าครับ หรือง่วง ? "
" เปล่า ไม่ได้ง่วง "
เจ้าคุณตอบกลับอีกคนไปก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพลางหยิบผ้าห่มสีเข้มมาคลุมตัวหลบซ่อนตัวจากความหนาวเย็นของเครื่องปรับอากาศจนกลายเป็นก้อนขนสีดำบนเตียงใหญ่
" จริงนะครับ "
ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงราวกับเกรงใจจนเจ้าคุณนึกภาพออกได้ทันทีว่าตอนนี้อีกฝ่ายคนจะทำตาละห้อยเหมือนลูกหมาถูกทิ้งอยู่เป็นแน่
" เออ ถามมากจริง แล้วจะคอลทำไม "
ริมฝีปากแดงระเรื่อขยับเอ่ยด้วยน้ำเสียที่แฝงความติดหงุดหงิดเอาไว้อย่างชัดเจนจากนั้นก็ยกนมขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด
ทำให้คนที่อยู่ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกมาอย่างไม่เต็มเสียง
" ผมอยาก .. ร้องเพลงให้พี่ฟัง "
เกิดเดธเเอร์ขึ้นทันทีที่อีกฝั่งพูดจบ แสงเหนือเม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อยอย่างประหม่าพลางคิดในใจไปในแง่ร้ายต่างๆนาๆ
อย่างมากก็โดดด่า
อย่างน้อยก็โดนวางสายใส่แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องกลัวเลย
" เอาสิ "
แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเหนือกว่าที่คาดไว้มาก ไม่มีน้ำเสียงแข็งทื่อที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิด แถมยังอนุญาตอีก
ราวกับระยะห่างที่อีกคนขีดเอาไว้ค่อยๆลดลงจนก้อนเนื้อในอกเต้นถี่รัว ความร้อนเริ่มลุกลามไปทั่วใบหน้าจนขึ้นริ้วแดงไม่ต่างอะไรกับลูกตำลึง
" ได้ จริงๆหรอครับ "
เสียงทุ้มนุ่มดูแหบพร่ามากขึ้นจนทำให้ชายหนุ่มผู้มีเรือนไหมสีเข้มขนลุกซู่ที่ต้นคอ ก้อนเนื้อในอกเต้นผิดจังหวะไปเพียงเสี้ยววิก่อนจะกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างน่าประหลาด
มือเรียวของเจ้าคุณจับเข้าที่กลางอกของตนเองอย่างแปลกใจก่อนจะกลับมาสนใจปลายสายอีกครั้ง
" เออ "
เสียงตอบรับสั้นห้วนดังขึ้นทำให้นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายมากกว่าเก่าด้วยความดีใจ ดวงตาสีสวยวาววับระยิบระยับไม่ต่างอะไรจากดวงดาราบนฟากฟ้าแม้แต่น้อย
ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหาหันเล็กน้อยกลั่นเสียงหวีดร้องด้วยความดีใจเอาไว้อย่างสุดกำลัง
" เปิดกล้องนะครับ "
" อยากเปิดก็ตามใจ "
เสียงตอบรับทันควันยิ่งที่ให้ใจด้วยน้อยสั่นระรัวยิ่งกว่าเก่า ริมฝีปากแย้มยิ้มจนเห็นแก้มนุ่มชัดเจนพร้อมกับดวงตาที่โค้งหยี่คล้ายจันทร์เสี้ยว
นิ้วเรียวยกขึ้นแล้วจิ้มลงไปที่ปุ่มรูปกล้องไม่นานนักอีกฝ่ายก็เปิดกล้องบ้าง ทำให้แสงเหนือเห็นคนตัวเล็กกว่าที่อยู่ในชุดนอนสีกรมพอดีตัว แล้วถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรนั้นก็น่ารักมากอยู่ดี
ทั้งยังเรือนผมสีเข้มที่ปกติมักจะตรงเรียบอยู่เสมอตอนนี้กลับฟู่ขึ้นเล็กน้อยจนดูน่ารักขึ้นมาทันที
เจ้าคุณเองก็มองสำรวจคนเด็กกว่าเช่นกัน ทั้งเรือนไหมสีอ่อนที่ปรกลงบนใบหน้า นัยน์ตาสีอำพันที่เป็นประกายดังเดิม แล้วมองลงมา...
ชุดนอนสีเหลืองพาสเทลลายเป็ด
เป็ดอีกแล้ว
" เหี้ย .. "
เจ้าคุณหลุดคำหยาบออกมาพร้อมกับยกมือกุมศีรษะอย่างหมดหนทาง
ไม่ใช่เพราะชุดนอนของอีกคนเพียงเท่านั้น ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้าก็เป็นรถกับหมวก และตอนนี้เมื่อมองผ่านอีกคนไปข้างหลังก็เห็นผนังห้องสีเหลืองพร้อมทั้งของตกแต่งสีเหลืองพาสเทลมากมายจนไม่สามรถนับได้ แต่เอาเป็นว่าทั้งห้องของอีกคนถูกกลืนไปด้วยสีเหลืองและเป็ดนับ 30 ตัว
คิดไปคิดมาตาของเด็กนี่ก็เป็นสีเหลือง...
ถ้ามีเหตุผลที่จะไม่เปิดใจให้เด็กคนนี้ขอเป็นเหตุผลที่ว่าห้องมึงแสบตาไปได้ไหมนะ ..
เจ้าคุณคิดในใจด้วยความท้อแท้ก่อนที่จะลูบหน้าตัวเองแรงๆทีนึงอย่างเหนื่อยอ่อน
" กูถามมึงจริงๆเถอะเหนือ มึงเป็นเหี้ยอะไรกับเป็ด " เจ้าคุณถามออกไปพลางขมวดคิ้วมองเด็กในจอสี่เหลี่ยมอย่างไม่เข้าใจ
ทางอีกฝั่งก็หยุดคิดไปครู่หนึ่งพร้อมกับทำหน้าจริงจังออกมาราวกับเรื่องที่คนเป็นพี่ถามมันสำคัญมากระดับโลกอย่างไรอย่างนั้น
" ผมชอบครับ แล้วก็จริงๆเลี้ยงเป็ดอยู่สองตัว "
" แล้วทำไมต้องสีเหลือง เหลืองเหี้ยอะไรเยอะแยะ "
" มันเป็นสไตล์ครับพี่เจ้าคุณ "
เจ้าคุณสบตาสีอำพันของอีกคนอย่างเหมอลอยก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าอีกครั้งแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ
" มึง ก็ เหลือง ไป ไอ เหี้ย "
ริมฝีปากแดงระเรื่อเน้นย้ำทีละคำเสียงดังฟังชัดจนอีกฝั่งได้แต่นั่งทำหน้าครุ่นคิดแล้วมองหน้าเขาแบบงงงวยราวกับมีคำมาแปะบนหน้าอีกฝ่ายตัวใหญ่ๆว่า ' ผมผิดหรอ '
แน่นอนว่าเมื่อเจ้าคุณเห็นสีหน้าของอีกคนก็แทบจะอ้าปากด่าอีกคนเสียเหลือเกิน แต่เสียงกลับไม่กล้าออกมาเมื่อนึกถึงดวงหน้าหล่อเหลาที่มักจะซึมจนน่าสงสารเวลาที่เขาเผลอด่าอีกคนเข้า
" งั้นกูขอ มึงไเปลี่ยนเสื้อเถอะ กลืนไปหมดจนกูแทบจะเห็นมึงเป็นเป็ดอยู่แล้ว "
คนที่ใส่ชุดน้องสีเหลืองลายน้องเป็ดก้มลงมองเสื้อตัวเองเพียงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้ากลับขึ้นมามองคนอายุเยอะกว่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจว่า
" น้องออกจะน่ารักนะครับ "
ได้ยินดังนั้นดวงกหน้าสวยงามของชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนไหมสีเข้มพลันบึ้งตึงขึ้นทันที นัยน์ตาสีน้ำเงินจับจ้องอีกคนผ่านกล้องโทรศัพท์มือถืออย่างกดดัน
เมื่อแสงเหนือเห็นแบบนั้นจึงจำใจเดินหายไปไปนอกกล้องเพื่อไปเปลี่ยนชุดทันทีทิ้งคนขี้บ่นให้อยู่คนเดียวพักหนึ่ง
" มาแล้วครับ "
หลังจากที่เวลาล่วงเลยไปแล้วประมาณ 10 นาทีได้ไม่นานนักเจ้าคุณก็ได้ยินเสียงทุ้มของเเสงเหนือดังลอดเข้ามาในสายก่อนที่จะเห็นตัว-
ไม่นานนักอีกคนก็ปรากฎตัวเข้ามาในกล้องพร้อมกับชุดนอนตัวใหม่ตามที่เจ้าคุณต้องการ
เจ้าคุณกวาดตามองคนในจอตั้งแต่หัวลงมายังบริเวณลำตัว มองวนอยู่แบบนั้นสามถึงสี่รอบก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
" ดีขึ้น "
ภาพที่สะท้อนในนัยน์ตาสีน้ำเงินคือเรือนร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีอ่อนยาวระต้นคอและมีดวงหน้าที่หล่อเหลาเอาการที่กำลังอยู่ในชุดนอนสีกรมอ่อนดูสบายตาทั้งยังตัดกับผิวสีขาวของอีกคนได้อย่างพอดิบพอดีทำให้ดูมีบุคลิกที่สุขุมขึ้นอย่างน่าประหลาด
แม้ว่าช่วงลำคอจะมีส่วนที่เว้าลงมามากเกินไหน่อยจนเผยให้เห็นอกเปลือยเปล่าสีขาวเนียนทั้งยังแน่นจนน่าอิจฉาแก่สายตาของเจ้าคุณ
" ขอบคุณครับ "
ทางฝั่งเด็กหนุ่มเองก็เอ่ยขอบคุณคนเป็นพี่ด้วยท่าทีประหม่าก้มหน้าก้มหัวลงตามนิสัยของเจ้าตัวเอง
แต่ทว่าการกระทำนั้นยิ่งทำให้ส่วนอกที่เปิดเผยอยู่แล้วยิ่งเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไรมากขึ้น แล้วแบบนี้คนอายุมากกว่าจะไม่ตกใจได้อย่างไรไหวเจ้าคุณเกรงตัวขึ้นทันทีที่สายตาดันเผลอมองไปยังช่วงอกเปล่าเปลือยที่ปรากฎยอดอกสีน้ำตาลเข้มอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เจ้าคุณกระแอมออกมาหนึ่งทีแล้วตั้งสติ รีบพาบทสนทนาให้ไปในทิศทางอื่นแทบจะทันที
" อิจฉากล้ามแกชะมัด "
หลังจากที่ได้ยินอีกคนบอกแบบนั้นแสงเหนือก็เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะผลิยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กล้องแล้วยื่นอีกจนเจ้าคุณหลุดขำในลำคอเบาๆ
" เพราะผมขยันออกกำลังกายไงครับ อีกอย่างผมก็เล่นกีฬาบ่อยด้วย "
" อือฮึ ไงต่อ "
เจ้าคุณตอบรับอีกคนพลางเท้าคางมองคนเด็กกว่าที่ไม่หยุดอย่างออกรส
"ผมชอบเล่นบาสด้วย ปิงปองก็ได้นะครับ "
แสงเหนือพูดด้วยร้ำเสียงร่าเริงขึ้นทันทีที่อีกคนดูท่าทางสนใจในสิ่งที่เขาเคยเจอมา นัยน์ตาสีอำพันมองเพดานเล่าย้อนไปนึกเรื่องราวต่างๆขึ้นมาเล่าจนแม้กระทั่งคนฟังอย่างเจ้าคุณเองก็เพลินไปด้วย
"แล้วพี่เจ้าคุณล่ะครับ "
" ? "
" กินอะไรทำไมน่ารักจัง "
หลังจากที่คุยเรื่องทั่วๆไปนานสองนานอยู่ๆเจ้าเด็กตาเหลืองก็ทำให้เกิดเดธแอร์จนได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสองกำลังคุยเรื่องอาหารการกินอย่างเรียบง่าย อยู่ๆอีกคนดันออกตัวพูดหยอดเขาแบบงงๆ
ถึงแม้จะงงจนต้องขมวดคิ้วแต่ในหัวใจพลันกระตุกวูบอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เจ้าคุณมองอีกคนที่ยกมือเท้าคางพร้อมกับมองเขาด้วยท่าทีเเพรวพราวจนน่าตีก็ได้แต่กัดฟันตัวเองเอาไว้
" น่ารักพ่อง "
แน่นอนว่าคนอย่างเจ้าคุณเป็นเช่นนี้อยู่ตั้งแต่ไหนแต่ไรเพียงแต่ว่าอีกคนกลับไม่มีท่าทีไม่โอเคกับคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อยกลับกลับกันยังส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้เขาอยู่เลย
ในใจของเจ้าคุณเมื่อมองท่าทีแพรวพราวนั้นเเล้วได้แต่สงสัยว่าเจ้าตัวเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วหรือโดนใครสอนอะไรมาอีก
อาจเพราะบุคลิกที่ใสสะอาดราวกับผ้าขาวของแสงเหนือด้วยแล้วจึงยิ่งทำให้เจ้าคุณเทใจไปทางข้อที่สองมากกว่าข้อแรกเสียอีก และแน่นอนว่าถ้าเป็นดั่งที่ตนคิดจริงเขาก็หมายมั่นเอาไว้แล้วว่าถ้าเจอตัวคนที่สอนอะไรแบบนี้ให้เจ้าเด็กหน้ามึนตรงหน้าเขาจะไปจัดการคนคนนั้นเสีย
" ฮ่าๆ ก็พี่น่ารัก "
ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มยิ้มขำจนตาหยี่โดยไม่คิดจะหวั่นเกรงแก่รุ่นพี่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
" กูไม่ได้น่ารัก "
" พี่น่ารัก "
" ไม่ "
เเสงเหนือมองอีกคนอย่างนึกเอ็นดูพลางขบขันไปด้วยอย่างอารมณ์ดี แต่คนเป็นรุ่นพี่กลับตรงกันข้ามกับเเสงเหนือโดยสิ้นเชิงทั้งใบหน้าที่บึ้งตึงแล้วกอดอกท่าทีหงุดหงิดแบบสุดๆยิ่งทำให้เด็กหนุ่มขำดังขึ้นมากกว่าเดิม
" งั้นรักนะค้าบ "
ใบหน้าหล่อเหลาประดับได้วยรอยยิ้มขบขันพร้อมกับชูมินิฮาร์ทให้อีกคน
" ควย "
เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นจึงทำตามบ้างแต่ที่ชูให้นั้นกลับเป็นนิ้วกลางเรียวยาวของเจ้าคุณเอง
ยิ่งเห็นแบบนั้นแสงเหนือยิ่งหลุดขำเข้าไปกันใหญ่จนได้ยินเสียงหอบหายใจดังเข้ามาในสาย ดวงหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มไปด้วยริ้วแดงระเรื่อน่าสัมผัส ดวงตาเรียวหยี่ลงเป็นรูปจันทร์เสี้ยวดูฉ่ำน้ำดูมีเสน่ห์ในทางที่ไม่ดีเท่าใดนัก
เพียงเท่านั้นเจ้าคุณก็รู้สึกตัวทันทีราวกับโดนไฟฟ้าช็อต รีบก้มใบหน้ามองลงไปยังเบื้องล่างกลางลำตัวที่โป่งพองขึ้นมาดุนดันกางเกงเนื้อลื่นที่กำลังสวมใส่อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
" ... "
ในขณะที่อีกคนหัวเราะร่าอย่างร่าเริงนั้นเอง นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่นั้นพลันสั่นไหวพร้อมกับใบหน้าที่ปรากฎริ้วแดงจางๆโดยไม่อาจห้ามได้ กลางลำตัวเองก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาล้วอีกต่างหาก
ในจังหวะนั้นเองที่เจ้าคุณรีบกดปุ่มสีแดงวางสายทันทีโดยไม่บอกกล่าวให้อีกคนรู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ทางคนที่ถูกตัดสายใส่หน้าพลันหน้าซีดเผือกหุบยิ้มทันใด ดวงตาสีอำพันแสดงความกังวลออกมาอย่างเปิดเผยแล้วตัดสินใจส่งข้อความหาอีกคนแต่ก็ไม่มีแม้แต่การตอบสนอง แม้แต่คำว่าอ่านแล้วก็ไม่มีเหมือนอีกคนถูกดึงหายไปอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อเป็นแบบนั้นแม้จะกังวลมากเท่าใดแต่จุดประสงค์ในการคอลกับอีกคนในวันนี้ก็ยังไม่บรรลุ แสงเหนือจึงเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งลายไม้สีขาวนวลที่สลักลายอุ้งมือแมวและรูปตัว S เอาไว้มาถือเอาไว้ในมือก่อนจะตั้งกล้องให้เห็นทั้งตัวเองทั้งกีตาร์ตัวเก่งอย่างชัดเจน
นิ้วเรียวของเเสงเหนือจิ้มลงไปที่ปุ่มอัดก่อนจะกลับมานั่งที่ดีๆแล้วเริ่มขยับมือดีดด้วยจังหวะช้าๆ
พร้อมกับริมฝีปากที่เอื้อนเอ่ยบทเพลงแสนหวานออกมา
青い地球の広い世界で
小さな恋の思いは届く
小さな島のあなたのもとへ
思いを込めた手紙もふえる
いつしか二人互いに響く
時に激しく 時に切なく
響くは遠く 遙か彼方へ
やさしい歌は世界を変える
大事な人ほど すぐそばにいるの
ただ あなたにだけ届いて欲しい
響け恋の歌
ほら ほら ほら
響け恋の歌
ใบหน้าหล่อเหลาช้อนตามองกล้องที่ถูกตั้งเอาไว้ นัยน์ตาสีเหลืองอำพันดูอ่อนนุ่มและหวานฉ่ำจนน่ากลัวว่าคนที่มาเห็นคลิปนี้คงจะต้องล้มลงไปนั่งกับพื้นเพราะความหวานของดวงตานั้นก็เป็นได้
เมื่อเพลงจบลงไปแล้วท่อนแขนเเกร่งก็เอื้อมมากดปิดหยุดทันที ริมฝีปากระบายยิ้มอ่อนๆออกมาขณะที่มองไปยังแชทของคนที่เขาเฝ้ามองมานาน
響け恋の歌
(ดังออกไปสิ บทเพลงแห่งความรัก)
มองได้ครู่เดียวเขาก็ตัดสินใจกดส่งคลิปไปทันทีด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังไม่ลืมบอกฝันดีอีกฝ่ายด้วย
..
ขาเรียวของแสงเหนือค่อยๆพาร่างกายสูงโปร่งไปยังหน้าต่างบานใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมแล้วยกมือขึ้นเปิดผ้าม่านออก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่บานหน้าต่างของบ้านข้างๆด้วยรอยยิ้มละมุนละไม
ริมฝีปากสีแดงระเรื่ออ้าออกเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงหวานราวกับขนมสายไหม
" ฝันดีนะครับ พี่เจ้าคุณ "
_____________________________________________________________________
[ 小さな恋のうた ]
______________________________________________________________________
บทที่ 4
ยามเช้าค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาถึงเสียงของเหล่านกตัวน้อยและแสงอาทิตย์ที่สอดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างบานใหญ่อาบสัมผัสไปทั่วผิวกายสีขาวของร่างที่นอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นส่งผลให้ร่างบนเตียงขยับกายลุกขึ้นนั่งด้วยดวงตาที่ปิดสนิท ผมสีปีกอีกากระเซอะกระเซิงฟูฟองไร้ทรงจนน่าขัน ไม่นานนักดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆลืมขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเป็นประกายที่ติดจะงัวเงียกว่าที่เคยเป็น
เจ้าคุณป้องปากหาวหวอดอย่างเกลียดคร้านพร้อมกับบิดตัวไปมา ร่างโปร่งนั่งอยู่บนเตียงครู่หนึ่งก็ลุกเดินไปที่ห้องน้ำอย่างเชื่องช้า พอก้าวเข้ามาถึงสิ่งแรกที่เจ้าตัวทำก็คือเดินไปหยุดยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่พลางกวาดสายตาสำรวจตัวเอง
แน่นอนว่าขอบตาของเขาจะดำกว่าเดิมเป็นพิเศษเพราะตัวเขาพึ่งได้นอนเมื่อสามถึงสามชั่วโมงนี้เองด้วยความที่ว่าเมื่อคืนมีสิ่งที่เขาต้องจัดการกับมันและต้องคิดมากจนทำให้ไม่ได้นอน
หากย้อนกลับไปเมื่อคืนคงจะยาวไม่ใช่น้อย หากแต่ว่าหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความแข็งขื่นกลางลำตัวแล้วเขาก็รีบกดวางสายใส่แสงเหนือทันทีแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไปนับชั่วโมง
อาจเพราะเป็นคนที่หลั่งช้าอยู่แล้วด้วยเลยยิ่งต้องใช้เวลาในการจัดการค่อนข้างมาก แถมพอออกมาก็ต้อมานั่งคิดอีกว่าทำไมเขาถึงมีอารมณ์เพียงเพราะเห็นท่าทางของเด็กคนนั้นด้วย
ที่น่าแปลกใจก็คือมันอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า เพราะจากที่เขานึกดูเขาก็ไม่ได้เห็นอะไรไปมากว่านั้นแต่กลับมีอารมณ์ขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
" ... "
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่หยุด ได้แต่คิดวนไปวนมาจนปวดหัว แต่ก็คงต้องขอบคุณเรื่องนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องรักของแฝดน้องของเขาเท่าใดนัก
คิดได้ดังนั้นเจ้าคุณก็ปัดความคิดถึงไปแล้วคิดในแง่ดีเข้าไว้พลางยิ้มบาง ไม่นานนักเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเปิดประตูเดินลงไปหาอะไรทานชั้นล่างด้วยความสดใสแม้ขอบตาจะคล้ำมากก็ตาม
..
แต่ความสดใสพลันมลายหายไปทันทีที่ลงมาพบกับแฝดและแฟนของอีกฝ่ายนั่งป้อนข้าวกันอย่างหวานเชื่อม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองแฝดน้องตัวเองอย่างถีถ้วนก่อนจะชะงักมองตรงต้นคอขาวที่ปรากฎรอยรักอยู่ประปราย
ในอกพลันเจ็บหนึบขึ้นมาทันทีแต่เขาก็เลือกที่จะปัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปเสียแล้วกล่าวกับน้องชายว่า
" ทำอะไรเกรงใจด้วย เจ้านาย "
นัยน์ตาสีเข้มมองน้องชายอย่างตำหนิแต่ก็เดินไปลูบหัวทุยนั้นอย่างรักใคร่ตรงกันข้ามกับคำพูดเป็นที่สุด
" ขอโทษได้ไหมอ่ะ ก็แฟนมาบ้าน "
" ก็อย่าเสียงดังดิวะ "
เขาว่าแบบนั้นพลางปลายตามองคนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยอยู่ก่อนจะเอ่ยตักเตือนอีกคนไปด้วย
" มึงก็ด้วย เกรงใจกูบ้าง "
ว่าเสร็จก็เดินตรงไปที่หน้าประตูโดยไม่สนใจใครทั้งๆที่มีเสียงถามไถ่ไล่หลังมาก็ตาม แต่เจ้าคุณก็เลือกที่จะเดินดุ้มๆออกมาแล้วทำเป็นไม่ได้ยินที่ทั้งสองคนเอ่ยเรียก
ก๊าบ
ทว่าพอก้าวออกมาก็ต้องชะงักเท้าทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นก้อนสีขาวที่อยู่ตรงปลายเท้าสองก้อน ก้อนที่ก้อนนั้นจะขยับน้อยๆแล้วใช้ดวงตามองเขานิ่ง
เป็ดใครวะ
เจ้าเป็ดตัวเล็กทั้งสองตัวมีขนสีขาวบริสุทธิ์และดูสะอาดมากจนเขาต้องหยุดมอง ทั้งยังคุ้นคนอีกด้วย
เจ้าคุณมองเจ้าตัวเล็กทั้งสองก่อนที่จะนั่งยองๆข้างๆมันแล้วใช้นิ้วจิ้มเบาๆ ปรากฎว่าเมื่อสัมผัสโดนขนสีขาวกับรู้สึกถึงความนุ่มจนน่าแปลกใจ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของต้องรักพวกมันมากแค่ไหน
" ขอโทษนะจ๊ะ "
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเจ้าคุณก็ได้ยินเสียงนุ่มละมุนของหญิงสาวดังขึ้นมาแล้วเมื่อมองไปตามเสียงก็ปรากฎร่างร่างหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วของเขา
คนตรงหน้าเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสสวย ดวงตาหงส์คมดูสง่างามพร้อมทั้งนัยน์ตาสีแดงสดสวยงาม เรือนผมสีบลอนด์ซีดยาวสลวยที่คลอเคลียอยู่ที่พวงแก้มนวล จมูกเป็นสันโด่งรับกับใบหน้าและปากกระจับสีแดงระเรื่อ ทั้งยังเรือนร่างบอบบางดูเซ็กซี่ราวกับนางเเบบ
เจ้าคุณมองอีกคนพลางคิดในใจว่าคนคนนี้อาจเป็นนางแบบแน่นอนดูจากหุ่นที่สวยจนน่าหลงใหลนั้น
" นั้นเป็ดบ้านน้าเองจ๊ะ น้าย้ายมาอยู่ข้างบ้านเรา น้องน่าจะอยากสำรวจเลยเดินมั่ว "
คุณน้าคนสวยอธิบายด้วยรอยยิ้ม เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็จัดการก้อนเป็ดตัวเล็กทั้งสองก้อนจับอุ้มขึ้นมาแนบอกก่อนจะเอาออกมาส่งให้คุณน้าข้างหน้า
ดวงตาคมสวยของหญิงสาวมองไปมาที่เจ้าคุณอย่างเอ็นดู
" ขอบคุณนะคะ อ่ะ น้าชื่อแสงดาวนะ มาอยู่บ้านหลังนั้นเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อนนี้เอง "
หญิงสาวตรงหน้าแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มแน่นอนว่าเจ้าคุณก็มีมารยาทมากพอที่จะยิ้มตอบคนตรงหน้า
" สวัสดีครับน้าแสงดาว ผมเจ้าคุณนะครับ "
เจ้าคุณยกมือไหว้คนมีอายุเยอะกว่าอย่างนอบน้อมพร้อมร้อยยิ้ม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองเจ้าเป็ดตัวเล็กอย่างสนอกสนใจคุณน้าที่เห็นแบบนั้นจึงแย้มยิ้มออกมากว้างขึ้นกว่าเดิมแล้วกล่าวว่า
" เจ้าสองตัวนี้ชื่อทอมมี่กับจอนสันค่ะ ลูกชายน้าตั้งเองเลยนะ "
เจ้าคุณมองเจ้าทอมมี่กับจอนสันพลางแอบขมวดคิ้วในใจ แม้จะสงสัยแต่ก็คงจะต้องเก็บเอาไว้ถามในครั้งหน้าเสียแล้วเมื่อสตรีตรงหน้าทำท่าทางราวกับพึ่งนึกอะไรออกก่อนจะรีบกุลีกุจอหยิบเป็ดน้อยทั้งสองแล้วหันมายิ้มให้เขาเร็วๆหนึ่งครั้งแล้วพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยน้ำเสียงหวานละมุนแต่กลับดูมั่นคงไม่น้อย
" อ่ะ น้ามีธุระด้วนนิดหน่อย เดี๋ยวน้าจะเอาของฝากมาให้ทีหลังนะคะ "
ว่าจบก็รีบเดินไปทันทีทิ้งเจ้าคุณให้ยืนทำหน้าครุ่นคิดเอาไว้หน้าบ้านเพียงคนเดียว
เจ้าคุณหมายมั่นไว้ในใจอย่างแรงกล้าก่อนจะพับเก็บเรื่อที่ตนสงสัยไว้ในใจอย่างเงียบเชียบสายตาก็มองไปทางบ้านข้างๆของคุณน่าด้วยสายตาอ่านยากก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเดินออกไป
ต้องถามให้ได้ ว่าลูกชายคุณน้าชื่ออะไร
แม้ในตอนแรกเขาจะไม่นึกส่งสัยอะไรแต่เมื่อเห็นคุณน้าเมื่อกี้อะไรๆก็กระจ่างขึ้นมาทันที แน่นอนว่าเขายังไม่ลืมหรอกนะว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าเด็กแสงเหนือบอกว่าว่ายังไง
'ผมเลี้ยงเป็ดเอาไว้ 2 ตัวครับ'
นั้นเป็นคำที่อีกฝ่ายบอกเขาเอาไว้มันตรงกับเจ้าเป็ดสองตัวของคุณน้าทันที และอีกอย่าง ..
หน้าตาของคุณน้าแสงดาวมีความคล้ายคลึงกับแสงเหนือถึง 5 ส่วน
หาอะไรทานเสร็จคงต้องไปเค้นจากเจ้าตัวเองเสียแล้ว แล้วถ้าเป็นแบบที่เขาคิดจริง .. ก็คงจะต้องต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่อย่างอบอุ่นเสียหน่อย
. . .
แสงแดดยามเช้าแสนอบอุ่นพร้อมกับเหลาผู้คนที่เดินขวักไขว้จับจ่ายซื้อของกันเต็มท้องตลาดปรากฎสู่นัยน์ตาสีเข้ม เสียงของแม่ค้าพ่อค้าที่ดังแข่งกันไหนจะกลิ่นของอาหารที่หอมกรุ่นลอยมาตามลมที่พัดผ่านมา
เช้านี้เจ้าคุณตัดสินใจมาหาอะไรทานที่ตลาดนัดไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นักเดินเพียง 20 นาทีก็ถึงที่หมายแล้ว
" 20 บาทจ้า "
มือเรียวควักธนบัตรสีเขียวออกมาหนึ่งใบยื่นให้หญิงชราตรงหน้าพร้อมกับรับถุงปาท่องโก๋มาถือเอาไว้ในมือ ขาเรียวเดินทอดน่องไปตามทางเดินพร้อมกับสายตาที่กวาดมองไปทั่วอย่างสนใจ
นานๆทีจะมาเดินตลาดเอง หาซื้อของไปทำข้าวเที่ยงดีกว่าไหมนะ
ร่างสูงโปร่งคิดในใจก่อนที่จะพาร่างเดินไปที่ร้านขายผัก มือเรียวกับผักช่อนั้นช่อนี้เลือกสรรค์หาของดีๆกลับไปทำทานเองที่บ้าน ซึ่งในขณะที่มือเรียวเลือกผักอยู่นั้นกลับมีมืออีกมือหยิบผักช่อเดียวกับเจ้าของนัยน์ตาสีเข้ม
เจ้าคุณรีบหันไปมองคนที่หยิบผักพร้อมกับตนแต่แล้วก็ต้องชะงักค้างไปเพราะคนคนนั้นกลับเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดี
และเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เขานอนไม่หลับเมื่อคืนนี้อีกด้วย
" แสงเหนือ ? "
" อ้าวพี่คุณ สวัสดีครับ บังเอิญอีกแล้ว "
นัยน์ตาสีเหลืองทองทอประกายวิบวับอย่างสดใสเมื่อเห็นว่าคนที่มือชนกันเมื่อครู่เป็นเจ้าของดวงใจของตนเอง รอยยิ้มหวานเชื่อมปรากฎขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
โชคดีจัง
แสงเหนือคิดพลางยิ้มจนแก้มแทบปริ แน่นอนว่าเจ้าคุณเห็นแบบนั้นก็เมื่อยหน้าแทนอย่างบอกไม่ถูก นัยน์ตาสีน้ำเงินมองคนข้างหน้าอย่างครุ่ยคิดก่อนจะก้มหน้าลงเลือกผักต่อ
" พี่จะทำกับข้าวหรอครับ "
คนเด็กกว่าขยับเข้ามาใกล้แล้วชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติ เจ้าคุณทำเพียงปรายตามองแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติของตนเอง
" อือ แล้วแก ? "
" ผมก็จะทำเองครับ พอดีวันนี้ม๊ากลับมาจากต่างประเทศพอดี "
เเสงเหนือเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางหยิบผักใส่ตระกร้าด้วยความกระตือรืนล้น
" ปาร์ตี้ว่างั้น ? "
" ใช่ครับ ปาร์ตี้ "
" กูไปด้วยดิ "
เพียงเท่านั้นเจ้าของนัยน์เนตรสีเหลืองทองก็นิ่งเงียบไปทันที แววตาปรากฎความกังวลเอาไว้อย่างปิดไม่มิดแน่นอนว่าเจ้าคุณเพียงแค่มองดูก็รู้แล้วว่าอีกคนมีพิรุธอย่างชัดเจน
" ล้อเล่น "
" ธ โธ่ พี่เจ้าคุณล้อเล่นอะไรครับเนี่ย "
อีกฝ่ายว่าพลางยิ้มกลับเกลื่อนก่อนจะรีบหยิบผักขึ้นมาใส่ตระกร้าแล้วรีบวิ่งไปคิดเงินทิ้งให้เจ้าคุณเลือกผักอยู่เพียงคนเดียว
หนีไปซะแล้วสิ
เจ้าคุณคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พอเลือกผักเสร็จก็เดินทอดน่องไปจ่ายเงินอย่างไม่รีบร้อน
หลังจากที่ซื้อของครบทุกอย่างร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าสวยก็เดินออกมาจากตลาดพร้อมกับถือถุงผักและเนื้อสดมาด้วยสองสามถุง แต่เมื่ออกมากลับพบร่างสูงโปร่งของคนอายุน้อยกว่ายืนรออยู่ทำเอาเจ้าคุณต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ไม่ได้หนีหรอกหรอ
ฝั่งแสงเหนือเมื่อเห็นอีกคนเดินมาก็รีบสาวเท้าเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้ม
" ให้ผมช่วยถือไหมครับ "
รอยยิ้มถูกมอบให้กับเจ้าคุณจนแสบตายิ่งตอนเช้าตรู่แบบนี้มีแสงแดดส่องมายิ่งทำให้อีกคนดูสว่างไสวมากกว่าเดิมหลายเท่า
" ไม่เป็นไร "
เจ้าคุณเอ่ยปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเดินหน้าต่อไป แต่มีหรือร่างโปร่งอีกคนจะไม่เดินตาม เด็กหนุ่มผู้มีดวงตาสีเหลืองทองแย้มยิ้มเดินขนานนาบเคียงข้างกาย เจ้าคุณที่เห็นอีกคนเดินตามมาก็ชะลอฝีเท้าให้ช้าลงจงใจให้อีกฝ่ายตามทันได้อย่างแนบเนียน
" พี่เจ้าคุณว่างไหมครับวันนี้ "
คำถามของอีกคนที่ดังขึ้นมาทำให้เจ้าคุณต้องหยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบด้วยท่าทีเฉยเมยตามปกติของเจ้าตัว
" ก็ว่าง ทำไม "
เขาตอบโดนที่ไม่ได้หันมามองอีกคนทำเพียงขยับขาก้าวเดินไปข้างหน้าเพียงเท่านั้น แต่คนข้างกายเขากับมีท่าทีกระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้า ทั้งหน้า ทั้งตา ทั้งริมฝีปาก ทั้งหมดของร่างกายเผยให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกอย่างชัดเจน
" สนใจ ไปดูหนังด้วยกันไหมครับ ผมมีโปรลดราคาอยู่ "
เด็กหนุ่มว่าพลางส่งตั๋วให้เจ้าของเรือนไหมสีดำขลับดูพร้อมกับจับจ้องไปที่ตั๋วใบเล็กอย่างคาดหวัง
ทางเจ้าคุณที่หันมาสนใจของที่อยู่ในมือใหญ่ก็เอียงคอมองด้วยความสงสัยปนครุ่นคิด โดยทั้งหมดนั้นตกอยู๋ในสายตาของเด็กหนุ่มอีกคนทั้งหมด ยิ่งเห็นท่าทีของคนอายุเยอะกว่ายิ่งตื่นเต้นขึ้นเท่านั้น
" ก็ได้แหละ กี่โมง "
" หนังเริ่มบ่ายรอบดึกประมาณ 3 ทุ่มครับเพราะงั้นไปกันตั้งแต่ 6 โมงเย็นดีไหม "
" ไปก่อนเวลาทำเหี้ยอะไรตั้ง 3 ชม "
เจ้าคุณขมวดคิ้วมุ่นใส่เด็กตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ น้ำเสียงเริ่มแข็งขึ้นตามนิสัย
" ก็ ก็ ทานข้าวด้วยไงครับ "
เมื่อได้ฟังเหตุผลจากปากเด็กตรงหน้าเจ้าคุณก็ได้แต่ถอนหายใจเสียงดัง นัยน์ตาสีเข้มตวัดมองร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดกางเกงสามส่วนสีครีมด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มติดไม่สบอารมณ์
" มึงก็แค่บอกว่าจะไปเดท "
" .. เปล่านะครั- "
" งั้นกูไม่ไป "
" พี่จ้าคุณไปเดทกันนะครับ "
สิ้นคำพูดของเด็กหนุ่ม ร่างโปร่งเจ้าของนัยน์ตาสีแซฟไฟร์พลันยิ้มออกมาน้อยๆอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันหน้าหนีก้าวเดินต่อไปโดยไม่ลืมทิ้งท้ายด้วยคำตอบที่ทำให้คนข้างหลังหูแดงแจ๋จนทำอะไรไม่ถูก
" ตกลงค่ะหนุ่มน้อย "
..
หลังจากที่กลับถึงบ้านทั่วทั้งบ้านก็ไร้ซึ่งผู้คนไปเสียแล้ว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้คู่รักพวกนั้นต้องไปเที่ยวกันแน่นนอนโดยไม่ต้องสงสัย
เจ้าคุณเดินถือถุงของสดเข้าไปในครัวก่อนจะจัดการเรียงอาหารเข้าตู้เย็นพลางจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
Rrrr
ในขณะที่กำลังจัดของเข้าตู้อยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเรียกให้เขาหันไปสนใจ แต่พอเห็นหน้าจอที่เขาเมมเบอร์เอาไว้ก็ไม่อยากรับสายอย่างน่าประหลาด
ไอชาย
แต่ก็ต้องกลั้นใจเดินเข้าไปรับมือถือก่อนจะเอาแนบเข้ากับใบหูขาว -
' มึง '
" อะไรมึงอีก "
...
อยู่ๆปลายสายก็เงียบไป จนเจ้าคุณคิดว่าตนโดนตัดสายทิ้งไปแล้วแต่พอยกขึ้นมาดูก็ยังเห็นว่าอีกคนยังคงโทรอยู่แต่กลับเงียบไป
เจ้าคุณพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อกลั้นอารมณ์ที่อยากจะด่าคนเอาไว้ แต่จนแล้วจนรอดปลายสายกลับไม่เอ่ยอะไรตอบกลับมาจนเวลาล่วงเลยไปแล้วเกือบ 3 นาที
" สรุปมีอะไรไอ้เหี้ยชนชน "
' พี่ใจเย็นนะคับ รอน้องซันแปปนึง '
" ซันพ่อซันแม่มึง เร็วๆ ! "
กว่าจะได้คุยกันก็กินเวลาไปแล้วเกือบ 10 นาที
' คืองี้ 5 โมงไปเที่ยวกัน '
" ไม่ "
เจ้าคุณสวนกลับทันควันจนคนฟังได้แต่นิ่งค้างไปก่อนจะตั้งสติแล้วกล่าวขอโทษขอโพยเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทรงเสน่ห์รัวเร็วราวกับอ้อนวอน
' มึงงงง กูขอโทษษ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวด้วยอ่ะ เจ๊มุกก็ไปนะเว้ย '
" ไม่ไป กูมีนัดแล้ว "
' ห๊ - '
ยังไม่ทันที่ซันไชน์จะกล่าวจบประโยคดีเจ้าคุณก็กดวางสายอีกฝ่ายทันทีแล้วหันไปจัดการกับตู้เย็นต่อจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงสาย เมื่อจัดการทำความสะอาดเสร็จเจ้าคุณก็เดินลากเท้ากลับมานอนในห้องตัวเองอย่างสบายใจ
มือเรียวยกโทรศํพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดเข้าไปในแอปพลิเคชั่นสีเขีนวสดใสที่ยังไม่ได้แตะมันตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืน
"..."
พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนบริเวณหน้าท้องก็รู้สึกเสียววาบขึ้นมาทันทีจนต้องรีบสะบัดหัวขับไล่ความคิดสกปรกสกปรกพวกนั้นออกไปให้หมดสิ้น ก่อนจะกลับมาจัดจ้อที่ข้อความปักมุดบนสุดเอาไว้
หมาขาว
เป็นชื่อที่เขาเมมเอาไว้สำหรับแสงเหนือโดยเฉพาะ ก่อนที่นิ้วเรียวจะกดเข้าไปในช่องแชท
นัยน์ตาสีน้ำเงินจับจ้องคลิปที่มีความยาวหนึ่งนาทีกว่าๆสักพักก่อนจะเปิดเล่น
青い地球の広い世界で
小さな恋の思いは届く
小さな島のあなたのもとへ
思いを込めた手紙もふえる
いつしか二人互いに響く
時に激しく 時に切なく
響くは遠く 遙か彼方へ
やさしい歌は世界を変える
大事な人ほど すぐそばにいるの
ただ あなたにだけ届いて欲しい
響け恋の歌
ほら ほら ほら
響け恋の歌
ใบหน้าหล่อเหลาช้อนตาขึ้นมองมายังเจ้าคุณ แน่นอนว่าต้องเป็นเขา ในสายตาปรากฎความรักใคร่ที่เอ้อล้นออกมาจนสัมผัสได้ ราวกับมีรสชาติหวานล้ำติดอยู่ที่ปลายลิ้น
แม่งเอ้ย
ใจดวงน้อยของชายหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีปีกอีกกาสบถในใจอย่างหัวเสีย พร้อมกับนัยน์ตาที่วูบไหวจนดูไม่แน่นอน
แม่ง..
เขารีบกดปิดคลิปนั้นทันทีก่อนจะรีบล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน
วันนี้มีเรื่องให้คิดเยอะแล้ว พักสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร
สิ้นความคิดด้วยความอ่อนล้าที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวานก็รุมเร้าจนเปลือกตาสีไข่มุกปิดสนิทลงเจ้าตัวก็จมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราทันที
จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบ ในขณะที่ร่างโปร่งหลับไหลลึกลงไปในห้วงความฝันที่สวยงามท้องฟ้าข้างนอกก็เปลี่ยนสีจากสีฟ้าสดใสกลับกลายเป็นสีส้มแสดจนในที่สุดก็เป็นสีมืดคล้ำของยามราตรีไปเสียแล้ว
..
ขณะเดียวกันร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มอีกคนที่รออยู่อย่างใจจดใจจ่อหน้าโรงหนังมาครู่ใหญ่ตั้งแต่ 4 โมงจนกระทั่งถึง 5 โมงเย็นแล้วก็ยังไม่มีวีแววของคนที่เขานัดมาเลยแม้แต่น้อย
แสงเหนือยังคงแย้มยิ้มพลางคิดเข้าข้างตัวเองไปด้วยว่าอาจเพราะตนมาเร็วนี่พึ่งถึงเวลานัดอีกฝ่ายจะยังไม่มาก็คงไม่แปลกเท่าใดนัก แต่ทว่า..
ไม่ว่าจะรอนานนับชั่วโมงแค่ไหนก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่ายจนกระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้วก็ตามไม่มีแม้แต่เงา
นัยน์ตาสีเหลืองทองเริ่มหม่นแสงชะเง้อคอมองเท่าไหร่ก็ยังไม่มีคนที่กำลังคิดถึงปรากฎตัวจนแล้วจนรอดเวลาแสนวิเศษล้วงเลยไปจนเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลขสี่
ก็ยังไม่มีใครปรากฎตัว ความหวังมีในตอนแรกพลันดับหายไปราวกับเทียนที่ถูกเป่า ร่างของแสงเหนือทรุดลงนั่งพิงกับเสาใหญ๋ราวกับต้องการที่พึ่ง ใบหน้าซุกเข้าหาหน้าขาของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ทรงผมที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีเริ่มยุ่งเหยิงจนไม่เป็นทรง
ในใจปวดร้ายจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา
ในใจพลันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแล้วรีบเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใส -
...
เจ้าคุณตื่นขึ้นมาตอน 4 ทุ่ม 20 นาทีร่างโปร่งรีบวิ่งลงจากชั้นสองด้วยความเร็วด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก ปากร้องตะโกนบอกแฝดของตัวเองว่าขอยืมรถหน่อยก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็วสร้างความตื่นตระหนกให้กับคู่รักทั้งสองเป็นอย่างมาก
ทั้งแฝดและคนรักหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจก่อนจะมองตามรถที่แล่นออกไปด้วยความเป็นห่วง
รถยนต์สีขาวเเล่นด้วยความเร็วกลางถนนใหญ่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีเข้มมีแววหวาดหวั่นอยู่ข้างในจนไม่อาจปิดมิดได้อีกต่อไป
คงไม่ใช่ว่ายังรออยู่หรอกนะ
ริมฝีปากแดงระเรื่อเม้มเข้าหากันอย่างกังวล ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้าแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความดูดีที่มีอยู่ลดลงไปแม้แต่น้อย
รอหน่อยนะ
...
" พี่เฟย สวัสดีครับ "
น่าเสียดายนักที่คนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากลับไม่ใช่คนที่เขาหวังไว้ แต่ก็ยังคงรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้าไม่ขาดหาย
ตรงหน้าของแสงเหนือปรากฎร่างของชายหนุ่มร่างสูงที่มีผมสีขาวซีด ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาให้เขาอย่างใจดี
" แสงเหนือ มาทำอะไรตรงนี้เนี่ยดึกแล้วนะ "
" มารอดูหนังครับพี่ แล้วพี่ล่ะ ? "
" พี่ก็มาดูหนังแต่ว่าจะกลับแล้วล่ะ ดูรอบกี่โมงล่ะเรา "
" ผมดูรอบ 4 ทุ่มครับพี่ "
แสงเหนือตอบกลับคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสว่างสไวตามแบบฉบับของเจ้าตัวเอง แต่คนฟังกลับมองตอบมาด้วยความสงสัยพลางยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา
" นี่ 4 ทุ่ม 40 แล้วนะ คนที่นัดยังไม่มาหรอ "
" อ๋า เขาติดธุระนิดหน่อยน่ะครับ "
แสงเหนือพูดโกหกอีกฝ่ายไปคำโตก่อนที่คนตัวโตจะจับเขาให้ลุกขึ้นยืนแต่เพราะนั่งนานไปหน่อยแถมก่อนหน้านี้ยังยืนนานด้วยทำให้พออยู่ๆถูกดึง ขาเรียวก็เจ็บแปร๊บขึ้นมาจนน้ำตาแทบไหล ไม่วายลำบากให้รุ่นพี่ตรงหน้าประคองอีกต่างหาก
" โอ้ยพี่ เจ๊บ "
" เห้ยๆ พี่ขอโทษ "
ว่าแล้วก็ขำคิกคักกันสองคนจนไม่ทันรู้ตัวว่ามีชายหนุ่มอีกคนกำลังเดินมาทางพวกเขาด้วยความไม่สบอารมณ์เป็นที่สุด
" ทำอะไร ? "
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันหันมองทันควัน ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มกว้างราวกับมีดวงดาวนับร้อยดวงลายล้อม ดวงตาเป็ฯประกายสดใสกว่าเมื่อครู่นับสิบเท่าแล้วพยายามขยับออกจากแขนของร่างสูงเดินไปหาชายหนุ่มอีกคนด้วยท่าทีร่าเริง แน่นอนว่าเฟยทีเห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าเป็นเจ้าของหัวใจของน้องรักคนนี้
แต่ด้วยนิสัยขี้แกล้งทำให้เฟยนึกอยากสั่งสอนคนที่ทำให้น้องของเขาต้องรอนานหลายชั่วโมงจนจำไม่ลืม
ร่างสูงของชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเเสงเหนือก่อนจะก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่พลางจับไม้จับมืออย่างออกนอกหน้า
" วันหลังมาคุยกันอีกนะครับ "
ว่าแล้วก็ขยิบตาให้ครั้งหนึ่งก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้แสงเหนืออยู่กับเจ้าคุณที่ดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์มากกว่าครั้งไหนๆที่เคยเป็น บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบชวนให้มาคุขึ้นมาทันที จนแสงเหนือต้องเป็นคนทำลายความเงียบลง
" อ่า พี่เจ้าคุณจะไปหาอะไรทานไหมครับ ? "
" กลับ "
พูดเพียงเท่านั้นก็ลากร่างของแสงเหนือให้ตามไปขึ้นรถทันทีโดยที่เด็กหนุ่มยังงุนงงตามไม่ทันอยู่บ้าง พอขึ้นรถได้เจ้าคุณก็พุ่งออกทันทีด้วยความเร็ว
"..."
"..."
ภายในรถถูกความเงียบกลืนจนแม้กระทั่งคนอย่างแสงเหนือเองยังอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
ในใจได้แต่นึกโทษทั้งพี่เลิฟและงุนงงกับการกระทำของเจ้าคุณจนสับสนไปหมดจนไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้าของคนสวยข้างกายเสียด้วยซ้ำ
ความอึดอัดกลืนไปทั้งรถจนกระทั่งเจ้าของรถขับมาถึงบ้านตนเอง
....
...
รถยนต์สีขาวเคลื่อนมาจอดในโรงรถพร้อมกับชายหนุ่มเจ้าเรือนผมสีรัตติกาลที่ก้าวลงมา
ใบหน้าสวยเรียบนิ่งจนน่ากลัวเสียยิ่งกว่าที่ที่แสดงอารมณ์ไม่ชอบใจผ่านสีหน้าเสียอีก
"พี่เจ้าคุณ .. "
เสียงทุ้มดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมกบร่างของแสงเหนือที่ก้าวก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนักพลางลอบมองใบหน้าเรียวสวยจากข้างๆด้วยใจที่สั่นไหว
แม้ในใจของแสงเหนือจะไม่รู้เลยว่าอีกคนพาเขามาที่บ้านด้วยเหตุผลอะไรแต่ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือพฤติกรรมของชายหนุ่มตรงหน้ามากกว่า
โกรธรึเปล่านะ
นัยน์ตาสีอำพันมองเจ้าคุณนิ่งงันก่อนจะขยับกายเข้าไปเอื้อมมือจับเข้าไปที่ข้อมือขาวของอีกคนแผ่วเบา
ฝั่งเจ้าคุณที่รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่ข้อมือก็สะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ ใบหน้าเนียนหันมามองร่างโปร่งของเด็กหนุ่มข้างกายเพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ข้อมือหนาก็ทำให้เพลิงปริศนาในใจมลายหายไปทันควันราวกับมีธารน้ำเย็นฉ่ำเข้ามาชะโลมจนพาให้สมองโล่งและผ่อนคลายขึ้นจนน่าแปลกใจ
" อะไร "
ท่าทีที่กลับมาเป็นปกติของเจ้าคุณทำให้เด็กหนุ่มอีกคนมีท่าทีสดใสขึ้นทันตาเห็นมือเรียวกอบกุมข้อมือของร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงใจอย่างมั่นใจอีกครั้ง นัยน์ตาสีสวยสบมองนัยนตาสีเข้มเป็นประกายตรงหน้าอย่างสดใสต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ
" พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ "
" หงุดหงิด "
ริมฝีปากแดงระเรื่อตอบคำถามอีกคนด้วยคามซื่อตรง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจดจ้องอีกคนอย่างมีความนัยบางอย่าง ก่อนที่จะดึงข้อมือออกจากการกอบกุมของเจ้าเด็กหน้ามึนแล้วขยับฝ่ามือจับกับอวัยวะเดียวกันของอีกคนแผ่วเบา
"!!!"
ฝั่งคนเด็กกว่าที่ไม่คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะตอบสนองกับตนแบบนี้ได้แต่ทำหน้าเหลอหลาแฝงไปด้วยความตกใจจนน่าขัน นัยน์ตาสีสวยราวกับแซฟไฟร์มองดวงหน้าหล่อเหลาแล้วพลันหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
น่ารักดี
คิดได้ดังนั้นก็ยิ่งขยับมือกอบกุมฝ่ามือหนาของเด็กหนุ่มข้างกายมอบไออุ่นให้ซึ่งกันและกันจนหัวใจดวงน้อยทั้งสองสั่นไหว
" ค้างบ้านกูแล้วกัน ดึกแล้ว "
"...."
ณ ตอนนี้แสงเหนือได้ชะงักค้างไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ในใจสั่นไหวยิ่งกว่าตอนดื่มกาแฟเสียอีก ทั้งการกระทำของคนอายุเยอะกว่า สายตาที่มองมาราวกับเอ็นดูเขา คำพูดต่างๆ ทำให้ใจเผลอขาดหวังเอาไว้เสียสูงลิ่ว
คาดหวังได้ใช่ไหมนะ เรายังมีความหวังใช่ไหม
นัยน์ตาสีเหลืองทองทอประกายวูบไหวราวกับเปลวเทียนสีเข้มเมื่อโดนสายลมที่พัดไหวจนดูไม่มั่นคง แม้เพื่อนของเขาจะคอยเตือนอยู่เสมอว่าต้องคิดเผื่อใจเอาไว้ให้มากๆ อย่าคาดหวังสูงเกินไป
ไม่อยากนั้นตกมาคนที่จะเจ็บก็คือเขาเอง
' มึงอย่าเป็นเหมือนกู ต่อให้เราดีแทบตายยังไง ต่อให้เขาเเสดงท่าทีสนใจเรามากน้อยแค่ไหน แต่ตราบใดที่เขายังมีคนในใจ '
' พยายามให้ตายมึงก็ชนะคนในใจเขาไม่ได้ '
แสงเหนือย้อนคิดถึงประโยคที่เมฆาพูดกับเขาก็ได้แต่นึกหวั่นเกรงอยู่ในใจ ใบหน้าหล่อเหลาหม่นลงเล็กน้อยแต่ก็ฝืนยิ้มออกไปให้อีกคนได้เห็น
แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัวเขาก็ถูกลากให้เดินตามเข้ามาในบ้านของอีกฝ่ายเสียแล้ว ฝ่ามืออุ่นกึ่งลากกึ่งดึงแสงเหนือให้เดินตามไปจนมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่สีขาวบริสุทธิ์
" เข้ามาดิ "
มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มราบเรียบเชิญชวนให้เด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องให้เข้ามา แต่จนแล้วจนรอดเจ้าเด็กตรงหน้าก็ไม่มีท่าทีจะเดินเข้ามาเลยแม้แต่น้อย
ลำบากให้เจ้าของห้องต้องเดินไปจูงมือเรียวแล้วพามานั่งที่เตียงหลังใหญ่ที่อยู่ติดกำแพงสีขาวสะอาด
" นั่งนี่ เดี๋ยวกูไปหาอะไรให้แดก อย่าซน "
พูดจบก็ไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายได้เอ่ยตอบรับใดๆทั้งสิ้นรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปก่อนที่คนบนเตียงจะประมวลผลเสร็จเสียอีก
..
หลังจากที่อีกคนเดินออกไปครู่หนึ่งแสงเหนือก็ทวนคำพูดของอีกคนได้อย่างขึ้นใจ
อย่าซน
แน่นอนว่าแสงเหนือเป็นเด็กดีของเจ้าคุณมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกันเขานั่งนิ่งๆไม่ทำตัวไร้มารยาทลื้อคนห้องของคนอื่นแม้ว่าคนอื่นที่ว่านั้นจะเริ่มสนิทกับเขาแล้วก็ตาม
หลังจากที่นั่งนิ่งรออีกคนสักพักสายตาดันเหลือบไปเห็นหน้าต่างบานใหญ่ที่คุ้นเคย สองขาก้าวลงสัมผัสกับพื้นก่อนจะเดินตรงไปยังสิ่งที่คุ้นเคยนั้น
ปกติได้แต่มองนะเนี่ย
คิดแบบนั้นแล้วก็นึกย้อนไปถึงช่วงเวลา 3 อาทิตย์กว่าๆที่เขาย้ายบ้านมาและเขาก็รู้มาตลอดว่าคนช้างบ้านของตนเองนั้นเป็นรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบมานาน แต่ด้วยความขี้ขลาดและเขินอายเขาจึงมักจะหลบอีกคนตลอด ยกเว้นเวลาไปโรงเรียนที่เขาไม่จำเป็นต้องหลบเท่าใดนักเพราะเขาตื่นเช้าจนเป็นนิสัยทำให้ออกจากบ้านไปโรงเรียนก่อนเจ้าคุณนานโข
มือเรียวเอื้อมไปเปิดผ้าม่านอย่างเผลอตัวแต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องชะงักค้างพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างน่าขัน
"เชี้ย -"
คำหยาบที่นานๆทีจะหลุดออกมาจากริมฝีปากบางหลุดออกมาเมื่อตรงระเบียงห้องของเขาคือร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มพร้อมทั้งนัยน์ตาสีม่วงไวโอเลตที่มองมาทางนี้ด้วยแววตาที่แสดงถึงตกใจไม่ต่างกับเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกรุ่มกริ้มจนน่าหมั่นไส้
" ม๊าไปทำอะไรที่ห้องผม ! "
เเสงเหนือตะโกนเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัวว่าคนที่ไปหาอะไรใหเขาทานจะเข้ามาได้ยินด้วยความเผลอตัว
" อ้าว นี่ห้องแกหรอ ก็ว่าเหลืองอ๋อยเลย "
" ออกจากห้องผมไปเลยนะ ! "
" ฉันกลับบ้านมาเหนื่อยๆนะเจ้าลูกชายไล่กันแบบนี้ได้ยังไง "
เสียงหวานติดทุ้มเอ่ยตอบลูกชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่สาวเจ้าจะทำทีเป็นนึกอะไรบางอย่างพลางมองตรงไปที่ลูกชายด้วยดวงตาที่เป็นประกายสดใส
" แม่แกเล่าให้ฟังว่าแกหายไปตั้งแต่เย็นนู่น แล้วนี่เข้าบ้านผิดรึไง เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะ "
" บ้านนั้นมันบ้านของเจ้าหนุ่มที่ชื่อว่าเจ้าคุณนี่นา "
เสียงแหลมเอยด้วยรอยยิ้มพลางเอียงอย่างสงสัยใคร่รู้
" ใจแตกหรอ "
"เปล่า ! ผมจะฟ้องแม่จริงๆนะว่าม๊าแอบเข้าไปในห้องผม "
"งั้นฉันฟ้องว่าแกใจแตกหนีไปนอนกับผู้ชาย"
ได้ยินแบบนั้นริมฝีปากแดงระเรื่อพลันเม้มแน่นและในขณะที่จะตะโกนตอบอีกฝ่ายไปบานประตูสีขาวก็เปิดเข้ามาอย่างพอดิบพอดีทำให้แสงเหนือต้องรีบดึงม่านปิดซ่อนหน้าต่างให้พ้นจากสายตาของชายหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาพร้อมถ้วยข้าวผัดหอมฉุย
แต่ว่า..
"เจ้าหนุ่มฝากลูกน้าด้วยน้าา มันกินเยอะนิดนึงแต่รวมๆน่ารักนะ"
...
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที ริมฝีปากเม้มเข้าหากันพลางเคลื่อนสายตามองไปทางอื่นอย่างคนหนีความผิด
" อ่ะ วางๆมาเล่นที่บ้านได้นะ ! "
ม๊าก็หยุดสักทีเถอะครับ !
...
" สรุปก็คือมึงอยู่ข้างบ้านกูมา 3 อาทิตย์แล้วแต่ไม่บอกกูสักคำ ? "
ในห้องสีเหลี่ยมมีคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงนุ่มส่วนอีกคนนั่งทับขาท่าทีเรียบร้อยอยู่บนพื้นพลางก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
คนบนเตียงถอนหายใจออกมาหลังจากที่อีกคนเล่าจนเสร็จ เขาก็นึกสงสัยอยู่แล้วเชียวกะว่าจะเค้นเองอยู่หรอกแต่ม๊าของอีกคนดันเปิดตัวเสียโจ่งแจ้ง
" มึงมีแม่ 2 คน ? "
ร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนพื้นพยักหน้าเงียบๆ สำหรับเจ้าคุณเองเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะสังคมปัจจุบันก็ไปไกลมากพอแล้วอีกทั้งน้องชายของเขาและตัวเขาเองก็กำลังคบหาอยู่กับเพศเดียวกันอีกด้วย
" ผมเป็นลูกของแม่แสงดาวครับ ส่วนม๊ามาจีบแม่ผมตั้งแต่ผมประถมนู่นเลย "
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเล่าเรื่องราวออกมา ส่วนเจ้าคุณทำเพียงพยักหน้าเงียบๆเท่านั้นจนทำให้คนที่นั่งเรียบร้อยอยู๋นั้นเริ่มกังวลว่าจะทำให้อีกคนโกรธอีกแล้วหรือเปล่า
" พี่โกรธรึเปล่าครับ ... "
" โกรธ "
ราวกับเห็นฟ้าถล่มดินทลายอยู่ตรงหน้าแสงเหนือมองเจ้าของเรียวขาขาวที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า ..
เพราะคนตรงหน้าเขาันใส่กางเกงขาสั้น พอมานั่งแบบนี้เวลาขยับขากางเกงก็จะถกขึนไปจนเห็นต้นขาเนียนดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัส
" ผมขอโทษครับ "
"ถ้าอยากขอโทษก็ - "
ว่าแล้วก็ขยับมือตบลงไปบนหน้าตักเบาๆ เรียกให้สายตาเป็นประกายของคนข้างล่างมองตรงขึ้นมาบริเวณที่เขาตบเรียก
แต่การกระทำของอีกคนกลับส่วนทางกับสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาโดยสิ้นเชิง เมื่อเด็กหนุ่มขยับกายเข้ามาแล้ววางใบหน้าลงบนตักขาวเนียนแทน แก้มนุ่มของคนเบื้องล่างเบียดแนบชิดไปกับตักของเจ้าคุณจนตาปิด
แต่ถึงจะผิดจากที่คิดเอาไว้แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้ในหัวใจของเจ้าคุณราวกับมีดอกไม้สีขาวนุ่มผลิบานอยู่ข้างในนับร้อยต้น
น่ารัก
ความจริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อก็คือให้อีกคนขยับกายขึ้นมานั่งบนตักต่างหากเพราะอีกคนสูงกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วถ้านับตามมวลร่างกายแล้วล่ะก็ -
เจ้าคุณมั่นใจว่าเขามีพอๆกับอีกคนแน่นอน
แต่ถึงจะไม่ใช่ก็ไม่เป็ฯไรเพราะภาพตรงหน้านั้นน่ารักจนเกินจะห้ามใจชวนให้หัวใจสั่นไหวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
" อะไร "
" ง้อครับ "
" เห่าดิ "
" โฮ่ง "
ริมฝีปากบางค่อยๆผลิยิ้มออกมาอย่างทนไม่ไหว ก่อนจะยกมือเอื้อมเข้าไปลูบไล้ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมนุ่มลื่น ส่วนคนที่โดนลูบนั้นก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
" มานั่งบนเตียงดีๆได้แล้ว "
เสียงทุ้มเอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบแล้วละมือจากศีรษะตรงหน้า คนที่ถูกลูบหัวเมื่อได้ยินแบบนั้นก้รีบผุดลุกขึ้นแล้วนั่งลงบนเตียงนุ่มเคียงข้างอีกคน
" พี่จะให้ผมนอนที่ไหนหรอครับ ? "
คนเด็กกว่าถามด้วยรอยยิ้มพลางมองสำรวจพื้นห้องราวกับกำลังกะหาที่ซุกหัวนอนให้กับตัวเอง
" บนเตียงนี่แหละ นอนพออยู่แล้ว "
"พี่จริงจังหรอครับ ? "
แสงเหนือถามอีกคนด้วยความไม่แน่ใจพร้อมกับดวงตาที่เบิกกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ แต่คนตรงหน้ากลับทำเพียงหันหน้ามาหาแล้วมองมาที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาทีเหมือนจะสื่อว่า ' หน้ากูดูล้อเล่นหรอ '
เมื่อเห็นแบบนั้นเด็กหนุ่มร่างโปร่งมือหรือจะขัดในสิ่งที่เจ้าดวงใจต้องการทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่อีกคนต้องการเพียงเท่านั้น
" แต่มึงต้องอาบน้ำก่อน "
" อ่า ให้ผมกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านไหมครับ "
" เสียเวลา "
เจ้าคุณว่าบอกนั้นก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเองแล้วหยิบชุดผ้าขนหนูผืนใหม่เอี่ยมพร้อมทั้งชั้นในออกมาส่งให้เด็กหนุ่มที่นั่งมองตาปริบๆบนเตียงแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง
โดยครั้งนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับชุดนอนลายสตอเบอร์รี่สีชมพูหวานจนแสบตามาด้วย
"เอาชุดกูไปก่อน"
" ผมไม่คิดว่าพี่จะมีชุดสีแบบนี้ "
" อะไรไอสัส กูซื้อมาเพราะไอ้นายมันเซ้าซี้เถอะ หยุดพูดแล้วรีบไปไป๊ "
" ค้าบบบ "
ว่าจบเด็กหนุ่มก็หอบเอาของทั้งหมดเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่าง่าย ส่วนคนอายุเยอะกว่าก็ล้มตัวลงนอนเล่นโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์
...
เวลาล่วงเลยผ่านไปพักใหญ่ๆ เสียงน้ำในห้องน้ำก็หยุดลงรอเพียงไม่นานหลังจากนั้นร่างขาวเนียนในชุดนอนสีชมพูแขนยาวที่มีหูกระต่ายประดับอยู่บนฮู้ดสีสันหวานแหววสวยงามก็ปรากฎสู่สายตาคมกริบ
ก็เหมาะดีนี่
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเป็นประกายวาววับอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับเป็นเช่นเดิมจากนั้นก็ทำเป็ฯไม่สนใจอีกคนแล้วหันมาจับจ้องโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
แสงเหนือที่พึ่งออกจากห้องน้ำมาก็รีบเดินขึ้นไปบนเตียงของอีกฝ่ายทันทีแล้วเอาหน้ามุดหมอนอย่างเหนื่อยอ่อน อาจเพราะวันนี้เขาต้องยืนรอใครบ้างคนนานนับหลายชั่วโมงด้วยก็ได้ ทำให้ท่อนขาวเรียปวดระบมจนแทบจะไม่อยากเดินไปไหนทำได้เพียงนอนคว่ำหน้าเงียบๆเพียงเท่านั้น
" แดกข้าวไป "
" ผมขี้เกียจเดินแล้ว "
" จะแดกไม่แดก "
" ผมปวดขาา "
คนที่นอนอยู่ตอบกลับเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มที่มองมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้จนแทบฟังไม่ออก แต่เมื่อได้ยินคำตอบก็ทำเอาเจ้าของห้องหายใจสะดุดขาดห้วนไปเลย คงไม่ใช่เพราะยืนรอเขาใช่ไหม
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนกับเตียงนุ่มแล้วขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มอีกคนพลางเอาหัวซบน้อยๆแล้วเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
" ขอโทษครับ "
เมื่อได้ยินแบบนั้นคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่พลันใจอ่อนยวบยาบ ความจริงเขาแอบเคืองอีกคนมาตลอดตั้งแต่ที่โรงหนังแล้วแต่ก็ไม่ได้แสดงออกให้อีกคนเห็น
ด้วยความที่เขาเกลียดคนที่ผิดนัดผิดสัญญาณมากเป็นที่สุด ในกรณีนี้เขาแอบเคืองอีกคนก็คงไม่แปลกเท่าใดนัก
" ผมไปรอพี่ตั้งนาน "
" อือ ขอโทษครับ "
เเสงเหนือเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงเวลาที่เขารออีกคน ยิ่งฟังเสียงทุ้มที่ดูอ่อนลงหลายเท่ายิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของเด็กหนุ่มสั่นไหวมากขึ้นเท่านั้น
" ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้โกรธ "
" ไว้มีโอกาสไปเดทกันใหม่ไหม ถือว่ากูชวน "
หลังจากที่ฟังคำเอื้อนเอ่ยของคนข้างกาย แสงเหนือหยุดนิ่งครุ่นคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบตกลงกับอีกคน
" แล้วคนที่มาหอมแก "
" พี่ที่รู้จักครับ สนิทกันมานานแล้ว "
" อือ หรอ "
เมื่ออีกคนบอกแบบนั้นเจ้าคุณก็ไม่ติดใจอะไรอีกเพราะเด็กตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะโกหกอะไรอยู่แล้ว และเจ้าคุณเองก็เชื่อใจแสงเหนือมากถึงมากที่สุด
" กินข้าวไหม เดี๋ยวหยิบให้ "
" ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมหยิบเอง อ้าว "
ยังไม่ทันที่เสียงทุ้มนุ่มจะเอ่ยจบหันมาอีกทีจานข้าวผัดร้อนระอุที่ส่งกลิ่นหอลอยไปในอากาศก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว
" กินเถอะ จะได้พักผ่อน "
...
จานข้าวผัดในตอนแรกเหลือแต่จานเปล่าเพียงอย่างเดียวภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที ร่างสูงโปร่งยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วกล่าวขอบคุณคนอายุมากกว่าทันที
" ขอบคุณมากครับ "
ว่าแล้วก็นั่งหลังตรงมองไปทางเจ้าของห้องที่นั่งเล่นมือถืออยู่ก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันจะนึกอะไรบางอย่างได้แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับเอาหูฟังออกมาเสียบแล้วใช้นิ้วกดลงไปบนหน้าจอถี่รัว
คนอายุเยอะกว่าที่ลอบมองการกระทำดังกล่าวได้แต่ขมวดอย่างไม่เข้าใจ
" พี่มาฟังเพลงกันไหมครับ "
ว่าจบก็ยื่นหูฟังมาให้เจ้าคุณข้างนึงพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดี
มือเรียวของชายหนุ่มยื่นออกไปรับหูฟังมาถือเอาไว้ก่อนจะสวมมันเข้าไปในหูพลางหลับตาพริ้มน้อยๆ
เหมือนว่าใจ ลอยหลุดไป
เธอฆ่าคนด้วยสายตา
เพียงแค่เธอนั้นมองมา
ไม่ปลอดภัย
เหมือนว่าโดน ดึงดูดไป
หากใครเข้าไปใกล้นาน
ก็ยากที่จะต้านทาน
อดใจไม่ไหว
ก็เธอดันน่ารัก ซะสาแก่ใจ
อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม
ยังคงมองภาพที่เธอ นั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม
เธอเชือดฉันได้นิ่ม ๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ
เสียงดนตรีดังไปเรื่อยๆ พร้อมกับบรรยากาศของคนสองคนที่หวานละมุนราวกับอยู่ในขนมสายไหมสีหวาน
ก่อนที่จะรู้ตัวร่างของทั้งสองก็เคลื่อนขยับเข้ามาใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน ทั้งร่างกายที่แนบชิดอิงแอบอยู่เคียงข้างกัน นัยน์ตาของคนทั้งสองสบมองกันอย่างนิ่งงั้นเพียงเเค่ความคิดชั่ววูบวิ่งเข้ามาในหัวและบรรยากาศที่เป็นใจ
ใบหน้าทั้งสองขยับใกล้ชิดกันดวงตาทั้งสองคู่สอดประสานกันอย่างไม่อาจหยุดได้ ริมฝีปากเนียนนุ่มสัมผัสกันแผ่วเบาก่อนที่เจ้าคุณจะเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนพร้อมทั้งดูดดึงอย่างอ้อยอิ่ง
ทางคนเด็กกว่าก็ไม่แพ้กันเมื่ออีกคนเป็นคนนั้นแสงเหนือก็เรียนรู้ทันทีแล้วเริ่มตามจังหวะของคนอายุเยอะกว่าทันในเวลาสั้นๆจนเจ้าของนัยน์ตาสีสวยเองยังนึกแปลกใจ
แต่บทเพลงรักก็ยังคงบรรเลงไปด้วยจังหวะหวานละมุนยิ่งกว่าขนมหวานต่อไปจนเวลาล่วงเลยไป
...
ร่างทั้งสองนอนอิงแอบเข้าหากันภายในห้องที่ปิดไฟเงียบสนิท หลังจากที่จูบกันไปก่อนหน้านั้นบรรยากาศก็พาไปจนเกือบจะทำอะไรเกินเลยกันแล้ว - แต่แสงเหนือสามารถดึงสติกลับมาได้ก่อนจึงเป็นคนหยุดกิจกรรมทั้งหมดนั้นลงในทันที
" กูสัญญาว่าจะให้คำตอบมึง แต่ขอให้อะไรๆคงที่กว่านี้หน่อยได้ไหม "
" ผมรอพี่ได้เสมอนั่นแหละครับ ได้เสมอเลย "
แสงเหนือแย้มยิ้มออกมาจนถึงดวงตา ในอกพองฟูจนแทบจะสำลักความสุขตายมันจรงนี้เลย แต่ติดที่ว่ามีกลุ่มผมสีเข้มนุ่มนิ่มซุกอยู่ที่อย่างออดอ้อน
อีกคนซุกอยู่ที่อกเขามานานหลายนาทีตั้งแต่ที่หยุดกิจกรรมดังกล่าว ในใจของเเสงเหนือมีความหวังเสียจนน่าเอ็นดูถ้าหากมีใครรู้เข้า
เจ้าตัวหมายมั่นในอกแล้วว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเมฆาเพื่อนรัก จะบอกในวันที่พวกเขาสองคนได้ตกลงปลงใจคบหากัน แสงเหนือนึกภาพตอนเมฆายิ้มอย่างยินดีให้เขาอย่างมีความสุขก็ยิ้มตามไปด้วยพร้อมกับในใจที่อุ่นวาบขึ้นมา
เมฆาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างทั้งตอนที่ทุกข์และสุข เป็นเพื่อนคนสำคัญที่เขาจะนึกถึงเป็นคนแรกเสมอไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร
" นอนเถอะ ดึกแล้ว "
เสียงทุ้มดังขัดความคิดของเขาพร้อมกับขยับใบหน้าเข้าหาไออุ่นตรงอกของเขาอย่างน่ารัก แสงเหนือเห็นแบบนั้นจึงได้แต่นอนนิ่งๆให้อีกคนได้ซุกตามใจพร้อมกับหลับตาพริ้มก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา
" ราตรีสวัสดิ์ครับ "
" ฝันดี "
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หลับไหลเข้าสู่ห้วงนิทราหวานละมุนกว่าจะตื่นอีกทีก็เช้าตรู่เสียแล้ว
....
เมื่อยามเช้ามาถึงเจ้าคุณก็พาเด็กหนุ่มร่วมห้องไปจัดการอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วพาลงมาทานข้าวข้างล้าง
แต่เมื่อลงมาก็พบกับทิศเหนือและเจ้านายที่นั่งทานข้าวเช้าอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองเมื่อเห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเดินลงมากับพี่ชายและเพื่อนของตนก็ได้แต่อ้าปากข้าง แล้วรีบพุ่งตัวเข้ามาถามเรื่องราวว่าเป็นมาอะไรยังไงจนเกิดเป็นความวุ่นวายเล็กๆ
กว่าจะทานข้าวเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบ 10 โมงเช้า เจ้าคุณพาเด็กหนุ่มไปส่งที่หน้าบ้านพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ
" เข้าบ้านไปไป "
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาจากบ้านไม่ถึง 20 ก้าวก็ถึงบ้านของแสงเหนือเสียแล้ว แสงเหนือเองก็ยิ้มแย้มอย่างสดใสแล้วเดินไปเปิดประตูรั้ว แต่ก็ไม่วายหันมามองเจ้าคุณที่ยืนอยู่
" อะไรอีก "
" เจอกันที่โรงเรียนนะครับ พี่เจ้าคุณ "
" อือ เจอกันที่โรงเรียน "
ว่าจบชายหนุ่มก็ยิ้มบางเบาแล้วโบกมือให้รุ่นน้องเบาๆ ทางฝั่งเเสงเหนือเองก็ยิ้มจนตาหยี่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน
ทิ้งเอาไว้เพียงความหอมละมุนที่ยังไม่หายออกไปจากหัวใจของทั้งคู่
พร้อมกับระยะห่างที่ดูจะใกล้กันมาขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ?
ถ้าใกล้กันแบบนี้ไปเรื่อยๆก็คงจะดี
________________________________________________________________________
[โต๊ะริม]
_________________________________________________________________________
บทที่ 6
.
.
.
หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นทั้งสองคนก็ดูจะสนิทกันขึ้นจมแม้แต่เพื่อนๆยังดูออก
ทั้งการที่แสงเหนือคอยขับรถรับส่งและมาเรียนพร้อมกัน บางทีก็ทักท้ายกันด้วยรอยยิ้มหรือเอาขนมมาแบ่งกันทาน และบรรยากาศแบบนี้ก็กินเวลานานหลายสัปดาห์จนตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปเดือนหนึ่งแล้ว
เดือนนี้นับเป็นเดือนสอบที่สำคัญของนักเรียน ม.6 อย่างเจ้าคุณเป็นอย่างมาก เพราะเขาจะต้องทำการสอบใหญ่เพื่อเข้า มหาลัย แน่นอนว่าพวกเขาแทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย
แน่นอนว่าแสงเหนือก็ไม่ได้ติดอะไรเพราะโดยส่วนตัวแล้วเขาเข้าใจว่าเจ้าคุณจะต้องเครียดและเหนื่อยมากแน่ๆกับการสอบเข้า อย่างมากเด็กหนุ่มก็จะไปหาไปให้กำลังใจบ้างเพียงครู่เดียวก็เดินกลับบ้านตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นในใจก็ยังเฝ้าคิดถึงคนในดวงใจอยู่เสมอไม่ว่าจะวันไหน แต่ก็ทำได้เพียงแค่อดทนให้เวลาล่วงเลยไปจนช่วงประกาศผลสอบ
ตรงช่วงนี้นี่เองที่เวลาเขาไปหาแล้วพูดคุยกับชายหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีเข้มก็มักจะโดนไล่ออกมาอยู่บ่อยครั้งทั้งๆที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ บางทีก็โดนต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคายที่ชวนให้ดวงใจปวดร้าวจนเจ็บไปหมด
น่ารำคาญ
ออกไปก่อนได้ไหม
วุ่นวายชิบหาย
จะไปไหนก็ไป
อารมณ์ที่แปรปรวนขึ้นของชายหนุ่มทำเอาแสงเหนือตามไม่ทัน แต่เห็นอีกคนเครียดแบบนั้นเขาจึงตัดสินใจถอยออกมาก่อนจนกว่าจะผ่านพ้นช่วงสอบ
แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ดีขึ้นตามที่เขาคิด กลับกันระยะห่างระหว่างพวกเราสองคนกลับห่างกันไปเรื่อยๆ ราวกับอีกคนเป็นจันทราที่อยู่บนฟากฟ้าและเขาก็เป็นดั่งดวงดาว
ที่แม้จะอยู่ที่เดียวกันแต่กลับไม่เคยเอื้อมถึงกันเลยแม้แต่น้อย
จนบางครั้งเขาก็ปวดราวจนแทบจะร้องไห้ออกมา เมื่อเห็นทิศเหนือนั่งอยู่เคียงข้างกับคนที่หายหน้าหายตาไปเสียนาน น่าแปลกที่บนใบหน้าสวยนั่นแย้มยิ้มจนไปถึงดวงตาต่างจากตอนที่เขาไปหาอย่างสิ้นเชิง
ตอนนั้นเองที่บรรยากาศพลันมืดครึ้ม หยดน้ำใสตกลงมากระทบบนพวงแก้มเนียนทีละหยดจนกระทั่งเทลงมาจนร่างสูงโปร่งเปียกปอน
อ่า เหมือนหนังน้ำเน่าที่ม๊าชอบดูเลย
ทว่าภาพตรงหน้านั้นช่างอบอุ่นจนไม่อยากเข้าไปหลบข้างในให้เสียบรรยากาศ ขายาวก้าวไปคนละทางกับแสงไฟอบอุ่นตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มักจะมีประดับอยู่บนใบหน้าเสมอมา
ท่ามกลางสายฝนเย็นเฉียบเเสงเหนือเดินช้าๆพร้อมกับสมองที่คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื้อย ความหนาวเย็นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอึดอัดปวดหนึบในจิตใจลดน้อยลงได้เลย กลับกันกลับทำให้ตระหนักได้ถึงคำพูดของเพื่อนสนิทที่เคยกล่าวเตือนเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
' มึงอย่าเป็นเหมือนกู ต่อให้เราดีแทบตายยังไง ต่อให้เขาเเสดงท่าทีสนใจเรามากน้อยแค่ไหน แต่ตราบใดที่เขายังมีคนในใจ '
' พยายามให้ตายมึงก็ชนะคนในใจเขาไม่ได้ '
เมื่อนึกได้ถึงตรงนี้แสงเหนือก็ทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
แล้วเเบบนี้เขาจะบอกเมว่ายังไงดีล่ะเนี่ย
ระหว่างที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยข้างหน้ากลับมีเสียงเล็กแหลมที่คุ้นเคยดังมาให้ได้ยินก่อนที่จะปรากฎร่างของหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยสง่าและเรือนผมสีเทาที่ยาวสลวยอย่างงดงาม
" ว๊าย น้องเหนือ มาเดินอะไรกลางฝนลูกมานี้มาๆ "
" เจ๊ ไอสัส กูจะหลุดออกนอกร่มอยู่แล้วถ้าน้องมันเข้ามาให้กูเดินกลางฝันเลยเถอะ "
" ก็ใช่ไง เพราะงั้นอีสมชายมึงออกไปกูจะให้น้องเหนือเขาเข้ามา "
" อี- "
ชายหญิงตรงหน้าทะเลาะกันอย่างสนิทสนมทำให้แสงเหนือหลุดยิ้มออกมาอย่างน่ารัก แต่ซันไลน์กลับสังเกตเห็นขอบที่แดงระเรื่อของคนอายุน้อยกว่า การกระทำทั้งหมดจึงดูจริงจังขึ้นมากระทำหันแม้กระทั่งมุกก็ยังตกใจ
" ให้น้องมันเข้ามา กูออกเอง "
ว่าแล้วก็เดินออกไปนอกร่มอย่างไม่กลัวตัวเองจะเปียกเลยแม้แต่น้อย ทางแสงเหนือเองก็เกรงใจจนไม่ยอมเข้าไปในร่มสักทีเพราะไหนๆตัวเขาก็เปียกขนาดนี้แล้วเปียกอีกสักหน่อยคงไม่เป็นอะไร
แต่จณะที่กำลังจะปฏิเสธนั้นเองแผ่นหลังก็ถูกมือใหญ่ดันให้เข้าไปในร่มเสียแล้ว
...
หลังจากนั้นเขาก็ถูกพามาที่ใต้ตึกเรียน บริเวณนั้นเงียบกริบไร้ผู้คนช่วยให้เด็กหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
" ขอบคุณมากนะครับ "
ซันไชน์ที่เห็นคนเด็กกว่าดูผ่อนคลายขึ้นแล้วก็เริ่มเอ่ยถามไถทันที ในขณะที่มุกก็นั่งประกบแสงเหนือข้างหนึ่ง
" ไอ้คุณทำอะไรมา "
คำแรกที่เปิดก็ทำให้เเสงเหนือเงียบทันที เดาได้ไม่ยากอยู่แล้วเรื่องทีจะทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเสียน้ำตาาได้ในตอนนี้มีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นและเรื่องที่เข้าข่ายที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของเพื่อนจอมหยาบคายของเขานี่แหละ
" อ่า เปล่าครับ "
เสียงทุ้มนุ่มของเเสงเหนือเอ่ยอย่างสุภาพพร้อมกับยิ้มให้รุ่นพี่แสนดีน้อยๆ แต่มีหรือซันไชน์จะยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกายมองแล้วดูสดชื่นราวกับหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนยอดพฤกษาจับจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตากดดัน
แต่จนแล้วจนรอดเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยจนรุ่นพี่หนึ่งชายหนึ่งหญิงต้องมองหน้ากันอย่างหมดหนทาง
" โอเคๆ เหนือไม่บอกพวกพี่ก็ไม่เป็นไรค่ะ "
" แต่พี่อยากให้เหนือรู้เอาไว้นะคะ ว่าพวกพี่รักเหนือมาก พี่อยากช่วยเหนือในตอนที่เหนือกำลังแย่ค่ะ "
" เหมือนที่เหนือเคยช่วยพวกพี่ "
เหมือนที่มุกพูดไปทุกอย่าง มุกไม่ได้เอ็นดูเหนือเพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้น นิสัยของเหนือนั้นดังดีมากกว่าหน้าตาเสียอีก
เมื่อหลายก่อนเธอก็โดนเด็กคนนี้ช่วยเอาไว้ เธอจำได้เลยว่าตอนที่คนร้ายนั้นกำลังจะทำอะไรน่ารังเกียจกับเธอเธอก็โดนน้องกับเพื่อนมาช่วยเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะต้องรังเกียจตัวเองไปทั้งชีวิต
เธอเคยเกือบโดนข่มขืน .
โชคดีที่ฟ้าส่งเทวดาตัวน้อยๆมาช่วยเธอในตอนนั้น จำได้เลยว่าหลังจากที่ถูกช่วยเธอร้องไห้จนขาดสติมากแค่ไหน ก็มีเหนือกับเมฆาช่วยปลอบเธอจนเธอดีขึ้น ทั้งยังมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลบ่อยๆด้วย
แต่ที่นึกแล้วขำก็คงจะเป็นน้องเมฆาที่ตัวเล็กนิดเดียวแต่กลับหมัดหนักกว่าใครคนนั้นคอยหาของพวกอุปกรณ์ส่งเสียงขอความช่วยเหลือ เสปรย์พริกไทย พวกนี้มาให้เธอพกติดตัว
แถมพอมีเรื่องหลุดว่ามีเด็กในโรงเรียนเกือบโดนข่มขืนผู้คนก็ตีความกันไปต่างๆนาๆ บางก็บอกว่าฝ่ายหญิงไปอ่อยเขาหรือเปล่า บ้างก็ว่าฝ่ายหญิงแต่งตัวไม่สุภาพต่างๆนาๆ
ก็มีเมฆานี่แหละด่ากราดจนคนพวกนั้นน่าเสียไปเลย
' ผู้หญิงเขาจะแต่งตัวยังไงตามหลักมันก็สิทธิ์ของเขา รู้ว่าบางทีมันก็ไม่เหมาะแต่เหยื่อเขาก็ไม่ได้ไปนุ่งสั้นในวัดนี่ ในสถานที่ราชการนี่ บางกรณีขนาดอยู่ในชุดนักเรียนยังโดนเลย '
' แล้วแบบนี้ต้องโทษไอพวกที่ไม่รู้จักความคุมความเงี่ยนความคุมจู๋ตัวเองป่าว ถ้าควบคุมไม่ได้ก็ตัดเอาไปให้ปลาแดกดิ '
แน่นอนว่ามันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป ส่วนเธอที่กำลังจิตตกก็มีเเสงเหนือคอยอยู่ปลอบตลอดเวลา
ในฝั่งของซันไชน์นั้นก็ไม่มีอะไรมาก ด้วยนิสัยที่มักชอบหาเรื่องชกต่อยเป็นประจำของตัวเองเมื่อก่อนทำให้ครั้งหนึ่งโดนอีกฝั่งเล่นหมาหมู่จนเกือบตาย
ในตอนนั้นสิ่งที่เห็นก็คือเด็กเตี้ยที่มีเรือนผมสีไม้วอลนัทข้มแซมสีครีมละมุนประกอบกับนัยน์ตาสีฟ้าสดใสที่ดูดุดันจัดการไล่พวกนั้นไปแล้วเจ้าตัวกับเพื่อนก็มาแบกเข้าไปส่งโรงพยาบาล
คนในตอนนั้นก็คือแสงเหนือกับเมฆานั่นเอง
เด็กสองคนนี้เป็นเด็กดีมากเสียจนพวกเขาเอ็นดู
เมื่อได้ยินสิ่งที่รุ่นพี่ทั้งสองคนบอกแสงเหนือก็ก้มหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มและมั่นคงว่า
" ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ แต่ว่าผมอยากจัดการเรื่องนี้เอง "
" ขอบคุณมากๆนะครับ "
ว่าจบก็พนมมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
ทางรุ่นพี่เมื่อเห็นเด็กตรงหน้าเป็นเช่นนั้นจึงได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ ซันไชน์ขยับมือยี่ศีรษะนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ
" มีอะไรให้ช่วยบอกพวกพี่ได้นะเว้ยเหนือ ใครพวกพี่ตอบแทนเราบ้าง "
" จริงที่สุดค่ะ "
" แล้วไม่ตอบแทนเมฆษบ้างล่ะครับ ฟฟฟ "
" รายนั้นดื้อกว่าเรา 100 เท่ามีอะไรก็ไม่บอกสักอย่าง แต่เห็นว่าช่วงนี้ดูโทรมๆเหนื่อยๆนะ "
ซันไชน์พูดไปด้วยพร้อมจับคางอย่างครุ่นคิด พยายามนึกถึงสภาพของเด็กคนนั้นจากตอนที่เจอกันล่าสุด
" เมฆาน่ะหรอครับ "
" ใช่ๆ เราไม่ค่อยได้เจอเพื่อนหรอ ? "
" เดือนนี้ไม่ค่อยเลยครับ ไปหาที่บ้าน ไปหาที่ห้องก็ไม่เจอ เหมือนว่าจะขาดบ่อย "
" ไม่สบายรึเปล่า ? เด็กนี่เจออะไรก็ไม่เคยบอกกันหรอก "
หลังจากที่คุยกับเสร็จก็ได้เวลาเลิกเรียนพอดี เเสงเหนือจึงจำต้องขอตัวกลับก่อนเพื่อไปรอรับเจ้าคุณตามปกติ
...
หลังจากวนรถมาอยู่หน้าประตูทางออกได้สักพักแสงเหนือจึงหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มแต่กลับไร้การตอบรับ เขาจึงกดเข้าไปในโปรแกรมแชทสีเขียวพร้อมกับพิมพ์ข้อความไปหาอีกคนทันที
' ผมรออยู่หน้าประตูที่เดิมนะครับ '
ข้อความสั้นๆกระชับและได้ใจความถูกส่งไป จากนั่งมือเรียวก็เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าเอาไว้แล้วยืนรอคนอายุมากกว่าอย่างใจจดใจจ่อ
แต่แล้วเวลาที่ผ่านเลยไป ผู้คนที่เริ่มทยอยกลับบ้านไปทีละคนสองคนจนตอนนี้ทั้งโรงเรียนกลับเงียบกริบไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตเพียงเท่านั้นความสดใสพลันมลายหายไปจากใบหน้านั้น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นจนคล้ำเขียว
เป็นอีกครั้งที่เขาถูกปล่อยให้รอ แต่ในใจกลับเชื่อใจอีกคนมากจนตัดสินใจอยู่รอต่ออย่างไม่เลิกละความพยายาม
พี่เขาอาจติดงานด่วนก็ได้ ช่วงนี้ยุ่งๆนี่นา
แต่ถึงอย่างนั้น- เวลาก็เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ จากหนึ่งชั่วโมงเป็นสองชั่วโมงรอแล้วรอเล่าจวนจะสองทุ่มก็ยังไม่มีวี่เเววของคนคนนั้น ข้อความแชทที่ส่งให้ไปตั้งแต่สี่โมงก็ไม่มีวี่แววว่าจะขึ้นอ่าน
"..."
ร่างโปร่งตัดสินใจขึ้นครอมมอเตอร์ไซค์คนเก่งของตัวเองแล้วเคลื่อนตัวไปบนท้องถนนทันที
สายลมที่ประทะกับใบหน้าช่วยให้ความปวดหนึบในดวงใจลดไปได้ไม่มากก็น้อย แสงเหนือสูดลมหายใจเข้าปอดหวังให้ช่วยบรรเทาอากาศเจ็บแปร๊บภายในอกที่กำลังกัดกินไปทีละน้อย
แต่เขาก็ต้องหยุดรถทันทีที่เห็นใครบางคนที่แสนคุ้นเคยนั่งอยู่ในร้านอาหารสไตล์น่ารักกับชายหนุ่มอีกคนที่เขาก็คุ้นเคยดี
พี่เจ้าคุณกับพี่ทิศเหนือ
รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าของเจ้าคุณกว้างเสียจนรู้สึกจุกแน่นในหน้าอก
นั้นเป็นรอยยิ้มที่เขาหวังว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นของเขา เป็นรอยยิ้มที่เขาปรารถนา -
อาจเป็นอย่างที่เมฆาบอกจริงๆนั่นแหละ ที่ต่อให้สู้ยังไงก็เเพ้คนในใจเขาอยู่ดี
แสงเหนือละสายตาออกจากภาพตรงหน้านั้นก่อนจะรีบคร่อมรถเตรียมขับออกไปแต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะกำลังเล่นตลก คนในร้านนั้นกลับสังเกตเห็นเขาพอดี ร่างสูงโปร่งของเจ้าคุณรีบผุดลุกขึ้นยื่นแล้วเดินออกจากร้านมาหาเขาเร็วๆ ก่อนจะเรียกเขาเอาไว้
" แสงเหนือ ? "
อีกคนมองมาที่เขาด้วยสายตาจับผิด ส่วนคนที่ถูกมองเมื่อเห็นสายตาแบบนั้นก็ได้แต่งุนงงจนต้องหยุดรถมอง
" รู้ได้ยังไงว่ากูอยู่นี่ "
" ผมแค่ผ่านทางมาครับ "
" หรอ "
แสงเหนือแย้มยิ้มตามปกติที่มักจะแสดงให้อีกคนเห็นทั้งๆที่ในอกนั้นปวดหนึบจนแทบจะทนไม่ไหว ดวงตาสีอำพันมองคนตรงหน้าอย่างอดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
" เดี๋ยวกูให้เหนือไปส่ง มึงกลับไปก่อนเลย "
" อ่า โอเคครับพี่ "
เมื่อได้ยินแบบนั้นเเสงเหนือก็ไม่อยู่มองคนตรงหน้าได้อีกรีบขับรถออกถนนทันที
ในใจก่อนหน้าที่อีกคนจะออกมาคุยเขายังหวัง ยังหวังว่าเขาจะดูผิด หวังว่าคนที่เขาเห็นจะเป็นพี่เจ้านาย ถึงแม้ว่าดวงตาสวยสีน้ำเงินเข้มดวงนั้นจะเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจลืมหรือจำสลับกันได้ก็ตาม
รู้ตัวอีกทีเขาก็ขับรถถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย เขารีบสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องแล้วมุดตัวเองให้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา
ความเจ็บร้าวที่ต้องเผชิญมันเจ็บปวดเกินกว่าจะทน ครั้งนี้เขาจึงกลับมานั่งคิดอีกครั้งแล้วก็ต้องตกใจเมื่อตระหนักได้ว่า ..
เขากับพี่เจ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน
เขาเป็นเพียงคนที่เข้ามาจีบและพี่เจ้าคุณก็มีสิทธิ์ที่จะไม่รับรักเขา
ราวกับสมองกระจ่างใสยิ่งขึ้น คำเตือนจากเพื่อนสนิทแสนดีดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้เจออีกคนเท่าใดนักจะมีก็แต่แชทกันบ้าง เขาคิดถึงเพื่อนรักคนนี้จนแทบบ้าอยากจะกอดให้แน่นๆโดยเฉพาะในตอนนี้
ติ๊ง
ครู่หนึ่งหลังจากที่เเสงเหนือนอนซุกอยู๋กับกองผ้าห่มในห้องมืดๆได้สักพักเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นสีเขียวก็ดังขึ้น ร่างโปร่งหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากเจ้าของหัวใจของเขานั่นเอง
' ขอโทษ คือเมื่อกี้มึงรอกูจนพึ่งกลับใช่ไหม ? '
' ครับ '
แสงเหนือวาดนิ้วเขียนลงไปเป็นข้อความสั้นๆเท่านั้นก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋าอย่างไม่คิดอะไรนัก พร้อมกับเอาใบหน้ามุดไปที่หมอนนุ่มเหมือนกำลังหาที่พิง
ติ๊ง
แสงเหนือหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นเพื่อนสนิทที่หายหน้าหายตาไปนานนับหลายอาทิตย์ ส่งผลให้ร่างโปร่งรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกดเข้าไปในแชทของเพื่อนทันที
แล้วด้วยความรีบเขาจึงกดโทรหาเพื่อนทันที
' ขอโทษที่ไม่ได้บอก ช่วงนี้มีเรื่องนิดหน่อย '
ทันทีที่รับสายเสียงทุ้มของอีกคนที่น่าคิดถึงก็ดังขึ้นมา
" คิดถึงนะ เป็นอะไรรึเปล่า เราได้ข่าวมาจากพี่ซันว่าเมฆาดูไม่ค่อยสบาย "
' อือ จริงๆก็นิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย'
" แกคงไม่ได้ทำร้ายตัวเองอีกแล้วใช่ไหม "
' เปล่า กูไม่ได้ทำ '
อีกฝั่งตอบด้วยเสียงที่แหบพร่าจนแม้แต่คนฟังเองก็ใจไม่ดี
" มึงมีอะไรบอกกูได้นะ "
ไม่มากนักที่แสงเหนือจะพูดหยาบคายใส่เพื่อนคนนี้ นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
' ถ้าไม่ไหวจะบอก '
" สัญญา ? "
' เออ สัญญา มึงเป็นแม่กูรึไงวะ '
" เรียกเราว่าแม่ดิ "
' ฝัน '
ทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างมีความสุขจนลืมความปวดหนึบกลางอกเมื่อสักพักไปได้อย่างปลดทิ้ง
' เออ เดี๋ยวกูต้องไปแถวโรงเรียนว่ะ '
" ไปทำไมอ่ะ ดึกแล้วนะ "
' กูทำของหาย '
" เออๆ ขับรถดีๆอ่ะ ไม่เจอบอก "
จากนั้นทั้งสองคนก็บอกลากันแล้ววางสาย แสงเหนือยิ้มเล็กน้อยก่อนจะล้มตัวลงนอนพร้อมกับรอยยิ้ม
แล้วคืนวันก็ผ่านไปได้อีกคืนหนึ่ง - โดยที่เจ้าของนัยน์ตาสีมวลก็ไม่ติดต่อกลับมา
ตอนเช้าตรู่นั้นเองที่แสงเหนือได้เห็นคนคนนั้นอีกครั้ง แน่นอนว่าแสงเหนือก็ยังคงเป็นแสงเหนือรีบเดินเข้าไปกล่าวทักทายชายหนุ่มทันทีตามนิสัย
ฝ่ายเจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มเช่นกันก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมนุ่มลื่นอย่างเบามือพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวรายกับสายลมว่า
" ขอโทษที่ปล่อยให้รอ "
หลังจากนั้นเจ้าคุณก็นัดอีกฝ่ายให้มาเจอกันตอนเย็นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อีกคนกลับเน้นย้ำความว่าเดทอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจดวงน้อยที่เจ็บปวดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับต้นไม้ที่ได้รับน้ำจนสดชื่น
วันนี้หลังจากเลิกเรียนเแสงเหนือจึงรีบออกมารอที่จุดนัดพบทันที นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกาบระยิบระยับสดใสเสียจนคนที่ผ่านไปผ่านมาต้องหันกลับมามอง หลังจากที่รออยู่ตรงนั้นประมาณ 30 นาที ตรงทางเดินก็ปรากฎร่างของชายหนุ่มเจ้าของเรือนไหมสีปีกอีกาที่เดินสาวเท้ามาหาแสงเหนือช้าๆอย่างไม่รีบร้อน
เจ้าคุณที่เห็นแสงเหนือยืนอยู่ก่อนแล้วก็ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนที่จะดึงมือเรียวให้เดินตามไป
...
15 นาทีให้หลัง
ทั้งสองคนก็เดินมาถึงร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งจนได้ บรรยากาศภายในร้านดูผ่อนคลาย พร้อมกับกลิ่นหอมกาแฟและดนตรีที่เป็นจังหวะเบาสบาย
นัยน์ตาสีอำพันมองสำรวจไปรอบๆพบว่าร้านนี้เป็นร้านที่ขนาดกำลังพอดี การตกแต่งอยู่ในสไตล์โมเดิร์นทำให้ร้านนี้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้นและเวลาในตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนนักศึกษาจากระแวกใกล้เคียงที่แวะมาใช้บริการ
" สั่งเลย เดี๋ยวกูเลี้ยง "
หลังจากที่เลือกนั่งโต๊ะในมุมส่วนตัวมุมหนึ่งเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มก็หยิบเมนูส่งให้อีกคนเลือกสรรค์
" ครับ ! "
คนเด็กกว่าตอบรับเสียงดังฟังชัดก่อนจะเลือกจิ้มเค้กช็อคโกแลตและชีสเค้กสตอเบอร์รี่มา แล้วหันไปสั่งกับพนักงานเพิ่มเติมอีกว่าด้วยเรื่องของอาหารของอีกคนที่มาด้วย
" แล้วก็ขอเป็นเเซนวิสไส้ไข่แล้วก็ขอเป็นชาเขียวหวานน้อย 2 นะครับ "
เจ้าคุณเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย จนทำให้คนที่เด็กกว่าหลุดขำออกมาอย่างอดรนทนไม่ไหว
" ผมรู้ว่าพี่ไม่ชอบทานของหวาน "
" รู้ได้ยังไง ? "
" แค่สังเกตก็รู้แล้วล่ะครับ "
ทั้งสองอมยิ้มให้กันจนแสงเหนือเริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของเขากับคนตรงหน้าเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วที่หอมหวานละมุนละไม คล้ายกับบรรยากาศตอนนี้ไม่มีผิด
หลังจากนั้นขนมหวานที่สั่งมาก็มาเสิร์ฟ นัยน์ตาสีอำพันทอประกายระยิบระยับอย่างมีความสุขก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่าเตรียมอัปลงสตอรี่ในคืนนี้
แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะตัดเค้กเข้าปากนั่นเองเสียงมือถือของคนตรงข้ามก็ดังขึ้นเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าคุณก็จำใจต้องรับแล้วเอาแนบใบหูเอาไว้
" !! แล้วมึงไม่ดูแลตัวเองดีๆวะ ไอเหี้ยเอ๋ย "
ว่าจบก็เคลื่อนสายตามามองเด็กตรงหน้าก่อนจะตอบคนปลายสายไปด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด
" ไม่ เดี๋ยวกูไป "
ว่าจบก็กดวางสายทันทีทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ในใจของแสงเหนือพลันสั่นไหวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายเงียบไปพลางขอให้ไม่ใช่ในสิ่งที่ตัวเองคิดเลย
" ทิศเหนือมันโทรมาบอกว่ามันเข้าโรงพยาบาล กูต้องไปดูหน่อย ขอโทษนะ "
โชคชะตากลับไม่เข้าข้างเขาตามที่คิด เมื่อได้ยินชื่อของอีกคนเข้ามาเกี่ยวในบทสนทนาแทบจะทำให้เขาอยากจะดึงอีกคนเข้ามาถามเรื่องนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
ติดก็แต่ว่าแสงเหนือเป็นคนไม่สู้คนและกลัวว่าจะทำอะไรที่ทำให้อีกคนอึดอัดไปด้วย ร่างสูงโปร่งทำเพียงแค่ยิ้มนุ่มนวลเท่านั้นโดยไม่ได้ตอบอะไร เจ้าคุณที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้ารีบวางเงินแล้วเดินออกไปอย่างรีบร้อน
ทิ้งเขาไว้เพียงคนเดียว - อีกครั้ง
แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ คำตอบที่มั่นคงว่าไม่แล้วมองมาที่เขา ท่าทีรีบร้อน ดูก็รู้ว่าเป็นห่วงอีกคนมากแค่ไหน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน แล้วออกมาโดนที่ไม่คิดจะหันหลังกลับไป
ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อภายในอกก็บีบรัดเสียแน่นจนแทบจะร้องไห้
แต่ก่อนที่จะรู้สึกตัวหยดน้ำหยดเล็กก็ไหลลงมาผ่านแก้มนวลจากสายเดียวแยกเป็นสองสายก่อนจะไหลมาไม่ขาดสายโดยที่ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นไห้ที่ควรจะมี มันจุกจนไม่อาจส่งเสียงออกมาได้อีก
แสงเหนือหลบมุมยืนร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้นมาสักพักใหญ่ กว่าจะหยุดร้องก็กินเวลาไปนานหลายนาที แล้วเมื่อหยุดลงเขาก็รีบเดินกลับไปที่โรงเรียนโดยก้มหน้าซุกซ่อนดวงตาบวมเป่งเอาไว้แล้วรีบขับรถกลับบ้านตัวเองทันที
หลังจากนั่งเเสงเหนือก็ล้มตัวลงนอนหลับใหลยาวจนไม่รู้เรื่องรู้ราว ด้วยความเหนื่อยอ่อน ด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับ
เสียงของเพื่อสนิทที่เคยเตือนเขาเอาไว้ดังขึ้นมา แสงเหนือนอนหลับไหลทั้งที่คิดถึงเพื่อนสุดหัวใจ เขาอยากให้อีกคนมาอยู่ตรงนี้ข้างๆเขา อย่างน้อยเจ้าเมฆาก็มักจะกอดปลอบเขาในวันที่แย่เสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
พวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมันอนุบาล พ่อแม่ของเมฆาก็เป็นเพื่อนของแม่แสงดาวด้วย เลยทำให้ทั้งสองยิ่งสนิทกันมากขึ้น
พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตลอดไม่เคยแยกจากกัน เวลาใครสักคนเจอเรื่องแย่ๆอีกคนก็จะเป็นคนปลอบเสมอผลัดกันปลอบโยนกัน จนเวลาร่วงเลยมาจนถึงปัจจุบันพวกเราก็ยังคงอยู่ด้วยกันเสมอ
เมฆาคือเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาและเป็นคนที่สำคัญคนหนึ่ง ...
แสงเหนือหลับใหลจมเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยหัวใจที่บาปช้ำ ตอนนั้นเองที่ข้อความในแอปพลิเคชั่นสีเขียวเด้งขึ้นมา
เมฆา
: มึงต้องมีความสุขมากๆนะเเสงเหนือ รักมึวนพ
เมื่อบทเพลงที่เจ็ดเริ่มต้นขึ้น
บัดนี้ หมู่เมฆาพลันสลาย เผยให้เห็นดวงสุริยาแผดเผาแม้ยามราตรี
เจ้าวิญญาที่น่าสงสาร โปรดตามข้ามายังที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้
ราตรีสีเลือดผ่านพ้นไปใยเจ้าไม่หลบซ่อน
ราตรีนี้ ราตรีนี้ ผู้จักได้เป็นบริวาร
ค่ำคืนเจ็ดเดือนเจ็ดคุณหลวงท่านออกมา
นำพาคนเป็นสู่ห้วงนิทราตลอดกาล
อ้ายอีตัวไหนยังมิกล้ามอง
คุณหลวงท่านเจอมึงแล้ว
___________________________________________________________
แสงเหนือสะดุ้งสุดตัวกับความฝันประหลาด แม้จะจำได้ไม่เท่าไหร่แต่เสียงบทเพลงน่าขนลุกนั้นยังคงหลอนอยู่ในหัว
ร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนไหมสีอ่อนสะบัดหัวไบ่ความรู้สึกไม่ดีออกไปจนหมดก่อนที่จะรีบลุกขึ้นเตรียมตัวไปอาบน้ำเสียที ท้องฟ้าข้างนอกยังเป็นสีมืดครึ้มอยู่โดยที่เจ้าของห้องไม่ทันได้สังเกตตรงหน้าต่างกับเห็นขาสีขาวซีดช้ำเลือดที่ยืนอยู่นิ่งๆ
บรรยากาศรอบบ้านพลันน่าขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแต่เพียงพริบตาเดียวขายาวนั้นก็หายไป
เหลือเอาไว้เพียงกลิ่นดอกแก้วหอมอ่อนๆที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
..
เด็กหนุ่มค่อยๆเดินออกมากพร้อมกับกลิ่นตัวที่หอมฟุ้ง เขาจัดแจงกันแต่งกายของตนเองให้เรียบร้อยพร้อมกับลงมาข้างล่างด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามแบบฉบับของตนเอง
ในตอนเช้าแบบนี้แม่ของเขาไม่มีทางตื่นแน่นอน ร่างโปร่งจึงตัดสินใจปิงขนมปังทาแยมง่ายๆทานสักสองสามชิ้น เมื่อทานเสร็จก็ลุกขึ้นยื่นเต็มความสูงพร้อมไปโรงเรียน
แต่แล้วพออกมาถึงหน้าประตูบ้านกลับสังเกตเห็นว่าบ้านข้างๆของเขาล็อคประตูรั่วเสียเรียบร้อย
อาจยังไม่ได้กลับมาที่บ้านไม่ก็ออกไปแล้ว
แน่นอนว่าในตอนเช้าเป็นเวลาที่แสงเหนือชอบเป็นที่สุดไหนเลยจะเก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ เขาจัดการขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ขันโปรดแล้วขับมาโรงเรียนทันที ลมเย็นๆยามเช้าที่กระทบบนใบหน้าทำให้เขาผ่อนคลายจากเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นได้มากโข
ในใจของเด็กหนุ่มได้แต่คิดถึงเพื่อนสนิทที่ไม่เห็นหน้าค่าตากันมาหลายวัน พอนึกว่าจะได้เจอเพื่อนก็น้ำตาแทบไหล
เขาคิดถึงเพื่อนคนนี้มากจริงๆ
เมื่อมาถึงโรงเรียนเข้าก็ขอที่จอดให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ววาดขาลงจากลดได้อย่างสวยงามแน่นอนว่าขณะเดินเข้าไปในโรงเรียนมีคนทักทายเขามากมาย เด็กหนุ่มกล่าวทักทายกลับด้วยใบหน้ายิ่งแย้ม
โดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีคนมากมายเดินไปมุงอยู่ที่หอพักร้างข้างโรงเรียนนับสิบคน แม้มีเพียง 1 ใน 9 เท่านั้นที่เป็นนักเรียนส่วนที่เหลือเป็นอาจารย์ทั้งหมด
เเสงเหนือก้าวเดินไปตามทางอย่างร่าเริง แต่แล้วสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นร่างสองร่างที่อยู่เคียงข้างกันอย่างแนบชิด
"มึงไม่เป็นอะไรแน่นะเหนือ"
" เออน่า บอกแล้วว่าหายแล้ว "
เรียวมือที่เขาเคยฝันอยากสัมผัสกำลังใช้มืออังหน้าผากของคนอีกคนอย่างแนบชิดพร้อมกับแสดงท่าทีเป็นห่วง
แสงเหนือที่ยืนมองอยู่ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าก้อนสะอื้นจะมาจุดอยู่ที่ลำคอแล้วก็ตาม ในตอนนั้นเองที่มุกและสมชายเดินเข้ามาพอดีเป็นมุกเองที่สังเกตเห็นแสงเหนือก่อน
ตอนแรกเจ้าหลอนจะเดินเข้ามาทักตามปกติ แต่กลับสังเกตเห็นดวงตาแดงก่ำราวกับจะร้องไห้ของคนเด็กกว่าเสียก่อน เมื่อมองตามเธอก็เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้เด็กร่าเริงคนนี้เป็นเช่นนี้
" น้องเหนือ "
" อ่ะ สวัสดีครับพี่มุก พี่สมชาย "
เมื่อแสงเหนือรู้ตัวก็รีบหันมาหาแล้วยกมือไหว้พวกเธอทันทีอย่างนอบน้อม
เธอยิ้มอย่างเอ็นดูให้กับเด็กน้อยตรงหน้าก่อนที่จะเอ่ยเพื่อชวนคุยเรื่องอื่น
" เหนือเห็นเมฆาไหม "
แต่เจ้าหล่อนยังไม่ทันได้พูดอะไรคนข้างที่ยืนเงียบอยู่นานก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
" เหนือไม่เห็นเลยครับ แต่เมื่อคืนโทรคุยกันอยู่เมฆาบอกว่าวันนี้จะมาเรียน "
แสงเหนือพูดแบบนั้นแต่สมชายกลับยังทำหน้าคร่ำเครียดอยู่จนร่างโปร่งสัมผัสได้
" ทำไมหรอครับ ? "
" ไม่มีอะไรแค่ฝันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ "
เเสงเหนือชะงักไปเล็กน้อยแล้วนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ตนฝันในใจพลันกังวลขึ้นมาทันที แต่ยังไม่ทันทำอะไรเจ้าคุณก็เดินเข้ามาขัดเสียแล้ว
ครั้งนี้มุกไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไปจงใจพูดจาแซะใส่เจ้าคุณอย่างชัดเจน
" กูเริ่มสงสัยแล้วนะเนี่ยว่ามึงคุยกับใครอยู่กันแน่ แหม บอกคุยกับคนนี้แต่ยอมทิ้งเขาไปหาอีกคนเชียว "
ความจริงเรื่องนี้มุกเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพียงแต่ว่าดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่ได้สังเกตเห็นเธอเท่าไหร่ และแน่นอนว่าเธอไม่พอใจกับการกระทำของเพื่อนเธอมากๆ
" อะไรมึง "
" สรุปมึงชอบเหนือไหนหรอคุณ กูอยากรู้จังเลยค่ะ "
" เสือกไรเรื่องกูล่ะ "
" เอ้าแล้วทำไมกูจะเสือกไม่ได้ มึงทำน้องมันเสียใจนะไอคุณ อย่าเหี้ย "
" กูไปทำมันเสียใจตอนไหน "
" อีเหี้ยนี้มึงยังไม่รู้ตัวอีกอ่อ ทำอะไรเหี้ยๆไว้ล่ะเมื่อวาน "
" แล้วมึงมายุ่งทำไม ก็ไอทิศมันป่วยกูก็ต้องไปดูมันป่ะวะ "
" ป่วยขนาดไหนหรอ แค่ไข้ โถ่ไอสัส เมื่อเขาก็มี "
" แล้วกูจะไปมันเรื่องของกูไหม กูกับไอเหนือยังไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรกันด้วยซ้ำ "
แสงเหนือที่ฟังอยู่ลมหายใจขาดห้วง ความกลัวเกาะกินไปทั่วหัวใจ เขาไม่อยากให้พวกพี่ๆเขาทะเลาะกันเลย..
" ไม่ได้เป็นอะไร แล้วที่มึงแสดงออกกับน้องมันนี่มันยังไงห๊ะ "
" แล้วกูได้บอกมันรึยังว่าเป็นอะไรกัน ถ้ามันจะเจ็บก็เป็นมันที่เสร่อคิดไปเองไม่ใช่รึไง "
"กูไม่ได้ขอให้มาชอบกูนี่ "
ความเจ็บแสบที่หน้าอกถูกตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งในใจปวดร้าวไปหมด แม้แต่เสียงก็ไม่สามารถเปล่งออกมาจากลำคอได้
ในตอนนั้นเองเหมือนเจ้าคุณจะนึกขึ้นมาได้ว่าคนที่เขาพึ่งต่อว่าไปเมื่อกี้ก็ยืนอยู่ เขารีบหันหน้ามามองอีกฝ่ายแต่ก็ต้องตกใจที่เห็นขอบตาแดงก่ำจวนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อของอีกคน
คนเด็กกว่าแย้มยิ้มออกมาก่อนจะก้มหัวขออนุญาตเหล่ารุ่นพี่แล้วหันหลังเดินออกไปทันที
ไม่ไหวแล้ว
ทางคนที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังเจ้าคุณที่กำลังจะตามไปก็ถูกมุกหยุดเอาไว้เสียก่อน
" มึงเลือกดีๆคุณ ถ้ามึงตามน้องไปกูจะถือว่ามึงเลือกน้อง แล้วอย่าหวังทำลูกกูเสียใจอีก "
พูดจบก็รีบวิ่งตามแสงเหนือออกไปพร้อมสมชายทันที
เจ้าคุณมองพื้นพลางคิดด้วยความเงียบ
เขาเจ็บ เขากลัว เขาโคตรรู้สึกแย่ อยากจะดึงคนเด็กกว่ามากอดให้แน่นๆ
ทำไมปากเขาต้องเหี้ยวะ
เมื่อตัดสินใจทบทวนดีๆแล้วก็เดินไปหาทิศเหนือก่อนจะคุยกันเพียงเล็กน้อยแล้วรีบวิ่งไปตามทางที่เห็นแสงเหนือวิ่งไปทันที
...
ทางเเสงเหนือเองในใจเจ็บร้าวจนแทบจนไม่ไหว ทั้งเสียงของเพื่อนสนิทและคำตอบจากคนของหัวใจ ทำให้เขาแทบจะร้องไห้ออกมาตอนนี้
น่าจะเชื่อคำเตือนของเมฆา เมื่อคิดแบบนั้นในใจพลันคิดถึงเมฆาขึ้นมาเป็นคนแรก
ในระหว่างที่เดินอยู่นั้นเอง
" เขาบอกว่ามีคนตายที่หอร้างอ่ะ "
" เห้ยจริงดิ "
"เห็นว่าเป็นพี่ ม. 5 อ่ะ กูไม่กล้าออกไปดูเลยเนี่นยคนออกไปดูทำไมเยอะแยะ "
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เมื่อคิดได้ดังนั้นขายาวของแสงเหนือพลันขยับก้าวไปตามทางทันที
เป็นอย่างที่รุ่นน้องว่าจริงๆ
มีคนมุงอยู่เต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ก็ต่างกันไว้ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้บริเวณที่เกิดเหตุเลยแม้แต่น้อย
" เชี้ย "
เสียงของมุกดังขึ้นมาแสงเหนือหันไปมองทันที พี่เขาก็ควจะตามมาเพราะเป็นห่วงนั่นแหละนะ
แต่ทำไมใจของเขามันไม่ดีแบบนี้ มัน กลัว
แปลกๆ ยิ่งเมื่อรู็ว่าคนที่ตายเป็นเด็ก ม. 5 ก็ยิ่งใจไม่ได้
แสงเหนือจึงรีบฝ่าฝูงชนเข้าไปทันทีท่ามกลางเสียงร้องของมุก
" ว๊ายน้องเหนือเข้าไปทำไมลูก รอพวกพี่ด้วย "
สัญชาตญาณในกายของแสงเหนือพลันกู่ร้อง ในใจได้แต่คิดซ้ำๆว่าคงไม่ใช่หรอก เขาน่าจะคิดมากไปเอง
จนกระทั่ง
ภาพตรงหน้าปรากฎสู่สายตา
ซากปะรักหักพังที่กองทับถมกันกองใหญ่ราวกับไม่มีอะไร แต่เื่อสังเกตดีๆในกองนั้นจะเห็นมีมือเรียวขาวซีดเต็มไปด้วยรอยแผลโผล่พ้นออกมา ในมือมีสร้อยเส้นเล็กเส้นหนึ่งที่คุ้นเคยสำหรับแสงเหนือเป็นอย่างดี
..
สร้อยที่เขาซื้อให้เมฆา
ราวกับโลกทั้งใบของเเสงเหนือพังทลายลงมา กว่าจะรู้ตัวเขาก็พุ่งเข้าไปพยายามลื้อหินก้อนใหญ่เหล่านั้นออกมาเสียแล้ว ท่ามกลางแรงดึงและเสียงร้องห้ามปรามของเจ้าหน้าที่ ไม่มีอะไรหยุดเเสงเหนือได้เลย
เขากรีดร้องอย่าบ้าคลั่งเอาแต่พูดย้ำๆว่าไม่จริงๆซ้ำไปซ้ำมา เล็บเรียวสวยสุขภาพดีแตกจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
ในตอนนั้นเองที่เขาพยายามขืนการดึงของเจ้าหน้าที่หินก้อนใหญ่ก็เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าคุ้นเคยที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะจนน่ากลัว เลือดสีเข้มไหลทะลักออกมาราวกับก็อกน้ำ
" เมฆา เมฆา ไม่จริง "
" เมฆา !! "
เเสงเหนือรีบพุ่งเข้าไปหาเพื่อนอีกครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย คนที่มองอยู่มองภาพนั้นด้วยอารมณ์เดียวกัน
สะเทือนใจ
แสงเหนือที่ปกติยิ้มแย้มแจ้มใสตอนนี้ก็ราวกับคนขาดสติ สมชายที่เห็นคนตรงหน้าเป็นคนที่ตัวเองชอบ นอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางซากตึกขนาดใหญ่น้ำตาของชายหนุ่มที่คิดว่าจะไม่มีวันไหลก็หยดลงมาไม่ขาดสาย ทางมุกเองก็ได้แต่ปิดปากพร้อมกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้ดีที่สุด
เพราะเมฆาเคยบอกว่าไม่อยากเห็นพี่ร้องไห้ ..
แสงเหนือร้องไห้ราวกับดวงใจแตกสลายเขาพยายามเอื้อมมือไปจับแขนของเพื่อนเอาไว้พร้อมปากที่พึมพำออกมาราวกับคนไร้สติ
" ช่วยเพื่อนผมด้วยพี่ ช่วยเพื่อนผมที มันหนัก ฮือ ห หินใหญ่ขนาดนั้นมันตัวนิดเดียว "
" ใครก็ได้ ช่วยเพื่อนผมที "
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น